ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ - ตอนที่ 164 ห้ามประพฤติผิดในกาม (1)
นางรีบกวาดตามองไปทั่วห้อง ห้องนี้แม้จะดูดีแต่ก็เทียบไม่ได้กับห้องหับของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง การตกแต่งจัดวางค่อนข้างเรียบง่าย แม้แต่ลับแลกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องรับแขกก็ไม่มี มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่มีใครอยู่
หนึ่งเดียวที่บังสายตาไว้คือฉากลับแลนั้น นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวเท้าอ้อมไปหลังลับแล ก็เห็นในถังแช่อาบ…
เงาร่างสายหนึ่งขดตัวอยู่ในถังน้ำร้อน ไอน้ำลอยกรุ่น ผมสีเงินยวงลอยอยู่เหนือน้ำเปล่งประกายเรืองๆ บนผิวน้ำยังมีกลีบดอกไม้ที่พวกผีน้ำเลียนแบบผู้มีรสนิยมเอามาลอยอยู่ประปราย บางครั้งยังพอจะเห็นผิวกายเรียบลื่นระหว่างเส้นผมเงินยวง
ชิวเยี่ยไป๋ดูภาพนี้แล้วรู้สึกว่าโป๊มาก ทำเอานางร้อนที่จมูก
นางตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังชื่นชมภาพเบื้องหน้าจนพอแล้วก็หรุบตาลงเริ่มรั้งแขนเสื้อขึ้นช้าๆ แล้วยื่นมือลงในถังน้ำสัมผัสกับผมสีเงินยวงที่นุ่มสลวย
แม้เดิมทีนางจะคิดอยู่แล้วว่าเส้นผมที่งดงามนี้ลูบแล้วคงนุ่มมือดี แต่พริบตาที่สัมผัส กลับรู้สึกว่านุ่มเป็นพิเศษ นุ่มจนตกตะลึง
ทันใดนั้นนางจับปอยผมแล้วกระชากอย่างไม่ปรานีปราศรัย ลากไต้ซือเมิ่งอี๋ที่หลับปุ๋ยอย่างสุขารมณ์ออกจากถังน้ำ!
การกระทำของชิวเยี่ยไป๋ป่าเถื่อนอย่างยิ่ง เส้นผมถูกกระชาก หนังศีรษะที่รับน้ำหนักทั้งตัวทำเอาไต้ซือเมิ่งอี๋ไม่อาจหลับต่อได้อีก ได้แต่ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
ชิวเยี่ยไป๋เห็นน้ำกระเซ็นจากถัง นางตาไวกว่าจึงรีบหลบอย่างรวดเร็ว
ชิวเยี่ยไป๋ไม่อยากเสียเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกหน นางจึงเดินพลันดีดปลายนิ้วจี้ใส่จุดที่หัวไหล่ของหลวงจีน ทำให้เขาไม่อาจดิ้นรนต่อไป
“เป็นประสกท่านใดอยู่ในห้องอาตมา” ในที่สุดหลวงจีนก็ตื่นจนได้ เห็นคนคนหนึ่งจากซอกผมที่ยุ่งเหยิงกำลังกระชากเส้นผมของตนจึงพึมพำงึมงำ
ชิวเยี่ยไป๋รั้งเส้นผมไว้ กล่าวอย่างถากถางว่า “ไต้ซือ ท่านนอกจากกินแล้วก็นอน หมูยังนอนสู้ท่านไม่ได้เลย ท่านยังมีเวลาบำเพ็ญตบะหรือ!”
“การบำเพ็ญตบะมิได้ขึ้นอยู่กับเวลายาวหรือสั้น แต่อยู่ที่ใจ” หลวงจีนได้ยินคำพูดถากถางเช่นนี้จึงรีบตอบอย่างจริงจัง
ชิวเยี่ยไป๋เห็นหลวงจีนพึมพำใส่อีกด้านหนึ่งที่ว่างเปล่า ก็โกรธจนเส้นเลือดหน้าผากปูดพอง หันกายไปข้างหน้าเขา เห็นท่าทางเขาทุลักทุเลมากจึงปัดผมที่ปรกหน้าไปไว้ข้างหลังให้เสียเลย
“ท่านจะใช้การพึมพำงึมงำกับข้า ทางที่ดี…”
นางกลืนครึ่งประโยคหลังลงท้องอย่างแข็งขืน จ้องมองใบหน้าที่ประจันอยู่อย่างงงงัน
เห็นหน้าผากที่อิ่มสะอาด ดวงตาเหมือนสลักจากช่างฝีมือดี ขนตางอนยาวราวปีกผีเสื้อ จมูกโด่งเป็นสัน และสุดท้ายสายตาจับจ้องที่ริมฝีปากบางเฉียบ
นางแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง!
ก่อนหน้านี้เขามักผมเผ้ายุ่งเหยิง มีผมปรกหน้าผากตลอดเวลา มองไม่ชัดเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร บวกกับหลวงจีนย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ชู นางจึงนึกไม่ถึงว่าพอแหวกผมออกจะพบกับใบหน้าเช่นนี้
บัดนี้จู่ๆ ก็เห็นใบหน้าที่พิสดาร ความคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ทำเอานางเหมือนถูกบางอย่างกระแทกหัวใจ
ใบหน้านี้…เค้าหน้านี้…คุ้นเคยและแปลกตาจริงๆ
หลวงจีนมองดูนางอย่างประหลาดใจ เรียกเบาๆ ว่า “ประสก ประสก!”
ชิวเยี่ยไป๋จ้องมองเขา รู้สึกว่าเสียงของตนเองแหบแห้ง “ฝ่าบาทชูหรือ”
หลวงจีนขมวดคิ้ว คนคนนี้ทำไมจึงชอบตั้งฉายาให้ตน เขากล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ๋อ อาตมาชื่อหยวนเจ๋อ ‘หยวน’ จากคำว่าปฐมเทพหยวนสื่อเทียนจวิน ‘เจ๋อ’ จากคำว่าพระมหากรุณาธิคุณทั่วหล้า พวกอาจารย์เรียกอาตมาว่าอาเจ๋อ”
เค้าหน้าของเขาวิจิตรบรรจง แตกต่างจากใบหน้าของไป๋หลี่ชู ใบหน้าของเขาเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แถมยังมีน้ำเสียงกังวานนุ่มนวลและผมสีเงินยวงทั้งศีรษะจริงๆ
โดยเฉพาะนัยน์ตาซึ่งปลอมแปลงมิได้
แววตาแจ่มใสนุ่มนวล ราวกับน้ำที่ใสที่สุดจากสวรรค์ที่จะชำระล้างสิ่งสกปรกให้หมดจากโลก
ชิวเยี่ยไป๋หลับตาลง คลายมือจากปอยผม มือที่กำเข้าหากันสั่นเล็กน้อย
ไม่น่าจะใช่ สองคนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางเป็นคนคนเดียวกัน!
ไต้ซือเมิ่งอี๋หรือหลวงจีนหยวนเจ๋อแลดูคนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างข้องใจ “ประสก?”
นาทีต่อมาเขาพบว่าถูกชิวเยี่ยไป๋กดไว้กับขอบถัง มืออีกข้างบีบใบหน้าเขาไว้ หน้าผากแทบจะชนกับหน้าผากของตนเอง ปลายจมูกชนปลายจมูก แววตาเย็นชากำลังจับจ้องดวงตาของตนชนิดจะมองให้ทะลุถึงก้นบึ้ง ลมหายใจหอมกรุ่นรดใส่หน้า “อาเจ๋อ ท่านมีพี่ชายหรือน้องชายไหม”
หยวนเจ๋อเห็นอากัปกริยาประหลาดของนางทำเอาสะดุ้ง ริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายแทบจะชนกับริมฝีปากบางเฉียบของตน ลมหายใจดุจกลีบบุปผากวาดผ่านปลายจมูกและริมฝีปากเขาจนรู้ได้ถึงความอุ่นร้อน ใบหน้าเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดไอร้อนขึ้นมา พลันเอ่ยตะกุกตะกัก “อมิตาภพุทธ…อมิตาภพุทธ…รูปคือสุญตา…”
ชิวเยี่ยปไป๋เลิกคิ้วน้อยๆ แล้วขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ครานี้ริมฝีปากนางแทบจะแนบชิดอยู่กับปลายจมูกเขา ดวงตาที่จ้องมองมีขนตางอนยาวหนานุ่ม และกล่าวเบาๆ ว่า “อาเจ๋อ ถ้าท่านไม่บอกข้าตามตรงว่ามีพี่ชายหรือน้องชายหรือไม่ ข้าจะจูบเจ้า ให้เจ้าต้องอาบัติ แล้วจะให้เจ้าเป็นปาราชิก ดูสิว่าพุทธะจะให้อภัยเจ้าหรือไม่”
หยวนเจ๋อถูกจี้สกัดจุดไว้แล้วย่อมขยับตัวไม่ได้ จึงได้แต่กล่าวเสียงสั่นเหมือนร่ำไห้ไม่มีน้ำตาว่า “บรรพชิต…บรรพชิตย่อมไม่มุสา ไม่มุสา…อาตมาไม่มีทั้งพี่ชายและน้องชาย”
ดวงตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววสงสัย ถ้าเช่นนั้นสองคนนี้เค้าหน้าคล้ายกันเป็นเรื่องบังเอิญหรือ
นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน “บรรพชิตไม่มุสา เจ้ามุสาหลายครั้งแล้วอาเจ๋อ”
หยวนเจ๋อรีบกล่าวเสียงสั่นว่า “อาตมาสาบานต่อพุทธะได้”
ชิวเยี่ยไป๋แลดูหลวงจีนเบื้องหน้าที่ตัวสั่นงันงกราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ตื่นกลัว จึงหรี่ตาลงแต่ไม่พูด ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้น ไม่ชะโงกหน้าชิดใกล้กับหลวงจีนอีกต่อไป แต่ยืนกอดอกก้มมองรายละเอียดใบหน้าหลวงจีน
นางเห็นหยวนเจ๋อถอนใจอย่างโล่งอก แววตาสับสน ใช่แล้ว ถ้าเป็นไป๋หลี่ชูไม่ต้องพูดถึงวิธีบังคับแบบไม่เอาไหนของตน ต่อให้นางไม่ทำอะไรเลย ยามนี้คนถูกบังคับคงกลายเป็นนางแล้ว คนผู้นั้นย่อมยินดีที่จะลากนางลงน้ำแช่อาบด้วยกันแน่