ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1011-1012
บทที่ 1011 นางจากไปว่องไวโดยแท้!
ทว่านางปฏิบัติต่อเขาอย่างรุ่มร่ามในช่วงหลังของงานเลี้ยง…
หรือว่านางเดาตัวตนที่แท้จริงของเขาออกแล้ว?!
ดังนั้น…ดังนั้นถึงได้ปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้สินะ?
ท้ายที่สุดแล้วตี้ฝูอีก็เป็นคนเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องผู้หนึ่ง คาดเดาเรื่องราวอยู่ในสมองอย่างว่องไวปานสายฟ้าแลบ คาดเดาคำตอบออกแปดเก้าส่วนแล้ว
เขาจ้องนางเขม็ง ทันใดนั้นพลันเอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “เจ้ามองออกแล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงสบตากับเขา จงใจทำเป็นไขสือ “มองอะไรออกหรือ?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?”
กู้ซีจิ่วมองใบหน้าน้อยๆ ที่วางท่าเคร่งขรึมของเขา ฮือๆๆ ทำยังไงดี เธออยากจูบเขาอีกแล้ว…
เพียงแต่ฟังเขาพูดมาเช่นนี้ ดูเหมือนคิดจะเผยไต๋กับเธอแล้วสินะ?
เขาทำให้เธอเป็นกังวลมานานขนาดนี้ แถมยังเล่นละครหลอกเธอมาตั้งนาน เขาคิดจะเปิดเผยก็เผยออกมาเลยงั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตัวเองที่ใจกว้างมาโดยตลอดเริ่มใจแคบเสียแล้ว เธอจะคิดบัญชีเอาความกับเขาในคราวเดียว!
เธอกะพริบตาปริบๆ แสร้งไขสือเช่นเดิม “เจ้าพูดอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย”
ดวงตาของตี้ฝูอีมองดูเธอ เปิดเผยกับเธออย่างตรงไปตรงมา “เสี่ยวซีจิ่ว เจ้าดูออกใช่ไหมว่าข้าคือตี้ฝูอี?!” ประโยคนี้เขาเข้าไปเอ่ยใกล้ๆ หูเธอ ลมหายใจอุ่นร้อนแทบจะเป่าเข้าไป
ความรู้สึกเช่นนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เป็นกริยาที่ตี้ฝูอีมักกระทำยามอยู่กับเธอ กู้ซีจิ่วใจสั่นนิดๆ ใบหูชาทันที รู้สึกเพียงว่าใบหน้าด้านนั้นร้อนผ่าวนิดๆ…
เดิมทีเธอกดเขาไว้ใต้ร่างมาโดยตลอด ยามนี้ในที่สุดก็ยืดกายขึ้นมากึ่งหนึ่ง แล้วหลุบตามองเขา ยามอ้าปากหมายจะเอ่ยบางอย่าง นิ้วข้างหนึ่งของตี้ฝูอีพลันกดลงบนริมฝีปากแล้ว เขาส่งกระแสเสียงหาเธอ ‘ระวังหน่อย หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง!’
กู้ซีจิ่วก็ทราบว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กๆ ไม่อาจให้บุคคลที่สามทราบได้เด็ดขาด ดังนั้นเธอจึงเริ่มส่งกระแสเสียงเช่นกัน ‘ตี้ฝูอี ท่านคิดจะเล่นละครฉากใหญ่อันใดกัน?’ น้ำเสียงแฝงความคับข้องใจและการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไว้
ตี้ฝูอีมองท่าทางของทั้งสองคนในยามนี้ ยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “ซีจิ่ว เจ้าจะพูดคุยปัญหาข้อนี้กับข้าในท่านี้จริงๆ หรือ?”
ถ้านางยังไม่ลุกไปอีก เกรงว่าจะต้องพบความเปลี่ยนแปลงบนร่างเขาเป็นแน่…
นางต้องด่าว่าเป็นเด็กแก่แดดแน่นอน!
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายพุดคุยกันกระจ่างแล้ว กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะแทะโลมเขาแล้วเช่นกัน แทะโลมเขาก็เป็นเธอที่เสียเปรียบ เรื่องไม่เข้าท่าเช่นนี้เธอไม่ทำหรอก!
ดังนั้นเธอจึงพลิกกายทันที ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปโผล่บนเตียงที่อยู่ตรงข้ามกันหลังนั้น ดึงผ้านวมขึ้นมาห่ม “ตั่งเล็กนั้นยกให้เจ้า! พวกเรานอนคุยก็แล้วกัน”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออก นางจากไปว่องไวโดยแท้!
เพียงแต่อารมณ์ของเขายังคงดียิ่งนัก เนื่องจากสาวน้อยทราบตัวตนของเขาจริงๆ ถึงได้แทะโลมรุ่มร่ามกับเขา…
ในใจของนางมีเขาอยู่จริงๆ ถึงแม้กว่าครึ่งปีมานี้นางแทบจะไม่เอ่ยถึงเลย แต่ยามนี้ตี้ฝูอียังคงปลื้มปีตินัก อันที่จริงเขาชอบการแทะโลมของนางมาก…
ตะเกียงในห้องดับลงแล้ว เพียงแต่สายตาของเขาดีเยี่ยม ยังมองเห็นดวงตาของนางส่องประกายอยู่ในความมืดได้
เห็นได้ชัดว่าในใจของสาวน้อยยังคงมีโทสะอยู่ และกำลังรอคำอธิบายจากเขา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงใช้วิธีส่งกระแสเสียงเล่าเรื่องที่ตนถูกธาตุไฟเข้าแทรก รวมถึงการกลับมาหาตามที่สัญญาไว้…
เป็นอย่างที่เธอเดาไว้ไม่มีผิด!
กู้ซีจิ่วชมเชยตัวเองอยู่ในใจ และค่อนข้างปวดใจกับเขาอยู่บ้าง ‘กล่าวเช่นนี้คือ พลังยุทธ์ของท่านสูญหายไปจริงๆ งั้นหรือ? การที่ท่านกลายเป็นเด็กก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจสินะ? แต่เมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างท่านมีอยู่ไม่น้อยนะ’ ทำให้ก่อนหน้านี้เธอถูกเด็กน้อยกดไว้จนพลิกตัวไม่ได้
แน่นอนว่าเหตุผลที่เธอถูกเขาควบคุมไว้ก็เป็นเพราะไม่อยากทำร้ายเขาด้วย หากเธอใช้วิธีสำหรับพิฆาตศัตรูมาต่อกรกับเขา เขาอาจจะกดเธอไว้ไม่ได้ แต่เธอหักใจไม่ลง…
————————————————————————————-
บทที่ 1012 ท่านเข้ามาสิ ข้าจะคุยกับท่านอย่างละเอียด
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ ‘ย่อมมิได้ตั้งใจ สภาพเช่นนี้ถึงข้าอยากเอาเปรียบเจ้าให้ถึงที่สุดก็ไม่อาจทำได้…’
ถึงแม้หนังหน้าเขาจะหนา ดูคล้ายชอบหาความสำราญใส่ตน อันที่จริงภายในใจยังคงมีเงามืดอยู่ ไม่คิดจะใช้ร่างเด็กน้อยเช่นนี้ชิดเชื้อกับนางอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในช่วงที่เขาปลอมเป็นอิงเหยียนนั่ว ทุกวันมองเห็นนางทว่าไม่อาจใกล้ชิดได้ช่างเป็นรสชาติที่อึดอัดนัก
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้น หลังจากเขากลายเป็นเด็กยังเอาเปรียบเธอไม่พออีกหรือไง?
เธอตะแคงร่างมองเขา ‘แล้วทำไมต้องปิดบังข้าด้วย? ไม่ไว้ใจข้าหรือ? ท่านน่าจะรู้ว่าข้าทักษะการเก็บความลับของข้าล้ำเลิศแค่ไหน…’
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ให้คำตอบเธอ ‘ข้าอาย’
กู้ซีจิ่วเบิกตากว้าง เอ่ยทวน ‘ท่านอายหรือ?’ คนที่หนังหน้าหนายิ่งกว่ากระสวยอวกาศอายเป็นด้วยหรือ?! กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเหตุผลนี้ของเขาไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง
ตี้ฝูอีหุบตาลงนิดๆ ‘ซีจิ่ว ข้าไม่อยากให้เจ้าเห็นข้าในสภาพเด็กน้อย สภาพเช่นนั้นค่อนข้างทำลายศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ถึงอย่างไรข้าก็เป็นบุรุษคนหนึ่ง’ บุรุษล้วนไม่อยากให้คนรักเห็นตนในสภาพที่อยู่ในวัยสวมกางเกงเปิดเป้า[1] สำหรับตี้ฝูอีแล้ว การที่จู่ๆ เขาก็กลายเป็นเด็กน้อยก็เสมือนเขากลับไปอยู่ในวัยสวมกางเกงเปิดเป้านั่นแหละ!
กู้ซีจิ่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เข้าใจการกระทำเช่นนี้ แต่ในใจยังคงไม่พอใจที่เขาปิดบังตนมาตลอดอยู่บ้าง ขณะที่กำลังจะเอ่ยบางอย่าง ตี้ฝูอีก็พูดขึ้นมาอีก ‘อีกอย่างข้าก็ไม่คิดว่าสภาพเช่นนั้นจะคงอยู่เนิ่นนานถึงเพียงนี้ ข้านึกว่าอย่างมากเดือนสองเดือนก็กลับสู่สภาพเดิมได้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่า…’
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว ชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยขึ้นว่า ‘ข้าสามารถเข้าใจการกระทำก่อนหน้านี้ของท่านได้ แต่ข้ารู้สึกว่าในเมื่อพวกเราหมั้นหมาย พวกเราก็ถือว่าเป็นว่าที่สามีภรรยากันแล้ว เรื่องพวกนี้ท่านควรจะบอกให้ข้ารับรู้สักหน่อย ข้าย่อมต้องช่วยเหลือท่าน แต่ท่านกลับเลือกที่จะปิดบังไว้มาโดยตลอด ท่ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนักเสมอมา…ทว่าไม่มีข่าวคราวของท่านสักนิดเลย แม้แต่สี่ผู้คุ้มกันของท่านก็ไม่ปรากฏร่องรอยเลย ทำให้ข้าอยากหาคนสอบถามข่าวคราวสักคนก็หาไม่ได้เลย…’ กล่าวมาถึงตรงนี้น้ำเสียงก็ติดขัดอยู่บ้าง เจือความคับข้องใจไว้
แววตาตี้ฝูอีพลันสั่นไหว ‘เจ้าเป็นห่วงข้ายิ่งนักมาตลอด?’ เขารั้งอยู่ข้างกายนางตั้งครึ่งค่อนปีแล้วยังดูไม่ออกสักนิด! นางเอ่ยถึงทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายน้อยยิ่ง และไม่เคยเอ่ยถึงสัญญาหมั้นหมายระหว่างนางกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเลย ราวกับนางลืมไปแล้วว่าทูตสวรรค์ฝ่ายคือผู้ใด…
มิเช่นนั้นเขาคงจะบอกนางไปนานแล้ว!
เธอมองสีหน้าของเขาแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าเขาไม่เชื่อ ‘ท่านไม่เชื่อหรือ?’
ริมฝีปากบางของตี้ฝูอีเม้มเข้าหากันนิดๆ เอ่ยเสียงอ่อยๆ ว่า ‘ช่วงที่ผ่านมาเจ้าแทบไม่เคยเอ่ยถึงข้าเลย…ยังคงเล่นกับเหล่าสหายของเจ้าอย่างเป็นสุขยิ่ง…และข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะสืบเสาะถามข่าวคราวข้าเลย…’
นี่เขาหึงอยู่หรือ?
นึกไม่ถึงว่าท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่เมื่อหึงหวงขึ้นมาจะมีท่าทีเช่นนี้ และคิดเล็กคิดน้อยถึงเพียงนี้ด้วย
เหอะ! ไม่เหมือนตัวเขาในยามปกติเลยสักนิด
แต่ว่า เหตุใดหัวใจเธอถึงอบอุ่นขึ้นมาล่ะ? เธอควรจะโกรธเคืองชัดๆ แต่ยามนี้ราวกับมีฟองสบู่อันแสนอบอุ่นผุดออกมาไม่อยู่
เธอกวักมือเรียกเขา ‘ท่านเข้ามาสิ ข้าจะคุยกับท่านอย่างละเอียด’
ตี้ฝูอีเป็นตัวที่ไม่รู้จักความเกรงอกเกรงใจอันใดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบเข้ามาหาทันที แถมปีนขึ้นเตียงเธอ เปิดผ้าห่มแล้วมุดเข้าไปด้วย จากนั้นก็เคียงข้างเธอ และใช้แขนข้างหนึ่งเท้าศีรษะไว้
มองเธอด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม ‘เจ้าจะคุยอะไรกับข้า?’
ในเมื่อตัวตนของเขาเปิดเผยแล้ว กริยาท่าทางย่อมมีความเป็นตี้ฝูอีมากขึ้น ไม่แสร้งเป็นกระต่ายน้อยอีกต่อไป
————————————————————————————-
[1] กางเกงเปิดเป้า เป็นกางเกงสำหรับเด็กเล็กที่ชาวจีนนิยมกัน โดยตรงเป้ากางเกงจะเปิดโล่งไว้ให้เด็กปัสสาวะและถ่ายอุจจาระได้โดยไม่ต้องถอดกางเกง