ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 914 อาณาจักรลับ
ยานอวกาศรูปใบไม้โผล่ออกมาจากมิติลึก เหนือระเบียงที่เหล่าสภาวะเทพดวงดาวรวมตัวกันอยู่ มันมีรูปร่างบางเฉียบราวกับใบมีดแหลม มีลายมือเรืองแสงอยู่ใต้ยาน
“ไปกันเถอะ” โหยวหลงกล่าว
สภาวะเทพดวงดาวทุกคนยืนขึ้นเพื่อบอกลาโหยวหลง บางคนเข้ามาหาเขา พาเด็กในปกครองมาด้วย ทุกคนขอให้เขาดูแลพวกเขาระหว่างการเดินทาง
โหยวหลงยอมรับคำขอด้วยรอยยิ้มในฐานะผู้ชายที่เป็นมิตร
ซูผิงเห็นว่าหลิงหู่เจี้ยนยืนอยู่ข้างชายชราผมขาวซึ่งมีเครายาวราวกับดาบ
ชายชราสังเกตว่าซูผิงมอง ทันใดนั้นก็พูดกับหลิงหูเจี้ยนด้วยเสียงต่ำ “ไม่ใช่ความผิดของเธอที่เธอแพ้เขา”
หลิงหู่เจี้ยนตกตะลึงเล็กน้อยกับคำพูดของเขา เขายิ้มเจื่อนๆและพูดว่า “ขอบคุณครับอาจารย์..”
“เขาเป็นสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์ เขามีพลังดวงดาวที่ไม่รู้จักหมด สามารถทำลายวิชาดาบของเธอได้อย่างง่ายดาย!”
เมื่อสังเกตเห็นว่าซูผิงมองกลับมาที่เขา ชายชรายิ้มให้เขาแล้วพูดกับศิษย์ของเขาทางกระแสจิตว่า“วิชาดาบของเธอยังไม่ดีพอ เธออาจจะสามารถตัดพลังดวงดาวของเขาออกจากกันได้หากเข้าใจดาบผ่าสมุทรระดับสาม ไม่ว่ามันจะมีมากมายแค่ไหนก็ตาม!”
“อาจารย์ผมสามารถเข้าใจระดับสามด้วยการบ่มเพาะปัจจุบันของผมได้ไหม?”หลิงหู่เจี้ยนอดไม่ได้ที่จะถาม
เขาจำได้ว่าอาจารย์ของเขาค่อนข้างพอใจตอนที่เขาไปถึงระดับสอง โดยคิดว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดได้ยากจริงๆ สำหรับคนระดับเขา
สำหรับระดับสาม…
เขายังไม่ทีท่าจะไปถึง
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับการบ่มเพาะ ระดับที่สูงขึ้นจะทำให้เธอมีการพัฒนาที่ครอบคลุม เพื่อให้ตัวเธอเองฉลาดขึ้น และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามอัจฉริยะอย่างเธอยังมีโอกาสที่จะเข้าใจระดับสามด้วยการบ่มเพาะในปัจจุบัน” ชายชราพูดผ่านกระแสจิต
หลิงหู่เจี้ยนตกตะลึงในความเงียบ
“ชายหนุ่มคนนั้นเก่งที่สุดในเขตดวงดาวแห่งนี้”
ผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้ามองซูผิงอยู่ที่ระเบียง หลายคนเป็นคนในครอบครัวของผู้เข้าแข่งขัน 100 อันดับแรก เช่นจักรพรรดิมังกรและแคลซาเบ ท้ายที่สุดมันเป็นสิ่งที่ดีที่ลูกหลานของพวกเขาก้าวขึ้นสู่ร้อยอันดับแรกได้
ด้วยความสัมพันธ์ทางครอบครัว พวกเขาจึงได้รับสิทธิพิเศษให้มาเยี่ยมพวกเขาได้
“พ่อไม่รู้ว่าลูกสามารถขึ้นสู่ร้อยอันดับแรกได้ด้วยความช่วยเหลือของเขา มันเป็นความสำเร็จที่แม้แต่คุณปู่ของลูกก็ยังทำไม่สำเร็จ ลูกต้องตอบแทนเขาอย่างดีถ้ามีโอกาส” ชายแข็งแกร่งที่อยู่ถัดจากแคลซาเบกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ ลดเสียงลงหน่อย เราห้อมล้อมไปด้วยยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาว”แคลซาเบกล่าวด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก
“ลูกเป็นหนึ่งในร้อยอันดับแรก และยังมีความหวังว่าจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว อดทนไว้ ไม่งั้นพ่อจะหักขาลูกทิ้ง โอ้ ใช่แล้ว ห้ามไปแตะต้องผู้หญิงคนไหนจนกว่าจะไปถึงสภาวะเทพดวงดาว!”
“…”
ในไม่ช้า ตามคำสั่งของโหยวหลง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็อำลาครอบครัวของพวกเขาและเข้าไปในยานอวกาศ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าแข่งขันส่วนหนึ่งที่ลูกหลานได้รับการคุ้มครองจากซูผิงต่างจ้องมองไปที่เขาอย่างจะขอบคุณ พวกเขายิ้มอย่างเป็นมิตรเมื่อซูผิงมองกลับมา
“ศิษย์พี่ ผมต้องการบอกลาเพื่อนๆ ของผม” ซูผิงกล่าว
โหยวหลงตกตะลึงชั่วขณะ แต่แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิ”
ซูผิงบินออกจากระเบียงทันที เขาไปที่อวกาศนอกสภาเทพอมตะ และเห็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ทันที มันสะดุดตากว่ายานบรรทุกยานอวกาศมาก
ตัวแทนสื่อจำนวนมากจากกาแลคซีอื่นๆ รีบรายงานข่าวเกี่ยวกับดาวเคราะห์นี่ และสงสัยว่าใครใช้มันเหมือนยานอวกาศ
ซูผิงมาถึงรีอาในไม่ช้าหลังจากเดินทางผ่านมิติลึก
เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน เขาสัมผัสได้ถึงความคิดของท่านหญิงเขียวเมื่อเขาอยู่ใกล้
“ท่านหญิงเขียว ไม่ต้องตามไป สถานที่ที่ผมจะไปค่อนข้างซับซ้อน เป็นอาณาจักรลับชั้นนำในจักรวาลและจะมีเทพอมตะสองสามคนจะอยู่ที่นั่น ตัวตนของคุณอาจถูกเปิดเผย” ซูผิงพูดผ่านกระแสจิต
ท่านหญิงเขียวกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องกลัวขณะที่ข้าอยู่ในร้านของเจ้า”
ซูผิงพูดไม่ออก เขายิ้มเจื่อนๆและกล่าวว่า “ท่านหญิงเขียว อาจารย์ของผมแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ไม่ง่ายที่จะจัดการกับยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะ แถมอาจารย์ของผมก็ไม่ชอบปรากฏตัวในที่สาธารณะด้วย”
ท่านหญิงเขียวเงียบไปครู่หนึ่ง
ตามความเข้าใจของเธอ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังซูผิงนั้นคือราชาเทพ (ยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะ) หรือแม้แต่จักรพรรดิเทพที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วนิรันดร์!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูผิงพูดอย่างนี้ นั่นอาจเป็นความปรารถนาของเขา
เธอพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็ได้ เจ้าดูแลตัวเองด้วย”
เธอตรวจพบรัศมีของราชาเทพในสถานที่นั้นแล้ว เธออาจถูกเปิดเผยถ้าร้านของซูผิงไม่ได้ปกปิดกลิ่นอายของเธอ เธอชอบที่จะรักษาระยะห่างเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น
“ท่านหญิง โปรดย้ายดาวเคราะห์กลับไปยังที่เดิม ผมจะกลับไปเมื่อการแข่งขันจบลง ช่วยดูแลธุระกิจในขณะที่ผมไม่อยู่ด้วยนะครับ” ซูผิงกล่าวด้วยความโล่งใจ
ท่านหญิงเขียวไม่รู้จะพูดยังไง ทำไมเขาถึงยังสนใจธุรกิจของเขาอยู่อีก?
เธอสามารถปล้นสมบัติทั้งหมดบนโลกใบนี้ได้อย่างง่ายดายหากซูผิงต้องการเงินจริงๆ
“ดูแลตัวเองด้วย” ท่านหญิงเขียวพูดและตัดการสื่อสาร
ซูผิงยิ้มและเดินทางกลับไป
เขารีบกลับไปที่ระเบียง โหยวหลงมองไปไกล ดูเหมือนเขากำลังครุ่นคิดอยู่ลึกๆ แต่แล้วเขาก็ยิ้มอย่างผ่อนคลายอีกครั้งและพูดว่า “ศิษย์น้อง เพื่อนของนายดูไม่ธรรมดาเลย”
ซูผิงตื่นตระหนกกับสิ่งนี้ ลอร์ดสวรรค์อย่างเขาสแกนรีอาแล้ว?
เขาคงจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ท้ายที่สุดสภาวะเทพดวงดาวสามารถตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดบนดาวได้อย่างง่ายดาย ยกเว้นร้านของเขา ซึ่งสะดุดตาราวกับเมล็ดงาที่อยู่ท่ามกลางหิมะ
ซูผิงยิ้มและเลือกที่จะไม่พูดอะไร ไอลีนโนเวล
ไม่ใช่เรื่องใหญ่แม้ว่าร้านของเขาจะถูกบดบัง ผู้ชายคนนี้เป็นศิษย์พี่ของเขาแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล
โหยวหลงยังคงนิ่ง แต่เขาเคารพซูผิงมากยิ่งขึ้น มีร้านค้าบนดาวดวงนั้นที่แม้แต่เขาก็ยังมองไม่เห็น ใครก็ตามที่อยู่ข้างในต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวหรือไร้เทียมทานแม้กระทั่งในหมู่สภาวะเทพดวงดาว
ครู่ต่อมา—ซูผิงและดิแอซขึ้นยานอวกาศภายใต้การนำของโหยวหลง
ยานอวกาศดูเหมือนจะบาง แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างกว้างขวางและหรูหรา
“เราจะใช้เวลาแค่ครึ่งวันในการไปถึงอาณาจักรลับทะเลเทพ ดังนั้นฉันจึงจะไม่จัดห้องฝึกให้ มันจะเป็นการแข่งขันที่เหนื่อยมาก พักผ่อนก่อน ไม่ใช่เรื่องดีที่จะเครียดอยู่ตลอดเวลา” โหยวหลงยิ้มให้ซูผิงและดิแอซ
ดิแอซส่ายหัวและพูดว่า “ศิษย์พี่ ผมชอบฝึกมากกว่า”
ซูผิงมีเรื่องให้ต้องทำมากมาย เขาจึงกล่าวเสริมว่า “ศิษย์พี่การฝึกฝนคือการพักผ่อน น่าเสียดายที่จะเสียเวลาครึ่งวันไปเฉยๆ”
“เอ่อ นาย…”
โหยวหลงตกตะลึง เขามองพวกเขา จากนั้นเขาก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “พวกนายไม่ได้มีแค่ความสามารถ แต่ยังพยายามหนักกว่าคนอื่นอีกด้วย พวกเขาจะเอาชนะนายได้ยังไง? ดี ความเพียรเป็นสิ่งที่ดี อาจารย์จะฆ่าฉันถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ให้นายฝึก”
เขาพาพวกเขาไปที่ห้องฝึกและพูดว่า “นี่คือห้องฝึกพิเศษที่ฉันใช้อยู่ตลอด สามารถปรับพลังดวงดาวภายในได้ ฉันลดระดับเป็นระดับดวงดาวขั้น 10 ซึ่งน่าจะพอดีสำหรับพวกนาย”
ดิแอซรีบขอบคุณทันที
ซูผิงก็เช่นกัน
”ไม่เป็นไร”
โหยวหลงโบกมือ เปิดประตูห้องฝึกและเรียกผู้พิทักษ์เจ้าดวงดาวมาหา “ถ้าพวกเขาต้องการอะไร เอามาให้พวกเขาด้วย”
เจ้าดวงดาวพยักหน้าด้วยความเคารพ จากนั้นจึงโค้งคำนับไปทางซูผิงและดิแอซ ทั้งสองประหลาดใจกับทัศนคติของเขา เพราะเขาเป็นเจ้าดวงดาว!
ห้องฝึกค่อนข้างกว้างขวาง มันมีแรงโน้มถ่วงรุนแรงที่สามารถทำให้ร่างกายอบอุ่น มันยังมีพลังดวงดาวหนาแน่นและแรงดึงดูดพิเศษ
หลังจากให้คำแนะนำเสร็จ โหยวหลงก็ทิ้งซูผิงและดิแอซไว้ตามลำพังในห้อง
พวกเขาอยู่กันแค่สองคนในห้อง
ซูผิงวางแผนว่าจะตรวจสอบวัตถุดิบสำหรับกายแสงอาทิตย์ที่ซิงเยวี่ยเซินเอ๋อร์หามาให้ แต่เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขาจึงต้องดูดซับเศษกฎไปก่อน
“ห้องฝึกนี่ดูเหมือนจะพิเศษ”
ซูผิงรู้สึกว่าการดูดซับพลังดวงดาวนั้นไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน เขาหลับตาและเปิดใช้งานแผนภูมิดวงดาวโกลาหลอย่างเต็มที่ พลังดวงดาวภายในเซลล์ของเขาเริ่มหมุนเหมือนกระแสน้ำวน ทำให้เกิดแรงดึงดูดที่รุนแรง
พลังดวงดาวหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายและเติมเต็มเซลล์ของเขา ปรับปรุงและเสริมพลังฝห้เขา
ซูผิงยังสัมผัสได้ถึงรัศมีสดชื่นในห้องขณะที่เขาฝึกฝน ซึ่งทำให้เขาโล่งใจและเตือนเขาถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่หลุดไปจากความสนใจของเขา เขาพบวิธีแก้ไขปัญหามากมายเช่นกัน
ซูผิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งกับห้องฝึกของศิษย์พี่โหยว
“เคล็ดบ่มเพาะของนายคล้ายกับร่างเทพของฉันจริงๆ!”
ทันใดนั้นได้ยินเสียงของดิแอซอยู่ใกล้ ๆ
ซูผิงลืมตาขึ้นและพบว่าดิแอซกำลังจ้องมองเขาด้วยสีหน้ามืดมน มีความไม่เชื่อและความโกรธในสายตาของเขา
ซูผิงเห็นหลุมดำที่ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวของชายคนนี้ ดึงดูดพลังดวงดาวในบริเวณใกล้เคียง พวกมันคล้ายกับหลุมดำภายในร่างกายของเขา ดูดพลังดวงดาว ทำให้การบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน
“ศิษย์น้อง ร่างเทพของนายดีมากจริงๆ” ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ดิแอซเลิกคิ้ว “เรียกฉันว่าศิษย์น้องเหรอ?”
“นายไม่ใช่ศิษย์น้องหรอ?” ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ริมฝีปากของดิแอซสั่น อาจารย์ของพวกเขาคัดเลือกพวกเขามาพร้อมกันและเขาไม่ได้พูดถึงว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง แต่ซูผิงชนะการแข่งขันและเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่า เมื่อมองจากเรื่องนี้ เขาอาจเป็นศิษย์พี่ได้จริงๆ
“ฉันจะไล่ตามนายให้ทัน”
ดิแอซพ่นลมหายใจและกล่าวว่า “ร่างเทพของฉันเพิ่งปรากฏออกมา มีสมบัติล้ำค่ามากมายที่ยังไม่ได้พัฒนา มาแข่งขันกันอีกครั้งหลังจากที่พัฒนาเต็มที่แล้ว!”
“ไม่เป็นไร ศิษย์น้องสิบที่จับ” ซูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”นาย!”
ดิแอซโกรธจัด ศิษย์น้องสิบที่จับ? ผู้ชายคนนี้กำลังล้อเลียนเขา
เขาหน้าแดง และเกือบจะอาละวาดเมื่อซูผิงจ้องมาที่เขาด้วยสายตาล้อเลียน
อย่างไรก็ตามเขาจะเป็นผู้แพ้อย่างแท้จริง ถ้าเขาโกรธ เขากัดฟันและเงียบ
ซูผิงยิ้มอีกครั้ง แต่แล้วก็เลิกเยาะเย้ยเขา เขาหลับตาลงและจดจ่อกับการบ่มเพาะ
เศษกฎที่รวบรวมได้ค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยออกมา เขาจมอยู่กับการทำความเข้าใจพวกมัน
กฎได้รับการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งทีละข้อ เข้าใกล้วิถีที่สมบูรณ์มากขึ้น
เวลาครึ่งวันผ่านไปในพริบตา ซูผิงรู้สึกว่าเขาเพิ่งเริ่มทำสมาธิก็ต้องตื่นแล้ว
ซูผิงส่ายหัว รู้สึกว่าเขาต้องการเวลามากกว่านี้ เขาอยากรู้ว่าทำไมการแข่งขันครั้งนี้ถึงได้เร่งรีบแบบนี้
เสียงของระบบก็ดังขึ้นทันที “ฟ้ากำลังเปลี่ยน”
ซูผิงตกใจมากกับคำพูดนี้ นานแล้วที่ระบบไม่ได้พูด เขาประหลาดใจและโมโห “บอกล่วงหน้าก่อนจะพูดได้ไหม? นายหมายถึงอะไรฟ้าเปลี่ยน? สภาพอากาศ?”
อย่างไรก็ตามเสียงของระบบไม่ได้ฟังดูผ่อนคลายเหมือนเมื่อก่อน ระบบพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันหมายถึงท้องฟ้าในจักรวาลของนาย ซึ่งอยู่เหนือหัวนายไม่รู้กี่ปี่แสง!”
ซูผิงตกตะลึง เขาไม่ค่อยเห็นระบบจริงจังแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นเพียงโดมของห้องฝึก เขาต้องการบินออกไปสำรวจ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ทำ เนื่องจากไม่มีอะไรแตกต่าง แม้ว่าเขาจะออกไปก็ตาม
มีดวงดาวนับไม่ถ้วนและอวกาศหนาวเหน็บอยู่ทุกทิศทาง แล้วมีแม้กระทั่งท้องฟ้า?
”นายรู้ไหมว่าทำไม?” ซูผิงถาม
ระบบไม่ตอบ
ซูผิงพยายามถามหลายครั้ง แต่ก็ได้รับแต่ความเงียบ เขาโกรธระบบมาก ที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาอย่างคลุมเครือ!
เขาตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าที่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้ จะดีกว่าสำหรับเขาที่จะสนใจการคว้ารางวัลชนะเลิศ
เมื่อการแข่งขันจบลง เขาจะสามารถพัฒนาระดับของเขาได้
เขารั้งไว้และไม่ข้ามขั้นมาเป็นเวลานาน ไม่มีอะไรบอกว่าเขาจะไปถึงระดับใด
ฉันต้องพาโจแอนนาไปที่แดนเทพอาเคี่ยนด้วย ฉันให้เธอรอนานเกินไปแล้ว ซูผิงคิด เขารู้สึกผิดต่อโจแอนนา และทำได้เพียงส่ายหัว จากนั้นห้องฝึกก็เปิดออก และศิษย์พี่โหยวหลงก็ยืนอยู่ข้างประตู
“ออกมาได้แล้ว พวกเรามาถึงแล้ว”