ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1015-1016
บทที่ 1015 เจ้าย่อมไม่เย็นชาถึงเพียงนั้นกระมัง
ตี้ฝูอีชักจะหวั่นๆ แล้ว ‘…เจ้าย่อมไม่เย็นชาถึงเพียงนั้นกระมัง…’
กู้ซีจิ่วเอ่ยเนิบๆ ‘นี่ก็พูดยากนะ ดังนั้นท่านจะต้องห้ามตายต่อหน้าข้า มิเช่นนั้นข้าอาจทำให้ท่านโมโหจนต้องปีนออกจากหลุมมาบีบคอข้า…’
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ขมวดคิ้วมองเขา ‘จะว่าไป เหตุใดท่านต้องคุยหัวข้อที่ทำให้เสียบรรยากาศเช่นนี้กับข้าด้วย?’
ตี้ฝูอีจึงเอ่ยแย้ง ‘…เรื่องพวกนี้เจ้าเป็นผู้เล่าออกมาเองมิใช่หรือ?’
กู้ซีจิ่วพ่นลมหายใจเสียงดังฮึ ‘เป็นท่านที่แหย่ข้า…’
เธอรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าบทสนทนานี้ชักจะออกทะเลไปมากแล้ว จึงรีบดึงกลับมา ‘เอาเถอะ พวกเราไม่สนพวกเขาแล้ว ที่ข้าให้ท่านเข้ามามิใช่จะถกเรื่องตัวละครงิ้วกับท่าน ท่านบอกว่าร่างนี้ของท่านมีปัญหาจริงๆ ไม่มีหนทางฟื้นฟูใช่ไหม?’
‘ใช่’
‘หลังจากข้ามองออกว่าเป็นท่าน ยังนึกว่าท่านจะหลอกข้าเล่นอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถึงอาการของท่านกับหลงซือเย่อีก เห็นทีว่าพรุ่งนี้คงต้องให้เขาตรวจท่านดีๆ แล้ว’
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วนิดๆ ‘จะให้เขารู้ฐานะของข้าไม่ได้’
‘ท่านเกรงว่าเขาจะเอาคืนเพราะเรื่องความรักงั้นหรือ? ท่านคิดมากไปแล้วจริงๆ หลงซือเย่มิใช่คนเช่นนั้น คนผู้นี้เขาแบ่งแยกงานหลวงงานราษฏร์ชัดเจน ด้านการแพทย์เขาไม่ใช้บุญคุณความแค้นส่วนตัวมาเป็นเหตุผลหรอก…’
‘ข้ารู้ดี ข้าเองก็นับว่ารู้จักเขา แต่ซีจิ่ว ข้ารู้สึกว่าเขาค่อนข้างผิดปกติ’ ตี้ฝูอีกล่าวความเห็นของเขาออกมา
เขากับหลงซือเย่รู้จักกันมาเกือบร้อยปีแล้ว ย่อมเข้าใจนิสัยของอีกฝ่ายดี แต่พบหน้ากันหนนี้ เขารู้สึกได้รางๆ ว่าหลงซือเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าความรู้สึกนี้คือสัมผัสที่หก เขายังบอกไม่ได้ชัดเจนว่าสรุปแล้วอีกฝ่ายผิดปกติที่ตรงไหน
กู้ซีจิ่วกลับนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ‘ข้ากลับไม่รู้สึกเลย…อันที่จริงเดิมทีคนก็เปลี่ยนแปลงกันได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะคงอยู่ยืนยง ขอเพียงนิสัยหลักไม่เปลี่ยนแปลงไปก็พอแล้ว’
เอาเถอะ ตี้ฝูอีไม่พูดแล้ว
อันที่จริงเขามีชีวิตมานานกว่านางมาก พบเห็นเรื่องราวมาก็มาก บางเหตุผลเขาเข้าใจมากกว่านางเสียอีก
ทั้งสองล้วนเป็นคนรอบคอบระมัดระวัง อีกทั้งเนื้อหาทั้งหมดที่พูดคุยกันก็ค่อนข้างเป็นความลับ ดังนั้นต่อให้นอนซุกอยู่บนเตียงเดียวกัน ยามพูดคุยจึงเข้าใกล้จนแทบจะกินหูกันบ้าง ส่งกระแสเสียงโดยตรงบ้าง เช่นนี้ต่อให้ด้านนอกมีคนแอบฟังก็จะไม่ได้ยินอะไรเลย
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่าแยกจากกเขามานานกว่าหนึ่งปี ยามนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มานอนห่มผ้าสนทนากัน
ศีรษะของเธอกับเขาแทบจะแนบติดกัน ร่างกายก็แนบชิดกัน ได้ยินเสียงลมหายใจของกันละกัน ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกว่าที่แท้การซุกอยู่ในผ้าห่มก็อบอุ่นถึงเพียงนี้ อบอุ่นตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงหัวใจ
แน่นอนว่าตอนนี้ยังมีอีกหลายคำถามที่ไม่ได้รับคำอธิบาย อย่างเช่นปัญหาที่เขาตัวหดเล็กลง อย่างเช่นหลงฟั่นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ซ่อนตัวยู่ในมุมมืดผู้นั้น…
แต่วันนี้คืนนี้ เธอแค่อยากอิงแอบพูดคุยกับเขา กอดเขาบ้างจูบเขาบ้าง เอาเปรียบเขานิดๆ หน่อยๆ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขายังอยู่ในร่างเด็กน้อย แต่สำหรับเธอแล้วยังคงเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจที่แข็งแกร่งอยู่ดี เสมือนอยู่เรือที่รอนแรมมานานในที่สุดก็หาท่าเรือเพื่อพักผ่อนได้เสียที
เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว กอดเขาไว้แล้วหลับใหลไป
ตี้ฝูอีนอนอยู่ในอ้อมแขนของนาง เขากล้าพนันนได้เลยว่านางมองเขาเป็นตุ๊กตาผ้าถึงได้เอามากอดไว้
เขาเคยนอนในสถานที่มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าเป็นครั้งแรกที่ได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเด็กสาวนางหนึ่ง หากว่าให้สี่ทูตมาเห็นเข้าคาดว่าพวกเขาคงต้องปรับเปลี่ยนมุมมองทั้งสามใหม่อีกครั้ง…
แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเช่นกัน ทว่ารู้สึกอบอุ่นเป็นสุขเหลือเกิน
ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกว่าถึงแม้ตนจะมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน ทว่าเมื่อก่อนกลับคล้ายว่าเป็นการใช้ชีวิตไปอย่างเสียเปล่า! หลังจากพบนางถึงได้มีสีสันเพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง รู้สึกว่าตนมีชีวิตเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง
————————————————————————————-
บทที่ 1016 เป็นห่วงรัชทายาทผู้นี้หรือ
ร่างกายของหรงเจียหลัวค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว หลังจากดื่มน้ำแกงบ้างและพักผ่อนมาหนึ่งคืน ก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว และพูดคุยอย่างคล่องแคล่วได้
บางทีอาจเป็นเพราะระบบประสาทของเขาได้รบความเสียหาย ความทรงจำช่วงที่ผ่านมาจึงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดว่าจะล้วงข้อมูลอะไรออกมาจากปากเขาได้บ้าง ผลสุดท้ายคือแม้แต่บาดเจ็บได้อย่างไรเขาก็ลืมไปหมดแล้ว…
จดจำได้เพียงช่วงที่เขากลายเป็นผีดิบในหลายวันมานี้ และข้อเท็จจริงที่เขาเล่าได้ทำให้กู้ซีจิ่วหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา
หลายวันมานี้สติสัมปชัญญะของเขายังคงตื่นตัวอยู่ตลอด! และได้ยินความเคลื่อนไหวรอบข้าง
เพียงแต่ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนได้เลย ราวกับดวงวิญญาณถูกบางสิ่งสะกดไว้ในร่าง ทำได้เพียงเบิกตามองตัวเองอาละวาดคุ้มคลั่ง!
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ หากว่าเขาถูกทำร้ายก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ ถึงขั้นที่เจ็บปวดกว่ายามปกติหลายเท่าตัว! ความเจ็บปวดนั้นยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งอยู่ตลอดเวลา
เขาได้ยินหรงเช่อเชื้อเชิญหลงซือเย่มา ได้ยินหลงซือเย่กล่าวว่าเขาหมดหนทางช่วยเหลือแล้ว ได้ยินหลงซือเย่บอกว่าต้องหักคอเขา…
พิษนี้ช่างวิปริตโดยแท้! น่ากลัวกว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง[1]เสียอีก!
เดิมทีหรงเจียหลัวสองพี่น้องคิดจะพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกสองสามวันแล้วค่อยเดินทาง แต่วันต่อมาหรงเช่อได้รับสาสน์ด่วนที่ส่งมาจากเมืองหลวง จักรพรรดิซวนประชวรหนัก เรียกตัวองค์ชายทั้งสองกลับไปโดยเร็ว
เรื่องนี้ย่อมไม่อาจล่าช้าได้ ดังนั้นหรงเช่อจึงรีบเก็บสัมภาระบอกลาทุกคนแล้วนั่งรถม้าจากไปทันที
เดิมทีพี่น้องสกุลหรงคิดจะเชิญหลงซือเย่ไปดูอาการทหารห้าพันนายนั้นด้วย แต่ยังไม่ทันได้ออกปาก หรงเช่อก็ได้รับจดหมายลับจากทางกองทัพอีกครั้ง บอกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คิดค้นยาถอนได้แล้ว บัญชาให้ทูตส่างซั่นนำมาส่งให้ถึงกองทัพ ตอนนี้ทหารทั้งห้าพันนายได้รับยาถอนพิษแล้ว อาเจียนถ่ายท้องอยู่หนึ่งคืน พิษในร่างก็ถูกขับออกไปหมด ตอนนี้ทหารทั้งห้าพันนายติดตามกลับมาพร้อมทัพใหญ่แล้ว
สองพี่น้องสกุลหรงย่อมปรีดานัก ในที่สุดก็เดินทางกลับอย่างวางใจได้แล้ว
รถม้าที่หรงเจียหลัวโดยสารเป็นราชรถต้นแก่นเพชรที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในบรรดาราชรถของราชวงศ์ สัตว์ที่ลากรถก็คือสิงโตเวหาสองตัว ซ้ำยังมีหรงเช่อคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย การเดินทางกลับหนนี้องค์รัชทายาทผู้นี้ย่อมไม่ประสบอุบัติเหตุอันใดแล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงวางใจยิ่ง
เมื่อเห็นรถม้าของพวเขาพี่น้องจากไปไกล กู้ซีจิ่วพลันถอนหายใจเบาๆ “ตอนที่ข้าพบจักรพรรดิซวนเมื่อหลายวันก่อน ก็รู้สึกว่าใบหน้าเขาแฝงความทรุดโทรมไว้ โอสถชนิดนั้นที่เขาใช้ไม่เพียงแต่ทำให้อารมณ์ของเขาฉุนเฉียวอย่างน่าประหลาดเท่านั้น ยังทำให้เขาคึกคักกระฉับกระเฉงอีกด้วย ร่วมหอกับสตรีหลายนางในข้ามคืน…ตัวเขาในยามนั้นคงจะรู้สึกว่าตนกลับมาหนุ่มแน่นแล้ว ที่จริงเป็นการนำพลังชีวิตในอนาคตของตนมาเผาผลาญ เวลาของเขาน่าจะเหลืออีกไม่มาก ท้องฟ้าของอาณาจักรเฟยซิงคงจะต้องแปรเปลี่ยนเสียแล้ว…”
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว หรงเจียหลัวคือรัชทยาท เมื่อจักรพรรดิซวนสวรรคต หรงเจียหลัวก็ควรได้สืบทอดราชบัลลังก์ขึ้นเป็นจักรพรรดิ
แต่สองปีมานี้หรงเจียหลัวนำทัพสู้รบอยู่ภายนอกตลอด ขุนนางในอาณาจักรยังคงอยู่ฝ่ายหรงฉู่มากที่สุด เมื่อจักรพรรดิซวนสวรรคต หรงฉู่จะต้องเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เป็นแน่
หรงเจียหลัวเป็นมือดีด้านกรีธาทัพออกรบ แต่ด้านสงครามการเมืองกลับอ่อนด้อยเกินไปจนน่าโมโห ไม่แน่ว่าจะต่อกรกับหรงฉู่ได้…
เมื่อเวลาเกรงว่าฝ่ายองค์รัชทายาทและฝ่ายองค์ชายหรงฉู่จะก่อสงครามนองเลือดขึ้นมาอีกครั้ง
ศึกสงครามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ของอาณาจักรเฟยซิง เดิมทีก็เดือดร้อนจนประชาชนอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว หากเกิดสงครามภายในขึ้นมาอีก…
“เป็นห่วงรัชทายาทผู้นี้หรือ?” ตี้ฝูอีเดาความคิดของเธอได้ตรงเผง
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปาก “เขาเป็นสหายของข้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ จึงไม่ปรารถนาให้เขาต้องสิ้นชีพในสงครามการเมืองอีก”
“ราชวงศ์ก็มีโชคชะตาเป็นของตน เรื่องเช่นนี้คนของโลกบำเพ็ญไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย”
“ไม่ได้ก้าวก่ายเสียหน่อย มิเช่นนั้นข้าคงบุกไปลอบสังหารหรงฉู่ที่อาณาจักรตั้งนานแล้ว! เจ้านั่นเป็นสวะชิ้นหนึ่ง ถ้าปล่อยให้เขาขึ้นเป็นจักรพรรดิจริงๆ ราษฎรต้องประสบหายนะแน่นอน!”
————————————————————————————-
[1] โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ โรค Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาท เกี่ยวกับควบคุมการเคลื่อนไหวตายไปก่อนอายุขัย อาการของคนไข้ คือ มีอาการกล้ามเนื้อลีบ อ่อนแรง แขน ขา ลิ้น คอ หากเป็นหนักจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ คล้ายเป็นอัมพาฒไปทั้งตัว แต่สมองยังคงรับรู้ได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้