ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1057+1058
บทที่ 1057 เจ้าคุ้นเคยกับนิสัยของนางแล้วใช่ไหม?
“อย่าทำให้เปิ่นจุนเสียการอีก!” คนชุดขาวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเยือกเย็นปานน้ำแข็ง “เจ้าได้รับโทษจากหลงซือเย่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่หลงซือเย่จะทำให้ดวงวิญญาณของเจ้าหลุดออกมาได้ แต่ถ้าทำให้เปิ่นจุนเสียการอีก เปิ่นจุนมีวิธีจะทให้เจ้าจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้!”
เย่หงเฟิงตอบรับด้วยเสียงสั่นๆ “เจ้าค่ะ!”
คนชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เจ้าคลุกคลีกับนางหลายวันแล้ว เจ้าคุ้นเคยกับนิสัยของนางแล้วใช่ไหม?”
“คุ้นเคยแล้วเจ้าค่ะ”
คนชุดขาวพยักหน้า “ดีมาก!” พลางหมุนกาย เงาร่างพร่าเบลอ เลือนรางเสมือนผลึกใสขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็เลือนหายไป
เหงื่อเย็นเฉียบยังคงไหลอยู่บนหน้าเย่หงเฟิง ความเจ็บปวดตรงข้อมือกัดเซาะไปถึงหัวใจ เจ็บปวดจนเธอนอนพังพาบอยู่บนพื้น ยันตัวไม่ขึ้นชั่วขณะ เธอหลับตาลงและไม่ทราบว่าหอบหายใจอยู่นานเพียงใด รู้สึกรางๆ ว่าการปรากฏตัวหนนี้ความน่างเกรงขามของท่านเจ้าไม่กล้าแกร่งเท่าเมื่อก่อน คล้ายจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่เธอไม่กล้าคาดเดามากเกินไป ราวกับว่าถ้าคาดเกามากเกินไปก็จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงเหมือนกัน
ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ลืมตาขึ้น หัวใจบีบรัดในทันใด!
ไม่รู้ว่าหลงซือเย่ลุกขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เส้นเลือดสีแดงในดวงตาเขาเลือนหายไปแล้ว กลับมาเป็นสีน้ำหมึกเช่นเดิม ยามนี้นัยน์ตาสีน้ำหมึกคู่นั้นร่อนลงบนร่างเธอ มองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่
เย่หงเฟิงเพิ่งถูกเขาเฆี่ยนตีมายกหนึ่ง สัญชาตญาณค่อนข้างหวาดกลัวเขา จึงหดกายเล็กน้อย
หลงซือเย่มองดูเธอ ราวกับมองหาใครอีกคนผ่านร่างเธอ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ยื่นมือให้เธอ “ลุกขึ้น!”
เย่หงเฟิงหวั่นวิตกอยู่ในใจ ไอพลังบนร่างเจ้าสำนักหลงผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นยิ่งนัก พอเขาปลดปล่อยไอพลังทั้งหมดออกมา ไม่รู้ว่าถ้าเธอสะกดจิตเขาหนนี้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เธอลองเชิงเขาด้วยการชูมือข้างที่ยังสมบูรณ์ดีออกไป หลงซือเย่กลับไม่จับ “ยื่นอีกข้างให้ข้า ข้าจะเชื่อมกระดูกให้เจ้า”
เย่หงเฟิงไม่พูดอะไร
หลงซือเย่เชื่อมกระดูกให้เธออย่างประณีตบรรจงยิ่งนัก ซ้ำยังมอบยาแก้ฟกช้ำที่ดีที่สุดให้เธอกินและทาด้วย ต้องกล่าวเลยว่าหลงซือเย่เป็นเซียนแพทย์โดยแท้ ยาทุกอย่างที่ใช้ก็มีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ยิ่ง เพียงครึ่งชั่วยาม กระดูกของเธอก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มจะหายดีแล้ว ความรู้สึกยามกระดูกที่แตกหักจะประสานตัวไม่น่าอภิรมย์เลย เดิมทีแค่รู้สึกเจ็บเท่านั้น ภายหลังเพิ่มอาการคันเข้ามาอีก คันยุบยิบไปถึงหัวใจ…
เธอฝืนยิ้ม “มะ…ไม่นึกเลยว่ายารักษานี้จะมีประสิทธิภาพถึงเพียงนี้…” เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่ากระดูกที่หักสามารถสมานได้รวดเร็วขนาดนี้
“เป็นคุณสมบัติพิเศษของร่างนี้” หลงซือเย่เอ่ยอย่างเฉยเมย
เย่หงเฟิงไม่พุดอะไรแล้ว ร่างนี้หลงซือเย่เป็นผู้สร้างขึ้น ย่อมเป็นเขาที่เข้าใจแจ่มแจ้งที่สุด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาตามธรรมชาติ เกรงว่างองค์ปะกอบหลายๆ อย่างน่าจะไม่เหมือนมนุษย์ปกติไปเสียทั้งหมด เย่หงเฟิงรู้นานแล้วว่าร่างนี้ต่างจากคนทั่วไป ยามที่ได้รับบาดเจ็บจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เลย…
เย่หงเฟิงจ้องมองเขาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ ส่วนเขากลับเริ่มจัดการบาดแผลอื่นๆ บนร่างเธอ
บนร่างเธอมีบาดแผลอยู่ไม่มาก เป็นเพียงรอยขีดข่วนนิดๆ หน่อยๆ ทายาเล้กน้อยก็หายดีอย่างรวดเร็วแล้ว แน่นอนว่ายังคงคันคะเยออย่างทรมานอยู่…
จู่ๆ ความเกียดชังก็ตีขึ้นมาในหัวใจของเย่หงเฟิง
เพราะอะไร?
เพราะอะไรต่อให้คนผู้นี้มีสติอยู่เพียงครึ่งๆ กลางๆ ก็ยังคงชอบผู้หญิงคนนั้น? ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นมีดีตรงไหนกัน?
เพราะอะไรเขาถึงยอมถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายจนเจ็บปวดชอกช้ำ และไม่ยอมชอบเธอที่มีหน้าตาเหมือนผู้หญิงคนนั้นแทบทุกอย่าง? อันที่จริงเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนนั้นเลย…
เขารู้บ้างไหมว่าถ้าเขาปฏิบัติต่อเออย่างจริงใจ ชอบเอด้วยใจจริง เธอสามารถสละทุกสิ่งแล้วทรยศท่านเจ้าเพื่อเขาได้?! ไหนเลยจะต้องมุ่งหน้าไร้ทางถอยอยู่เช่นนี้!
————————————————————————————-
บทที่ 1058 มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…
เธอหลุบตาลงนิดๆ ซ่อนเร้นความขมขื่นอ้างว้างที่อัดแน่นอยู่ในดวงตา
เมื่อหลงซือเย่จดการบาดแผลให้เธอเรียบร้อยก็ลุกขึ้นยืน “ไปเถอะ ควรเดินทางได้แล้ว” ยกมือเรียกกระเรียนมงกุฎแดงมา พาเธอเหินขึ้นไป
ใช่แล้ว ควรออกเดินทางได้แล้ว
ถึงอย่างไรเย่หงเฟิงก็บาดเจ็บสาหัส แถมยังบาดเจ็บทางวิญญาณด้วย ดังนั้นต่อให้กระเรียนมงกุฎแดงจะบินมั่นคงยิ่งนัก ตัวเธอที่อยู่บนหลังนกกระเรียนก็ยังนั่งไม่ค่อยอยู่ ร่างกายหวิดจะหล่นจากหลังนกกระเรียนอยู่หลายหน เคราะห์ดีที่หลงซือเย่ดึงเธอกลับมาได้ทัน
เขาขมวดคิ้วมองดูเธอ “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะรนหาที่ตายหรือเปล่า แต่อย่าทำให้ร่างนี้เสียหาย!” ถ้าหล่นลงไปจากความสูงระดับนี้ ถึงจะเป็นร่างกายที่พิเศษเลิศเลอถึงเพียงใดหล่นลงไปก็เละเป็นเนื้อบดอยู่ดี!
เย่หงเฟิงจึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้างั้นท่านกอดข้าเอาไว้ดีไหม?”
หลงซือเย่มอวเธออย่างเย็นแวบหนึ่ง เย่หงเฟิงจึงเอ่ยขู่ “มิเช่นนั้นข้าอาจหล่นลงไปจริงๆ…”
หลงซือเย่ไม่ยอมรับคำข่มขู่ของเธอ แน่นอนว่าไม่ยอมให้เธอหล่นลงไปด้วย เขาล้วงเอ็นสัตว์ร้ายเส้นนั้นออกมามัดเธอไว้บนหลังนกกระเรียนเสียเลย!
เขามัดอย่างแน่นหนายิ่ง เสมือนการมัดแบบแขนไพล่หลัง อย่าว่าแต่เย่หงเฟิงจะหล่นลงไปเลย ต่อเธอคิดจะขยับมือก็ลำบากไปหมดแล้ว! ในที่สุดเธอก็สงบลง…
นกกระเรียนกระพือปีกโผบินไปทางทิศตะวันออก หลงซือเย่เหม่อมองขอบฟ้า
ม่านรัตติกาลร่วงโรยลงมาแล้ว ทัศนียภาพทั้งหมดล้วนมืดสลัวอยู่ในราตรี เสมือนหัวใจเขาที่จมสู่เหวลึก ราวกับมองไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย
….
โลหิตเจิ้งนองท้องนภา!
ท่ามกลางโลหิตที่แดงฉานไปทั่วฟ้า กู้ซีจิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในทะเลโลหิต กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นทำให้เธอหายใจไม่ออก
สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ฝนที่ตกลงมายังคงเป็นฝนโลหิต สายฝนทั้งหมดที่กระทบลงบนร่างล้วนทำให้เจ็บปวดปานถูกฟาดด้วยแส้ ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอกระสับกระส่าย ทำให้เธออึดอัด และทำให้เธอร้อนรนอยากหลบหนีไปจากฝนโลหิตที่แดงฉานเต็มฟากฟ้านี้
แต่ในทุ่งกว้างเธอไม่พบแม้กระทั่งโขดหินที่สามารถใช้หลบฝนได้สักก้อนเลย ทำได้เพียงกัดฟันทนอยู่ท่ามกลางฝนโลหิตอย่างขมขื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่เรื่องสำคัญที่สุด ที่สำคัญคือท่ามกลางทะเลโลหิตเธอมักจะเห็นผู้คนต่อสู้กันอยู่ตรงนั้นเสมอ ซ้ำยังเป็นคนที่เธอรู้จักและใส่ใจทั้งสิ้น อย่างเช่นจิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน แม้กระทั่งกู้เซี่ยเทียนก็อยู่อยู่ในบบรดาคนเหล่านั้นด้วย…
คนเหล่านี้เข่นฆ่าโรมรันอย่างสุดชีวิตอยู่ตรงนั้น ทุกคนที่สังหารเสมือนผุดขึ้นมาจากทะเลโลหิต บางคนกำลังทำร้ายผู้อื่น บางคนกำลังถูกผู้อื่นทำร้าย
ทุกฉากล้วนเนิ่งนองไปด้วยโลหิต ทุกฉากล้วนน่าอกสั่นขวัญแขวนยิ่งนัก ทำให้เธอทนไม่ได้อยากจะเข้าไปแทรกแซง อยากจะช่วยพวกเขาออกมา…
ผลคือทันทีที่เธอสอดมือเข้าแทรกแซง ผู้คนที่ต่อสู้อยู่เหล่านั้นก็จะหันมาโจมตีเธอกันหมด!
เธอทำได้เพียงตอบโต้กลับไป ต่อสู้กับผู้คนมากหน้าหลายตา ต่อสู้จนโลหิตไหลนองเป็นสาย มองเห็นเพื่อนสนิทของตนล้มลงไปทีละคนๆ หายไปต่อหน้าต่อตาทีละคนๆ…
เธอเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง หัวใจก็เจ็บปวดยิ่งนัก ทว่าทำได้เพียงฝืนค้ำยันไว้
เธอวิ่งเต้นอยู่ในทะเลโลหิตไม่เพียงแต่ต่อสู้กับผู้อื่นเท่านั้น บางครั้งยังต้องทนรับการถูกสหายหักหลังอีกด้วย บางครั้งก็ชี้นิ้วมาที่เธอเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟันด่าทอ บางครั้งเดิมทีก็เป็นสหายที่ต่อสู้อยู่ท่ามกลางลมฝนกับเธอ ทว่าจู่ๆ ก็แทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง…
ในทะเลโลหิตไม่มีคนที่เธอไว้ใจได้เลย และไม่มีคนที่สามารถเชื่อใจได้ ท่ามกลางทะเลโลหิตไม่ว่าเธอจะไว้ใจใคร ผู้นั้นก็จะแทงดาบใส่เธอจากด้านหลัง!
หลงซือเย่ จิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน จางฉูฉู่ กู้เซี่ยเทียน…
ในทะเลโลหิตพวกเขาล้วนต้องการสังหารเธอ ล้วนเคยเป็นสหายที่ร่วมเป้นร่วมตายมากับเธอ…
ครั้งแรกี่ถูกลอบทำร้ายหัวใจเธอดั่งถูกมีดคว้าน สุดท้ายก้กลายเป็นด้านชา ไม่ว่าจะมอเห็นผู้ใดล้วนฟันกระบี่ออกไปตามสัญชาตญาณ! โหดเหี้ยมไปเสีย! ไม่เหลือทางรอดให้สักนิด!
บางครั้งมีเสียงหนึ่งก้องอยู่ในหูว่า ‘ใครก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น! เธอจะต้องเฉยเมยเย็นชา แบบนี้ถึงจะไม่ถูกทำร้ายอีก แทนที่จะปล่อยให้คนทั้งโลกทรยศเธอ มิสู้เธอทรยศคนทั้งโลกเสียดีกว่า…’
————————————————————————————-