ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 868 สภาวะเทพดวงดาว
ซูผิงก้าวออกจากอนุสรณ์ทุกสายหลังจากนั้น บนหน้าของเขามีเหงื่อ แต่เขายังไม่หมดแรงอย่างที่ทุกคนคิด
ทุกคนต่างตกตะลึง ทำไมเขาออกมาเร็วจัง? เขาล้มเหลวในการท้าทายชั้น 99 หรอ?
คะแนนอัปเดตใหม่แล้ว เมื่อแสงสีทองหายไป… ระดับชั้นด้านหลังชื่อของซูผิงเปลี่ยนจาก 98 เป็น 99!
ทุกคนที่อยู่หน้าอนุสรณ์คะแนนต่างเงียบไปในตอนนั้น
หลังจากการอัปเดทเพียงสองครั้ง ในเวลาแค่ยี่สิบนาที ซูผิงผ่านสามชั้นและไปถึงชั้นที่ 99!
เขาได้พิสูจน์ว่าตัวเองมีศักยภาพของสภาวะเทพดวงดาวอย่างไม่ต้องสงสัย!
ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่ม จู่ๆ ก็มีความคิดที่น่ากลัวเกิดขึ้น เนื่องจากการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ผู้ชายคนนั้นยังไม่ต้องเอาจริงเลยเหรอ? ความคิดนั้นทำให้นักดาบหนุ่มและจักรพรรดิมังกรมีการแสดงออกที่น่ากลัวมาก พวกเขาต้องการที่จะแข่งขันกับซูผิง ท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดเป็นนักรบสภาวะชะตากรรม และเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ซูผิงจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน? แต่ทุกอย่างจบลงแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน และความสูงของชั้น 99 นั้นเหนือจินตนาการ
ถึงกระนั้นกลับมีคนทำสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝันถึง พวกเขาจึงมีแต่ความสิ้นหวัง
ซูผิงสูดหายใจเข้าลึก เขาพูดไม่ออกขณะที่ทุกคนมองเขา เขาไม่ใช่คนซื่อบื้อ เขารู้ถึงความสำคัญของการไปถึงชั้นที่ 99 เขาสามารถบอกความยากของมันได้จากการแสดงออกของนักเรียนชั้นนำของทั้งห้าสถาบัน
เขาไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียง แต่เขาต้องการแต้ม
อย่างที่เขาคิดไว้ สามชั้นสุดท้ายจะได้แต้มมากที่สุด แต้มจากแต่ละชั้นได้มากเท่ากับการปีนขึ้น 40 ชั้น!
ซูผิงพอใจเมื่อเห็นคะแนน เขาอยากคุยกับผู้ดูแลระดับเจ้าดวงดาวและแลกแต้มเป็นทรัพยากร
ลมในอาณาจักรหยุดนิ่งทันทีเมื่อเขากำลังจะย้ายออก จากนั้นชายผู้เปล่งประกายก็ก้าวออกมาจากความว่างเปล่า
ดูเหมือนเขาเป็นศูนย์กลางของโลกทั้งใบ
วังวนที่หยุดนิ่งเริ่มหมุนวนอีกครั้ง
เจ้าดวงดาวหรี่ตาเมื่อเห็นคนแปลกหน้า ทั้งสองที่ดูแลอาณาจักรลับบินมาอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายท่าน”
เจ้าดวงดาวจากทั้งห้าสถาบันรีบทำตามและแสดงความเคารพอย่างรวดเร็ว พวกเขาค่อนข้างตกใจ บางคนมองไปที่ซูผิงในระยะไกล เขาเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฮวนเลี่ยเซิ่นมาถึง
นักดาบหนุ่ม จักรพรรดิมังกร ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้ และคนอื่นๆที่หน้าอนุสรณ์คะแนนต่างตกตะลึงไม่แพ้กัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นอัจฉริยะชั้นนำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงรู้สึกหวาดกลัวทุกครั้งที่เห็น
นั่นคือแรงกดดันจากสภาวะเทพดวงดาว แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาอย่างเจ้าดวงดาวก็ย่อมรู้สึกกลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พ่อหนุ่ม ฉันเป็นเจ้าของอาณาจักรลับแห่งนี้ เธอสนใจที่จะเรียนรู้จากฉันในฐานะลูกศิษย์ของฉันหรือไม่?”ฮวนเลี่ยเซิ่นกล่าวเชิญด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่เต็มใจที่จะเสียศิษย์ที่มีแนวโน้มเช่นนี้ไป
มันคงงี่เง่าถ้าเขาไม่พยายามเชิญชวนเขา
มันจะเป็นการเสียหน้าหรือเปล่าที่คนอย่างเขามาปรากฏตัวและเชิญชายหนุ่มคนนี้? เขาไม่ได้คิดอย่างนั้น
จะมีใครกล้าคิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องเสียหน้า? ไม่มีแบบนั้นหรอก เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง
”เอ่อ…”
ซูผิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขาพบว่ากลิ่นอายของผู้มาใหม่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากกับกลิ่นอายของท่านหญิงเขียวและยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวสามคนที่เขาเจอในที่พำนักศักดิ์สิทธิ์
เขาแข็งแกร่งพอๆ กับตัวตนดั้งเดิมของโจแอนนา…
ความคิดแวบเข้ามาในหัวของซูผิง เขาถามว่า “ผมจะได้อะไรหากเป็นศิษย์ของคุณ”
“!!”
เจ้าดวงดาวทั้งเจ็ดตกใจมากจนแทบจะกัดลิ้นขาด พวกเขาคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติกับหูของพวกเขาแน่ๆ
ชายหนุ่มที่ถือดาบไม้ จักรพรรดิมังกร และนักเรียนคนอื่น ๆ มองไปที่ซูผิงด้วยความตกใจเช่นกัน หลังจากได้รับเชิญจากสภาวะเทพดวงดาว แทนที่จะรู้สึกขอบคุณ ชายคนนั้นกลับถามว่าเขาจะได้อะไร?
ฮวนเลี่ยเซิ่นที่สวมชุดสีเงินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน แต่แล้วเขาก็หัวเราะและพูดว่า “น่าสนใจ น่าสนใจมาก เธอจะรับหลายอย่างเลยล่ะ อย่างเช่นเธอสามารถฝึกที่นี่ได้นานเท่าที่เธอต้องการ เธอได้แสดงศักยภาพที่ดี และด้วยโชคที่มากพอ เธอก็สามารถไปถึงสภาวะเทพดวงดาวได้เช่นกัน
“นอกเหนือจากการฝึกที่นี่ ฉันจะสอนเธอเป็นการส่วนตัว เธอจะกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวคนที่เจ็ดของฉัน!
“พลังต่อสู้ของเธอจะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นด้วยการฝึกฝนของฉัน!”
ฮวนเลี่ยเซิ่นกล่าวเสริมอย่างจริงจังว่า “ลองคิดดู เธอจะเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของฉัน ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ธรรมดา”
ซูผิงลังเล ไม่ใช่เพราะเขาสงสัยว่าเขาควรยอมรับคำเชิญหรือไม่ แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงต่างหาก เห็นได้ชัดว่าคำสัญญาของฮวนเลี่ยเซิ่นไม่น่าพอใจสำหรับเขา
ฝึกในอาณาจักรลับนี้? เขาสามารถฝึกฝนตัวเองในสนามบ่มเพาะได้อยู่ตลอดเวลา!
พัฒนาพลังต่อสู้หรอ? นั่นเป็นเพียงคำสัญญาปากเปล่า นอกจากนี้เขาสามารถก้าวหน้าได้ดีอยู่แล้ว ตราบใดที่เขาได้รับวัตถุดิบสำหรับกายแสงอาทิตย์ เขาจะไม่ต้องพึ่งผู้ชายคนนี้เลย
สิ่งที่น่าสนใจเพียงอย่างเดียวที่ผู้ชายคนนี้สามารถเสนอได้คือตัวตนของเขาในฐานะยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว
เขาจะมีสิทธิโอ้อวดถ้าเขามีอาจารย์เป็นสภาวะเทพดวงดาว
แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เขาจะต้องเปิดเผยความลับของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าเขากลายเป็นศิษย์และเขาไม่สามารถอธิบายตัวตนอยู่ของท่านหญิงเขียวได้
ซูผิงเชื่อว่าท่านหญิงเขียวไว้ใจได้มากกว่า
“ขออภัยท่านผู้อาวุโส แต่ผมต้องการเวลาในการพิจารณามากกว่านี้” ซูผิงกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบตรงๆ เขาไม่สามารถหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธได้ เว้นแต่เขาจะอ้างว่าเขามีอาจารย์สภาวะเทพดวงดาวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเขาจะเสียโอกาสในการเป็นศิษย์ของสภาวะเทพอมตะ หากมีใครแสดงความสนใจในตัวเขาถ้าเขาหงายการ์ดนี้
ทำไมซูผิงถึงคิดว่าสภาวะเทพอมตะจะสนใจเขานะหรอ?
เหตุผลก็ง่ายๆ จะไม่มีใครสนใจผู้ชายที่หล่ออย่างเขาได้ยังไง
ฮวนเลี่ยเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของซูผิง นี่เป็นการปฏิเสธทางอ้อมไม่ใช่หรอ? แต่เขาไม่อยากปล่อยซูผิงไปง่ายๆ เขาจึงถามว่า “เธอมีอาจารย์แล้วหรอ? หรือต้องถามความเห็นของคนในตระกูล?”
ซูผิงไม่ใช่อัจฉริยะโดยกำเนิดจากที่เห็น เขาต้องได้รับการสอนโดยยอดฝีมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสภาวะเทพดวงดาว เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนสภาวะเทพดวงดาวที่มีทายาทโดดเด่นเช่นนี้
ถ้าพวกเขามี พวกเขาคงอวดให้เขาเห็นไปนานแล้ว ไอลีนโนเวล
เจ้าดวงดาวทั้งเจ็ดและนักเรียนต่างตกตะลึง ซูผิงปฏิเสธคำเชิญ? ผู้คนนับไม่ถ้วนได้แต่ฝึนถึงโอกาสเช่นนี้!
ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้ ราชามังกรแห่งโอเอซิส และจักรพรรดิมังกรอิจฉาเขามาก
ราชินีแห่งท้องทะเลจอมดาบคลั่งและปีศาจมังกรต่างก็อิจฉาเช่นกัน พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้พบกับยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว แต่ซูผิงยังต้องการเวลาในการพิจารณาโอกาสอันล้ำค่าในการได้เรียนรู้ภายใต้เขาอีกอย่างงั้นหรอ?
“ทั้งสอง…” ซูผิงลังเลและไม่พูดชัดเจนนัก
หลังจากจ้องมองซูผิงสักครู่ ฮวนเลี่ยเซิ่นกล่าวว่า “ไม่เป็นไร แค่ลองคิดดูก็แล้วกัน คุณมาที่นี่ได้ตลอดเวลา จนกว่าจะตัดสินใจได้ นี่เป็นการแสดงความจริงใจเล็กน้อยของผม” เขายกมือขึ้นและชี้นิ้ว แสงสีทองปรากฏขึ้นและหมุนวนอยู่กลางอากาศ ซึ่งจากนั้นก็ก่อตัวเป็นทรงกลมสีทอง
“นี่คืออักขระต่อสู้ที่ฉันวาดด้วยพลังของสภาวะเทพดวงดาว”ฮวนเลี่ยเซิ่นกล่าว “ตอนแรกฉันว่าจะสร้างและชำระร่างกายของเธอใหม่ แต่ร่างกายของเธอดูบริสุทธิ์มาก แสดงว่าต้องมีคนทำให้เธอแล้วในอดีต”
การลงทัณฑ์ของสวรรค์ทำนะ ซูผิงคิด
เขามองดูอักขระต่อสู้ด้วยความสงสัย
ซูผิงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพลังของสภาวะเทพดวงดาว แม้ว่าเขาจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกันและแข็งแกร่งกว่าในสนามบ่มเพาะ แต่เขาก็สังเกตเห็นเพียงรูปร่างของพวกเขาเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าพวกเขาใช้พลังของตัวเองอย่างไร เขารู้เพียงว่ามันเป็นบางสิ่งที่อยู่เหนือกฏและโลก!
“ขอบคุณครับท่าน”
ฮวนเลี่ยเซิ่นยิ้มหลังจากเห็นว่าซูผิงเต็มใจที่จะรับ อักขระต่อสู้สีทองถูกผลักเข้าไปในร่างกายของเขา
ซูผิงรู้สึกถึงพลังพิเศษที่เหมือนหมอกบาง ๆ ซึมเข้าร่างกายของเขา ดูเหมือนจะมีพลังงานมากมายที่สามารถระเบิดออกมาจากอักขระต่อสู้ พิเศษได้ทุกเมื่อ
ผู้ชมทั้งหมดแสดงสายตาอิจฉา เนื่องจากไม่ใช่เรื่องปกติที่จะได้รับของจากยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว
ชายหนุ่มที่ถือดาบไม้หรี่ตาลงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
เมื่อได้รับของขวัญแล้วฮวนเลี่ยเซิ่นก็บอกลาซูผิงและจากไป
แม้ว่าเขาจะชื่นชอบซูผิงมากและอยากได้มาเป็นศิษย์ แต่เขาจะไม่พยายามชวนซ้ำและขอร้อง ท้ายที่สุดแล้วศักยภาพที่จะทะลวงไปสู่สภาวะเทพดวงดาวก็ยังเป็นแค่ศักยภาพ!
มันเป็นเพียงข้อมูลอ้างอิง จนกระทั่งมันแปรเปลี่ยนเป็นพลังที่แท้จริง อนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ คนที่มีศักยภาพสูงบางคนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็กและไม่มีใครจำพวกเขาได้
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในจักรวาล
ซูผิงจึงกลับไปที่ยอดเขาเพื่อฝึกต่อ
ซูผิงไปที่ชั้น 99 ของอนุสรณ์เป็นครั้งคราวในวันต่อมา ทั้งหมดเพื่อทดสอบพลังของอักขระต่อสู้ของสภาวะเทพดวงดาว
ซูผิงพบว่ามันเป็นพลังที่ติดอยู่กับตัวเขา มันไม่ได้เป็นเพียงพลังดวงดาวบริสุทธิ์หรือพลังงานบางอย่างเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่รู้สึกเกินกว่าระดับดวงดาว เหมือนกับพลังศรัทธา
เดิมทีเขาสามารถผ่านชั้นที่ 99 ได้ด้วยการผสานกับมังกรเพลิงนรก แต่หลังจากได้รับอักขระต่อสู้เขาก็สามารถผ่านชั้น 99 ได้ด้วยการผสานกับขาวน้อย!
ถ้าฉันมีอักขระต่อสู้นี้ อัจฉริยะที่เป็นศิษย์ของสภาวะเทพดวงดาวคนอื่นๆ ก็น่าจะมีแบบนี้…
ซูผิงไม่ยินดี หัวใจของเขาค่อนข้างหนักอึ้ง เขาค่อนข้างกลัวหลังจากที่ได้สัมผัสพลังนี้แล้ว ไม่นานการฝึกฝนในอาณาจักรลับก็สิ้นสุดลง
วันหนึ่ง มีคนมาที่นี่เพื่อรายงานว่าการทดสอบคัดกรองของการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลสิ้นสุดลงแล้ว และการแข่งขันรอบกาแล็กซี่กำลังจะเริ่ขึ้น ซูผิงและคนอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองจะออกจากอาณาจักรลับเพื่อไปเข้าร่วม
ผู้ที่ชนะการแข่งขันจะต่อสู้กับเขตดวงดาวอื่นในฐานะตัวแทนของเขตดาวทองคำ 100 อันดับแรกของทุกเขตดวงดาวจะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
“เราต้องไปตอนนี้?”
“ฉันคิดว่าฉันยังไม่พร้อม บัดซบ ฉันคิดว่าฉันพร้อมแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้รู้ว่าฉันยังห่างไกลจากขอบเขตของสภาวะชะตากรรมหลังจากที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดทั้งหมดนี่!”
“ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับสถาบันสุสานมังกรในการเข้าสู่เขตดาวทองคำหรอกใช่ไหม?”
“ทายาทของเทพแห่งดาบนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ เขาสามารถปราบปรามจักรพรรดิมังกรได้”
นักเรียนทุกคนไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
พวกเขาทำตามคำสั่งของเจ้าดวงดาวจากของสถบัน ขึ้นยานอวกาศของตนและมุ่งหน้าสู่ลานประลอง
ฮวนเลี่ยเซิ่นปรากฏตัวอีกครั้งก่อนที่ซูผิงจะจากไป เขากล่าวว่า “ฉันจะไปที่นั่นเพื่อดูการต่อสู้ของเธอ ทำให้เต็มที่”
ทุกคนตกใจและอิจฉาที่เห็นฮวนเลี่ยเซิ่นมาหาซูผิง แม้ว่าซูผิงจะไม่ผ่านการแข่งขัน เขาก็สามารถกลับมาหาฮวนเลี่ยเซิ่นและเรียนรู้จากเขาได้เสมอ
“ขอบคุณครับท่าน” ซูผิงตอบอย่างมีมารยาท
ซูผิงนึกถึงท่านหญิงเขียวทันทีหลังจากที่เขาขึ้นยานอวกาศ เธอคงย้ายดาวเคราะห์มารอเขาอยู่นอกอาณาจักรลับ…
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเดินทางอยู่เรื่อยๆ ซูผิงคิดอยู่ชั่วครู่… ไม่มีเทพอมตะในซิลวี่ มีเพียงสภาวะเทพดวงดาวเท่านั้นที่จะดูการแข่งขัน พวกเขาอาจจะหลีกเลี่ยงการหาเรื่องเธอตราบใดที่เธอไม่อุกอาจเกินไป
“ไปที่ลานประลองกันเถอะ” ผู้สอนบนยานอวกาศกล่าวและกระตุ้นให้นักบินออกเดินทาง
ยานอวกาศของสถาบันทั้งห้าได้เคลื่อนตัวออกไปทีละลำ เครื่องยนต์ของพวกเขาเปล่งแสงเป็นประกายก่อนที่จะระเบิดและพุ่งออกไป
ในที่สุดซูผิงก็มองเห็นรีอาได้เมื่อพวกเขาออกจากอาณาจักรลับ ท่านหญิงเขียวลากดาวตามมาด้วย
“ดาวดวงนี้มาจากไหน?”
“อาจเป็นฝีมือของท่านฮวนเลี่ยเซิ่น”
“เราจะไปที่ลานประลองที่เดิมใช่ไหม?”
“อามิลล์กำลังจะโด่งดัง!”
บนยานอวกาศ—ทุกคนตื่นเต้นและตั้งตารอการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“คราวนี้ลานประลองถูกสร้างขึ้นในความว่างเปล่า มันกว้างขวางมาก ทุกคนจะไม่รู้สึกถูกจำกัดเลยแม้แต่น้อย แต่อย่าประมาทแม้ว่าคุณจะแข็งแกร่ง จำไว้ว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่เสมอ” ผู้สอนบอกพวกเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
ทุกคนมองไปที่ซูผิงโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชายคนนั้นคือ ‘คนที่แข็งแกร่งกว่า’ อย่างไม่ต้องสงสัย