ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store - ตอนที่ 972 เทพระดับสูง
“ดวงอาทิตย์หกในเก้าดวงถูกทำลาย?”
ทั้งซูผิงและถังยู่หรานตกตะลึงกับคำพูดของโจแอนนา การต่อสู้ที่รุนแรงแบบไหนถึงสามารถทำลายดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าได้?
ซูผิงทราบมาจากอาจารย์ของเขาว่าแดนเทพอาเคี่ยนถูกทำลาย และสนามรบที่เขาได้รับการทดสอบในอาณาจักรลับทะเลเทพเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน หลุมศพกึ่งเทพก็ด้วย ทุกอย่างบ่งชี้ว่ามีสงครามเคยเกิดขึ้นจริงในอดีต
“เป็นไปได้ไหมว่าแดนเทพอาเคี่ยนได้รับการฟื้นฟูสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตหลังจากผ่านมานาน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
โจแอนนายังคงมึนงง เธอมองซูผิงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอกล่าวว่า “จริงด้วย ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เทพสูงสุดต้องฟื้นฟูอาณาจักร นั่นเป็นคำอธิบายเดียวสำหรับดวงอาทิตย์ที่เพิ่มเติม พวกเขาต้องสร้างดวงอาทิตย์ทั้งหกขึ้นมาใหม่!” ซูผิงพยักหน้า ดูเหมือนจะเป็นเพียงคำอธิบายเท่านั้น
”เกิดอะไรขึ้นที่นี่? เทพต่อสู้กับอะไร?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
นั่นเป็นความลับโบราณ แม้แต่ยอดฝีมือเทพอมตะก็ยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด
ขณะที่เธอมองดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงบนท้องฟ้า โจแอนนาค้นหาความทรงจำของเธอและตอบว่า“เรื่องมันยาว ฉันเพิ่งเริ่มเดินบนวิถีการบ่มเพาะของฉัน อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสในตระกูลของฉันบอกฉันว่าสวรรค์พยายามทำลายเหล่าเทพ เราต่อสู้กลับเพื่อต่อต้าน!”
“สวรรค์?”ซูผิงและถังยู่หรานต่างก็สับสนเหมือนกัน
ถังยู่หรานถามด้วยความสงสัย “เธอหมายถึงท้องฟ้าหรอ?”
โจแอนนาเหลือบมองถังยู่หรานแล้วมองไปที่ซูผิงจากนั้นเธอก็พูดว่า “ไม่ใช่สวรรค์เดียวที่โจมตีอาณาจักรแห่งเทพ แต่มีหลายแห่ง ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่ง”
ซูผิงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับสวรรค์จากอีกาทองคำเหมือนกัน เขารู้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดท่ามกลางความโกลาหลในสมัยโบราณ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันมีระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะเทพอมตะ
ตามที่โจแอนนากล่าว มีสวรรค์มากกว่าหนึ่ง?
“แม้แต่สวรรค์ยังต้องรับคำสั่งจากใครบางคน? สิ่งมีชีวิตนั้นสามารถเป็นอะไรได้บ้าง?” ซูผิงอดไม่ได้ที่จะถาม
โจแอนนาสั่นหัวเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ ฉันอ่อนแอเกินกว่าจะเรียนรู้ในตอนนั้น และตอนนี้ก็ด้วย ฉันยังไม่ได้เป็นเทพสูงสุดด้วยซ้ำ ระดับของฉันต่ำเกินไปที่จะรู้ความลับเหล่านั้น”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความหวังและความมุ่งมั่น เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้
ถังยู่หรานไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เธอไม่ได้ถามเพราะรู้ว่าเธอยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้อะไรเพิ่มเติม เธอเพียงรู้สึกมีแรงกระตุ้นอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้นและไล่ตามซูผิงให้ทันเพื่อที่เธอจะได้พูดคุยกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน
หากสวรรค์อยู่เหนือสภาวะเทพอมตะและมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอยู่สูงกว่าพวกเขา ฉันยังอ่อนแอเกินไปจริงๆ ฉันต้องไปถึงสภาวะเทพดวงดาวให้ได้ก่อนจึงจะเริ่มสืบเรื่องของพวกเขา… ซูผิงคิด
เขาเติบโตอย่างรวดเร็วก็จริง แต่เขาก็ยังหวังว่าเขาจะไปได้เร็วกว่านี้ เขาต้องการรู้ทุกสิ่ง และค้นหาว่าทำไมโลกที่สดใสแห่งนี้จึงล่มสลาย
“ตกลง อย่าพยายามจนเกินตัว เรามาที่นี่เพื่อฝึกซ้อม!”
ซูผิงตั้งสติและพูดกับสองสาวว่า “เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอในขณะที่สำรวจสถานที่นี้ ไม่มีอะไรที่สามารถฆ่าเธอได้ ต่อให้ตาย ฉันก็ย้อนเวลากลับไปได้ ดังนั้นเพียงทำตัวสบายๆที่จะทำทุกอย่าง เป็นสิทธิ์ของพนักงาน อย่าปล่อยให้โอกาสเสียไป”
ถังยู่หรานตกตะลึง “ย้อนเวลา? ให้เราคืนชีพ…”
”ถูกต้อง”
ในทางกลับกันโจแอนนายังคงสงบ เธอเคยเห็นความสามารถของซูผิงในหลุมศพกึ่งเทพ
“ฉันต้องการตรวจสอบและสำรวจอาณาจักรเทพ” โจแอนนากล่าว “ฉันจะกลายเป็นอมตะอย่างแท้จริงถ้าเราได้พบบรรพชนเทพและได้รับคุณสมบัติเพื่อที่ฉันจะได้เข้าอนุสาวรีย์บรรพชน!”
นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอในการมาที่แดนเทพอาเคี่ยน เธอต้องการหาอนุสาวรีย์บรรพชนที่หายไปนาน “อนุสาวรีย์บรรพชน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
”ใช่แล้ว นั่นคือสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉัน นายสามารถเป็นเทพแท้จริงได้เมื่อนายสลักพลังชีวิตของนาย นอกจากนี้ หากนายฝึกฝนต่อไป นายอาจเติบโตและกลายเป็นเทพโบราณ ตัวตนที่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับสวรรค์!”
“มันวิเศษขนาดนั้นเลยหรอ?” ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจ
ท่านหญิงเขียวเป็นยาวิเศษ ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวสามารถกลายเป็นราชาเทพได้หากพวกเขากินเธอ หรือแม้แต่ยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะ!
เพียงแค่สลักพลังชีวิตของคุณลงบนอนุสาวรีย์ก็สามารถทำให้คุณเป็นทพแท้จริงได้อย่างงั้นหรอ?
ซูผิงรู้สึกว่าเทพแท้จริงนั้นไม่มีอะไรโดดเด่น โลกนี้จะต้องงดงามมากในอดีต… ซูผิงทำได้เพียงถอนหายใจ
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะเทพอมตะจำนวนนับไม่ถ้วนและสมาชิกที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามบ้านของพวกเขาพังทลายไปแล้ว แม้แต่สหพันธ์ยังไม่สามารถหาทางเข้าแดนเทพอาเคี่ยนได้ เขาทำได้เพียงพึ่งพาระบบเพื่อเข้ามาที่สถานที่นี้…
เป็นอีกครั้งที่ซูผิงรู้สึกทึ่งกับพลังของระบบ
“มีเพียงเทพผู้ปกครองเท่านั้นที่สามารถใช้อนุสาวรีย์บรรพชนได้ นายยังอ่อนแอเกินไปในขณะนี้ บางทีนายอาจขอให้ผู้สนับสนุนช่วยหาโอกาสตอนที่นายก้าวขึ้นสู่ระดับของตัวตนเดิมของฉัน”โจแอนนากล่าวกับซูผิง
เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอนาคตของซูผิง เมื่อพิจารณาจากผู้สนับสนุนที่น่าสะพรึงกลัวที่ซูผิงมี อนาคตของเขาน่าจะถูกวางแผนไว้อย่างดีนานแล้ว
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาจะค้นหาสมบัติได้ แม้ว่าจะต้องพลิกสถานที่นี้กลับหัวกลับหาง ตราบใดที่สมบัติยังคงอยู่ในแดนเทพอาเคี่ยน
“ดูเหมือนว่าจะมีการตั้งถิ่นฐานของเหล่าเทพอยู่ข้างหน้า ไปที่นั่นและถามเส้นทางดีกว่า บางทีเธออาจรู้จักชื่อสถานที่นั้น” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพยักหน้า
ถังยู่หรานยอมแพ้แล้ว เธอติดตามพวกเขาและฟังพวกเขาพูดคุยกัน
”ฉันเหนื่อยมาก!”
ถังยู่หรานเหงื่อออกและหน้าแดงราวกับว่าเธอป่วยเป็นหวัดหนัก ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเริ่มวิ่ง แม้แต่ดวงตาของเธอก็สูญเสียโฟกัส
ซูผิงไม่หยุด เขากล่าวว่า “สภาพแวดล้อมที่นี่อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเธอ พยายามปรับตัวให้เข้ากับมัน เธอจะแข็งแกร่งขึ้น อย่าลืมดูดซับพลังเทพรอบตัวด้วย มันจะขัดเกลาและเสริมสร้างร่างกายของเธอ”
ถังยู่หรานไม่รู้ว่าการฝึกได้เริ่มขึ้นแล้ว เธอกัดฟันและดิ้นรนต่อไป
เธอเกือบสลบเพราะเธอหมดแรงขณะที่พวกเขาเดินไป ความคิดที่จะยอมแพ้เกิดขึ้นในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอกัดฟันและยึดมั่น
เธอรู้ว่าสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือยึดมั่น!
เหมือนที่ซูผิงพูด เธอต้องพยายามให้ดีที่สุด
ในทางตรงกันข้ามกับซูผิงและโจแอนนา เธอเป็นผู้บ่มเพาะที่ไม่มีความสามารถและขาดภูมิหลังที่แข็งแกร่ง เธอไม่มีอะไรนอกจากความขยัน
เธอไม่สามารถเข้าใจหรือร่วมพูดคุยระหว่างการสนทนาของซูผิงและโจแอนนาได้ เธอเกลียดความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้งมากกว่าความเหนื่อยล้า
ในที่สุดถังยู่หรานก็สลบไปเนื่องจากความอ่อนล้า
ซูผิงไม่ลังเลที่จะต่อยและฉีกร่างของเธอออกจากกัน ถังยู่หรานที่สับสนได้รับการฟื้นคืนชีพหลังจากนั้นไม่นาน เธอถามว่า “เมื่อกี้ฉันหมดสติไปหรือเปล่า? แปลกจัง ทำไมร่างกายของฉันถึงกลับมามีเรี่ยวแรง?”
“อย่างที่ฉันบอกไป เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย ฉันจะย้อนเวลาและนำเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งหากเธอไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แค่พยายามมุ่งมั่นไว้” ซูผิงกล่าว
ถังยู่หรานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากรู้สึกถึงความแข็งแกร่งในร่างกายของเธอ
โจแอนนาเหลือบมองซูผิง เธอรู้อยู่แล้วว่าถังยู่หรานสามารถคืนชีพได้ แต่ก็ยังรูสึกแปลกเมื่อเห็นซูผิงฆ่าเธออย่างรวดเร็ว
สิบนาทีต่อมา—
ถังยู่หรานเหงื่อออกอีกครั้ง ซูผิงจึงฆ่าเธออีกครั้งเพื่อคืนชีพเธอ ในเวลาเดียวกัน—ซูผิงเรียกอสูรของเขา พลังเทพในแดนเทพอาเคี่ยนนั้นหนาแน่นมากจนสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เพียงแค่อยู่ที่นี่
“เราเกือบจะถึงที่นั่นแล้ว”
พวกเขาเข้าใกล้ภูเขาที่พวกเขาเห็นแต่ไกล ต้นไม้ทุกต้นที่เติบโตที่นั่นสูงหลายร้อยเมตร ในขณะที่อาคารนั้นเก่าแก่ แต่สวยงามในแบบของมัน นอกจากนี้ยังมีเสาหินขนาดมหึมาที่มีรูปแกะสลักอย่างสวยงาม
จู่ๆก็มีเสียงคำรามออกมา “หยุด!”
คนที่แต่งตัวประหลาดกำลังตะโกนในภาษาของเทพโบราณ
โชคดีที่โจแอนนาเป็นหนึ่งในนั้น และซูผิงก็เรียนรู้ภาษาถิ่นบางส่วนของพวกเขาระหว่างที่เขาไปหลุมศพกึ่งเทพ
หวืด! หวืด!
คนแปลกหน้าสองคนในชุดเกราะสีทองเรืองแสงพุ่งเข้ามา ทั้งสองเป็นเทพ ผมที่เปล่งประกายของพวกเขาเป็นสีทองล้วน และพลังเทพจำนวนมหาศาลในร่างกายของพวกเขาบ่งบอกว่าสายเลือดของพวกเขานั้นบริสุทธิ์มาก!
พวกเขาชำเลืองมองผู้บุกรุก แล้วจ้องมองที่โจแอนนาชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาเริ่มก้าวร้าวน้อยลงเมื่อเห็นเธอ แต่พวกเขายังพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นี่คืออาณาเขตของตระกูลสายฝน เจ้ามาจากที่ใด? ทำไมถึงพาทาสของเจ้ามาที่นี่? ไม่รู้กฎกรือไง?”
พวกเขากำลังคุยกับโจแอนนา ทั้งซูผิงและถังยู่หรานถูกมองว่าเป็นทาสของโจแอนนา
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นทาสของเหล่าทวยเทพ
แม้แต่มังกรที่แข็งแกร่งก็ยังเป็นทาส นั่นเป็นความคิดที่ฝังลึกในเลือดของพวกเขา ทุกชีวิตล้วนด้อยกว่าและโง่เขลาในสายตาของพวกเขา
“เธอรู้จักพวกเขาหรอ?” ซูผิงไม่สนใจพวกเขา เขาสามารถคืนชีพได้นับไม่ถ้วนด้วยแต้มพลังที่มีอยู่มากมาย เขาดูถูกพวกเขาเหมือนที่พวกเขาดูถูกเขา
“ตระกูลสายฝน …”
มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการแสดงออกของโจแอนนา และเธอก็ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวและกำลังจะโค้งคำนับ
ลำดับชั้นในหมู่เทพมีความสำคัญมากกว่าลำดับของมังกร ตระกูลสายฝนมีตำแหน่งสูง!
โจแอนนาเกิดมาในตระกูลระดับกลาง นั่นคือเหตุผลที่เธอกลายเป็นเพียงเทพผู้ปกครองในหลุมศพกึ่งเทพ
สมาชิกของตระกูลระดับสูงมักจะมีความสามารถมากกว่า และสามารถกลายเป็นเทพผู้ปกครองได้อย่างง่ายดาย คนที่โดดเด่นสามารถกลายเป็นเทพสูงสุดได้
ลูกหลานของพวกเขาบางคนถึงกับเชื่อกันว่าสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นเทพโบราณได้!
เมื่อเห็นท่าทางของโจแอนนา ซูผิงคว้าไหล่ของเธอแล้วขมวดคิ้วถาม “เธอทำอะไร?”
ด้วยทัศนคติที่ไม่สุภาพของซูผิง โจแอนนาจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตระกูลสายฝนเป็นตระกูลระดับสูง มีชื่อเสียงมากในหมู่เทพ มันคงเป็นการหยาบคายที่เราจะมาโดยไม่บอกกล่าว…”
“ตระกูลระดับสูง?” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เราแค่มาเยี่ยม เรื่องใหญ่คืออะไร? เราสามารถออกไปได้หากพวกเขาไม่ต้องการคุยกับเรา”
”ฮะ?”
เทพทั้งสองตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของซูผิง จากนั้นพวกเขาก็มองโจแอนนาด้วยความโกรธและดูถูก “เจ้าเป็นเทพดาษดื่น แต่แบ่งแยกระหว่างเจ้ากับทาส เจ้าเป็นความอัปยศของพวกเราทุกคนและควรถูกฆ่า!”
เทพที่อยู่ทางด้านขวาเพียงยกมือขึ้นและรวบรวมหอกขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เหวี่ยงมันไปทางโจแอนนา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะทำลายเธอรวมถึงซูผิง
“เราไม่…” โจแอนนาพยายามอธิบาย เธอจ้องไปที่หอกและลืมที่จะขัดขืนไปครู่หนึ่ง
ปัง!
เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามโกรธจัด มันอึกทึกมากจนดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนภูเขาที่สูงตระหง่านนี่
ซูผิงยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องโจแอนนา เขาได้ผสานเข้ากับโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำแล้ว ปลดปล่อยความแข็งแกร่งสูงสุดของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีที่ดุดัน
”ฮะ?”
เทพตกใจเมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาถูกสกัดกั้น เขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าซูผิงมีระดับที่อ่อนแอกว่าตัวของเขา
ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นทาสมนุษย์!
แม้แต่ทาสในระดับของเขาก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ แต่ถึงกระนั้นการโจมตีของเขาก็ยังถูกซูผิงสกัดกั้นไว้!
“ไอ้สารเลว!”
เทพโกรธจัด รู้สึกว่าถูกดูหมิ่น ร่างกายของเขาเปล่งแสงและมีรัศมีอันสง่างามปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขา จากนั้นเขาก็เหวี่ยงหอกและโจมตีอีกครั้ง
อากาศโดยรอบถูกดูดกลืน และพลังที่สามารถทำลายโลกส่งไปอยู่ที่หอก
โจแอนนาจ้องด้วยใบหน้าซีดราวกับลืมวิธีต่อต้าน
ซูผิงสังเกตเห็นว่าโจแอนนาเป็นยังไง เขาจึงผลักเธอด้วยมือที่หนักอึ้งและคำราม “เธอทำอะไร? ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทหากพวกเขากำลังพยายามจะฆ่าเธอ!”
โจแอนนาตัวสั่นและหันกลับมามอง จากนั้นเธอเห็นซูผิงคำรามและต่อสู้กลับด้วยดาบสีแดงในมือของเขา ดาบและหอกปะทะกันด้วยพลังมหาศาลที่มีแสงสีแดงและสีทองวินาทีถัดมา แขนของเทพหัก และเขาก็ถูกเหวี่ยงกลับ..
ทั้งซูผิงและถังยู่หรานตกตะลึงกับคำพูดของโจแอนนา การต่อสู้ที่รุนแรงแบบไหนถึงสามารถทำลายดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าได้?
ซูผิงทราบมาจากอาจารย์ของเขาว่าแดนเทพอาเคี่ยนถูกทำลาย และสนามรบที่เขาได้รับการทดสอบในอาณาจักรลับทะเลเทพเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน หลุมศพกึ่งเทพก็ด้วย ทุกอย่างบ่งชี้ว่ามีสงครามเคยเกิดขึ้นจริงในอดีต
“เป็นไปได้ไหมว่าแดนเทพอาเคี่ยนได้รับการฟื้นฟูสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีตหลังจากผ่านมานาน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
โจแอนนายังคงมึนงง เธอมองซูผิงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอกล่าวว่า “จริงด้วย ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เทพสูงสุดต้องฟื้นฟูอาณาจักร นั่นเป็นคำอธิบายเดียวสำหรับดวงอาทิตย์ที่เพิ่มเติม พวกเขาต้องสร้างดวงอาทิตย์ทั้งหกขึ้นมาใหม่!” ซูผิงพยักหน้า ดูเหมือนจะเป็นเพียงคำอธิบายเท่านั้น
”เกิดอะไรขึ้นที่นี่? เทพต่อสู้กับอะไร?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
นั่นเป็นความลับโบราณ แม้แต่ยอดฝีมือเทพอมตะก็ยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด
ขณะที่เธอมองดวงอาทิตย์ทั้งเก้าดวงบนท้องฟ้า โจแอนนาค้นหาความทรงจำของเธอและตอบว่า“เรื่องมันยาว ฉันเพิ่งเริ่มเดินบนวิถีการบ่มเพาะของฉัน อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสในตระกูลของฉันบอกฉันว่าสวรรค์พยายามทำลายเหล่าเทพ เราต่อสู้กลับเพื่อต่อต้าน!”
“สวรรค์?”ซูผิงและถังยู่หรานต่างก็สับสนเหมือนกัน
ถังยู่หรานถามด้วยความสงสัย “เธอหมายถึงท้องฟ้าหรอ?”
โจแอนนาเหลือบมองถังยู่หรานแล้วมองไปที่ซูผิงจากนั้นเธอก็พูดว่า “ไม่ใช่สวรรค์เดียวที่โจมตีอาณาจักรแห่งเทพ แต่มีหลายแห่ง ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่ง”
ซูผิงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับสวรรค์จากอีกาทองคำเหมือนกัน เขารู้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดท่ามกลางความโกลาหลในสมัยโบราณ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันมีระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะเทพอมตะ
ตามที่โจแอนนากล่าว มีสวรรค์มากกว่าหนึ่ง?
“แม้แต่สวรรค์ยังต้องรับคำสั่งจากใครบางคน? สิ่งมีชีวิตนั้นสามารถเป็นอะไรได้บ้าง?” ซูผิงอดไม่ได้ที่จะถาม
โจแอนนาสั่นหัวเล็กน้อย “ฉันไม่รู้ ฉันอ่อนแอเกินกว่าจะเรียนรู้ในตอนนั้น และตอนนี้ก็ด้วย ฉันยังไม่ได้เป็นเทพสูงสุดด้วยซ้ำ ระดับของฉันต่ำเกินไปที่จะรู้ความลับเหล่านั้น”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความหวังและความมุ่งมั่น เธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้
ถังยู่หรานไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เธอไม่ได้ถามเพราะรู้ว่าเธอยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้อะไรเพิ่มเติม เธอเพียงรู้สึกมีแรงกระตุ้นอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้นและไล่ตามซูผิงให้ทันเพื่อที่เธอจะได้พูดคุยกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน
หากสวรรค์อยู่เหนือสภาวะเทพอมตะและมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอยู่สูงกว่าพวกเขา ฉันยังอ่อนแอเกินไปจริงๆ ฉันต้องไปถึงสภาวะเทพดวงดาวให้ได้ก่อนจึงจะเริ่มสืบเรื่องของพวกเขา… ซูผิงคิด
เขาเติบโตอย่างรวดเร็วก็จริง แต่เขาก็ยังหวังว่าเขาจะไปได้เร็วกว่านี้ เขาต้องการรู้ทุกสิ่ง และค้นหาว่าทำไมโลกที่สดใสแห่งนี้จึงล่มสลาย
“ตกลง อย่าพยายามจนเกินตัว เรามาที่นี่เพื่อฝึกซ้อม!”
ซูผิงตั้งสติและพูดกับสองสาวว่า “เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอในขณะที่สำรวจสถานที่นี้ ไม่มีอะไรที่สามารถฆ่าเธอได้ ต่อให้ตาย ฉันก็ย้อนเวลากลับไปได้ ดังนั้นเพียงทำตัวสบายๆที่จะทำทุกอย่าง เป็นสิทธิ์ของพนักงาน อย่าปล่อยให้โอกาสเสียไป”
ถังยู่หรานตกตะลึง “ย้อนเวลา? ให้เราคืนชีพ…”
”ถูกต้อง”
ในทางกลับกันโจแอนนายังคงสงบ เธอเคยเห็นความสามารถของซูผิงในหลุมศพกึ่งเทพ
“ฉันต้องการตรวจสอบและสำรวจอาณาจักรเทพ” โจแอนนากล่าว “ฉันจะกลายเป็นอมตะอย่างแท้จริงถ้าเราได้พบบรรพชนเทพและได้รับคุณสมบัติเพื่อที่ฉันจะได้เข้าอนุสาวรีย์บรรพชน!”
นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอในการมาที่แดนเทพอาเคี่ยน เธอต้องการหาอนุสาวรีย์บรรพชนที่หายไปนาน “อนุสาวรีย์บรรพชน?” ซูผิงถามด้วยความสงสัย
”ใช่แล้ว นั่นคือสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉัน นายสามารถเป็นเทพแท้จริงได้เมื่อนายสลักพลังชีวิตของนาย นอกจากนี้ หากนายฝึกฝนต่อไป นายอาจเติบโตและกลายเป็นเทพโบราณ ตัวตนที่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับสวรรค์!”
“มันวิเศษขนาดนั้นเลยหรอ?” ซูผิงค่อนข้างประหลาดใจ
ท่านหญิงเขียวเป็นยาวิเศษ ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวสามารถกลายเป็นราชาเทพได้หากพวกเขากินเธอ หรือแม้แต่ยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะ!
เพียงแค่สลักพลังชีวิตของคุณลงบนอนุสาวรีย์ก็สามารถทำให้คุณเป็นทพแท้จริงได้อย่างงั้นหรอ?
ซูผิงรู้สึกว่าเทพแท้จริงนั้นไม่มีอะไรโดดเด่น โลกนี้จะต้องงดงามมากในอดีต… ซูผิงทำได้เพียงถอนหายใจ
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวเป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะเทพอมตะจำนวนนับไม่ถ้วนและสมาชิกที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามบ้านของพวกเขาพังทลายไปแล้ว แม้แต่สหพันธ์ยังไม่สามารถหาทางเข้าแดนเทพอาเคี่ยนได้ เขาทำได้เพียงพึ่งพาระบบเพื่อเข้ามาที่สถานที่นี้…
เป็นอีกครั้งที่ซูผิงรู้สึกทึ่งกับพลังของระบบ
“มีเพียงเทพผู้ปกครองเท่านั้นที่สามารถใช้อนุสาวรีย์บรรพชนได้ นายยังอ่อนแอเกินไปในขณะนี้ บางทีนายอาจขอให้ผู้สนับสนุนช่วยหาโอกาสตอนที่นายก้าวขึ้นสู่ระดับของตัวตนเดิมของฉัน”โจแอนนากล่าวกับซูผิง
เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอนาคตของซูผิง เมื่อพิจารณาจากผู้สนับสนุนที่น่าสะพรึงกลัวที่ซูผิงมี อนาคตของเขาน่าจะถูกวางแผนไว้อย่างดีนานแล้ว
”ตกลง” ซูผิงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาจะค้นหาสมบัติได้ แม้ว่าจะต้องพลิกสถานที่นี้กลับหัวกลับหาง ตราบใดที่สมบัติยังคงอยู่ในแดนเทพอาเคี่ยน
“ดูเหมือนว่าจะมีการตั้งถิ่นฐานของเหล่าเทพอยู่ข้างหน้า ไปที่นั่นและถามเส้นทางดีกว่า บางทีเธออาจรู้จักชื่อสถานที่นั้น” ซูผิงกล่าว
โจแอนนาพยักหน้า
ถังยู่หรานยอมแพ้แล้ว เธอติดตามพวกเขาและฟังพวกเขาพูดคุยกัน
”ฉันเหนื่อยมาก!”
ถังยู่หรานเหงื่อออกและหน้าแดงราวกับว่าเธอป่วยเป็นหวัดหนัก ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเริ่มวิ่ง แม้แต่ดวงตาของเธอก็สูญเสียโฟกัส
ซูผิงไม่หยุด เขากล่าวว่า “สภาพแวดล้อมที่นี่อาจจะรุนแรงเกินไปสำหรับเธอ พยายามปรับตัวให้เข้ากับมัน เธอจะแข็งแกร่งขึ้น อย่าลืมดูดซับพลังเทพรอบตัวด้วย มันจะขัดเกลาและเสริมสร้างร่างกายของเธอ”
ถังยู่หรานไม่รู้ว่าการฝึกได้เริ่มขึ้นแล้ว เธอกัดฟันและดิ้นรนต่อไป
เธอเกือบสลบเพราะเธอหมดแรงขณะที่พวกเขาเดินไป ความคิดที่จะยอมแพ้เกิดขึ้นในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอกัดฟันและยึดมั่น
เธอรู้ว่าสิ่งเดียวที่เธอทำได้คือยึดมั่น!
เหมือนที่ซูผิงพูด เธอต้องพยายามให้ดีที่สุด
ในทางตรงกันข้ามกับซูผิงและโจแอนนา เธอเป็นผู้บ่มเพาะที่ไม่มีความสามารถและขาดภูมิหลังที่แข็งแกร่ง เธอไม่มีอะไรนอกจากความขยัน
เธอไม่สามารถเข้าใจหรือร่วมพูดคุยระหว่างการสนทนาของซูผิงและโจแอนนาได้ เธอเกลียดความรู้สึกที่ถูกทอดทิ้งมากกว่าความเหนื่อยล้า
ในที่สุดถังยู่หรานก็สลบไปเนื่องจากความอ่อนล้า
ซูผิงไม่ลังเลที่จะต่อยและฉีกร่างของเธอออกจากกัน ถังยู่หรานที่สับสนได้รับการฟื้นคืนชีพหลังจากนั้นไม่นาน เธอถามว่า “เมื่อกี้ฉันหมดสติไปหรือเปล่า? แปลกจัง ทำไมร่างกายของฉันถึงกลับมามีเรี่ยวแรง?”
“อย่างที่ฉันบอกไป เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย ฉันจะย้อนเวลาและนำเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้งหากเธอไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป แค่พยายามมุ่งมั่นไว้” ซูผิงกล่าว
ถังยู่หรานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากรู้สึกถึงความแข็งแกร่งในร่างกายของเธอ
โจแอนนาเหลือบมองซูผิง เธอรู้อยู่แล้วว่าถังยู่หรานสามารถคืนชีพได้ แต่ก็ยังรูสึกแปลกเมื่อเห็นซูผิงฆ่าเธออย่างรวดเร็ว
สิบนาทีต่อมา—
ถังยู่หรานเหงื่อออกอีกครั้ง ซูผิงจึงฆ่าเธออีกครั้งเพื่อคืนชีพเธอ ในเวลาเดียวกัน—ซูผิงเรียกอสูรของเขา พลังเทพในแดนเทพอาเคี่ยนนั้นหนาแน่นมากจนสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เพียงแค่อยู่ที่นี่
“เราเกือบจะถึงที่นั่นแล้ว”
พวกเขาเข้าใกล้ภูเขาที่พวกเขาเห็นแต่ไกล ต้นไม้ทุกต้นที่เติบโตที่นั่นสูงหลายร้อยเมตร ในขณะที่อาคารนั้นเก่าแก่ แต่สวยงามในแบบของมัน นอกจากนี้ยังมีเสาหินขนาดมหึมาที่มีรูปแกะสลักอย่างสวยงาม
จู่ๆก็มีเสียงคำรามออกมา “หยุด!”
คนที่แต่งตัวประหลาดกำลังตะโกนในภาษาของเทพโบราณ
โชคดีที่โจแอนนาเป็นหนึ่งในนั้น และซูผิงก็เรียนรู้ภาษาถิ่นบางส่วนของพวกเขาระหว่างที่เขาไปหลุมศพกึ่งเทพ
หวืด! หวืด!
คนแปลกหน้าสองคนในชุดเกราะสีทองเรืองแสงพุ่งเข้ามา ทั้งสองเป็นเทพ ผมที่เปล่งประกายของพวกเขาเป็นสีทองล้วน และพลังเทพจำนวนมหาศาลในร่างกายของพวกเขาบ่งบอกว่าสายเลือดของพวกเขานั้นบริสุทธิ์มาก!
พวกเขาชำเลืองมองผู้บุกรุก แล้วจ้องมองที่โจแอนนาชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาเริ่มก้าวร้าวน้อยลงเมื่อเห็นเธอ แต่พวกเขายังพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นี่คืออาณาเขตของตระกูลสายฝน เจ้ามาจากที่ใด? ทำไมถึงพาทาสของเจ้ามาที่นี่? ไม่รู้กฎกรือไง?”
พวกเขากำลังคุยกับโจแอนนา ทั้งซูผิงและถังยู่หรานถูกมองว่าเป็นทาสของโจแอนนา
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นทาสของเหล่าทวยเทพ
แม้แต่มังกรที่แข็งแกร่งก็ยังเป็นทาส นั่นเป็นความคิดที่ฝังลึกในเลือดของพวกเขา ทุกชีวิตล้วนด้อยกว่าและโง่เขลาในสายตาของพวกเขา
“เธอรู้จักพวกเขาหรอ?” ซูผิงไม่สนใจพวกเขา เขาสามารถคืนชีพได้นับไม่ถ้วนด้วยแต้มพลังที่มีอยู่มากมาย เขาดูถูกพวกเขาเหมือนที่พวกเขาดูถูกเขา
“ตระกูลสายฝน …”
มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการแสดงออกของโจแอนนา และเธอก็ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวและกำลังจะโค้งคำนับ
ลำดับชั้นในหมู่เทพมีความสำคัญมากกว่าลำดับของมังกร ตระกูลสายฝนมีตำแหน่งสูง!
โจแอนนาเกิดมาในตระกูลระดับกลาง นั่นคือเหตุผลที่เธอกลายเป็นเพียงเทพผู้ปกครองในหลุมศพกึ่งเทพ
สมาชิกของตระกูลระดับสูงมักจะมีความสามารถมากกว่า และสามารถกลายเป็นเทพผู้ปกครองได้อย่างง่ายดาย คนที่โดดเด่นสามารถกลายเป็นเทพสูงสุดได้
ลูกหลานของพวกเขาบางคนถึงกับเชื่อกันว่าสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นเทพโบราณได้!
เมื่อเห็นท่าทางของโจแอนนา ซูผิงคว้าไหล่ของเธอแล้วขมวดคิ้วถาม “เธอทำอะไร?”
ด้วยทัศนคติที่ไม่สุภาพของซูผิง โจแอนนาจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตระกูลสายฝนเป็นตระกูลระดับสูง มีชื่อเสียงมากในหมู่เทพ มันคงเป็นการหยาบคายที่เราจะมาโดยไม่บอกกล่าว…”
“ตระกูลระดับสูง?” ซูผิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เราแค่มาเยี่ยม เรื่องใหญ่คืออะไร? เราสามารถออกไปได้หากพวกเขาไม่ต้องการคุยกับเรา”
”ฮะ?”
เทพทั้งสองตกใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของซูผิง จากนั้นพวกเขาก็มองโจแอนนาด้วยความโกรธและดูถูก “เจ้าเป็นเทพดาษดื่น แต่แบ่งแยกระหว่างเจ้ากับทาส เจ้าเป็นความอัปยศของพวกเราทุกคนและควรถูกฆ่า!”
เทพที่อยู่ทางด้านขวาเพียงยกมือขึ้นและรวบรวมหอกขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เหวี่ยงมันไปทางโจแอนนา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะทำลายเธอรวมถึงซูผิง
“เราไม่…” โจแอนนาพยายามอธิบาย เธอจ้องไปที่หอกและลืมที่จะขัดขืนไปครู่หนึ่ง
ปัง!
เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามโกรธจัด มันอึกทึกมากจนดูเหมือนว่าจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนภูเขาที่สูงตระหง่านนี่
ซูผิงยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องโจแอนนา เขาได้ผสานเข้ากับโครงกระดูกน้อยและสุนัขมังกรดำแล้ว ปลดปล่อยความแข็งแกร่งสูงสุดของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีที่ดุดัน
”ฮะ?”
เทพตกใจเมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาถูกสกัดกั้น เขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าซูผิงมีระดับที่อ่อนแอกว่าตัวของเขา
ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นทาสมนุษย์!
แม้แต่ทาสในระดับของเขาก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ แต่ถึงกระนั้นการโจมตีของเขาก็ยังถูกซูผิงสกัดกั้นไว้!
“ไอ้สารเลว!”
เทพโกรธจัด รู้สึกว่าถูกดูหมิ่น ร่างกายของเขาเปล่งแสงและมีรัศมีอันสง่างามปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขา จากนั้นเขาก็เหวี่ยงหอกและโจมตีอีกครั้ง
อากาศโดยรอบถูกดูดกลืน และพลังที่สามารถทำลายโลกส่งไปอยู่ที่หอก
โจแอนนาจ้องด้วยใบหน้าซีดราวกับลืมวิธีต่อต้าน
ซูผิงสังเกตเห็นว่าโจแอนนาเป็นยังไง เขาจึงผลักเธอด้วยมือที่หนักอึ้งและคำราม “เธอทำอะไร? ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทหากพวกเขากำลังพยายามจะฆ่าเธอ!”
โจแอนนาตัวสั่นและหันกลับมามอง จากนั้นเธอเห็นซูผิงคำรามและต่อสู้กลับด้วยดาบสีแดงในมือของเขา ดาบและหอกปะทะกันด้วยพลังมหาศาลที่มีแสงสีแดงและสีทองวินาทีถัดมา แขนของเทพหัก และเขาก็ถูกเหวี่ยงกลับ..