ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1093+1094
บทที่ 1093 ยังจำคนผู้นี้ได้หรือไม่?
ท่านเจ้าผมเงินคนนั้นยังมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเธออยู่บ่อยๆ ด้วย พูดคุยยิ้มแย้มกับเธอ
ต้องพูดเลยว่าท่านเจ้าผมเงินผู้นี้เป็นนักแสดงคนหนึ่งอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเกลี้ยกล่อมเด็กสาวช่างมีฝีมือยิ่งนัก ยามที่อยู่กับกู้ซีจิ่วจะดูแลเอาใจใส่มาก พูดจาปานละอองฝนโปรยปราย กระทำการงามสง่าน่าวางใจ ยามแย้มยิ้มราวกับสามารถทำให้บุปผาผลิบานออกมาจากความว่างเปล่ารอบกายได้
ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้มีสตรีอยู่จำนวนหนึ่ง มีอยู่ไม่กี่นางทว่าวรยุทธ์สูงส่งยิ่ง การที่ท่านเจ้าผู้นี้มาเดินเล่นเป็นเพื่อนกู้ซีจิ่วตกอยู่ในสายตาของพวกนางเป้นธรรมดาที่จะก่อให้เกิดคลื่นริษยาชิงชังขึ้น
และความริษยาชิงชังเหล่านี้ ทำให้สตรีเหล่านั้นจับตามองความเคลื่อนไหวของกู้ซีจิ่วทุกก้าว ด้วยเหตุนี้ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะไปไหนล้วนมีสายตาจับจ้องอยู่เสมอ เห็นเธอมีพฤติกรรมแปลกไปเพียงเล็กน้อยก็จะรายงานแก่เบื้องบนทันที
กู้ซีจิ่วเลื่อมใสท่านเจ้าผู้นี้ยิ่งนักจริงๆ สามารถวางแผนเล่นงานผู้อื่นเงียบๆ ได้
อันที่จริงกู้ซีจิ่วคอยสืบหาทางออกอยู่เสมอ คนก่าร้อยคนชุมนุมอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้จะต้องกินดื่มชับถ่ายอยู่เป็นนิตย์ จะต้องออกไปจับจ่ายซื้อหาเป็นแน่ พวกเขาต้องมีเส้นทางเข้าออกสำหรับคนปกิแน่นอน
ท่านเจ้าผมเงินผู้นั้นมักจะตามติดอยู่ข้างกายเธอตลอดประหนึ่งแผ่นยาหนังสุนัข จอเพียงเธอออกจากห้องของตัวเอง เมื่อออกมาก็จะพบเจอเขาที่มีท่าทีว่า ‘บังเอิญเหลือเกินพวกเราได้พบกันอีกแล้วมิสู้ออกไปเดินเล่นด้วยกันจะดีกว่า’
ต่อให้บางครั้งเขาไม่อยู่ข้างกาย ยามที่กู้ซีจิ่วออกมาเคลื่อนไหวยืดเส้นยืดสายก็พบว่ามีผู้คุ้มกันคอยติดตามเธออย่างลับๆ อยู่เป็นประจำ…
ท่านเจ้าผมเงินมีความอดทนนัก ไม่พูดเรื่องการร่วมมืออันใดกับเธออีก ทว่าทำราวกับตามจีบเธออยู่
การไล่ตามคนของเขาเหมือนบุคลิกในอดีตของหรงเช่อ แทรกซึมเข้าหาปานฝนพรำยามฤดูใบไม้ผลิ ใช้ความเอาใจใส่เขาสั่นคลอนคนทีละน้อย หากกู้ซีจิ่วไม่ทราบตัวตนของเขามาก่อน เกรงว่าคงนึกว่าเขาเป็นคุณชายผู้สุภาพอ่อนโยนคนหนึ่งไปแล้วเช่นกัน
ใครบอกว่าคนยุคโบราณล้วนโง่เง่าเต่าตุ่นหลอกวงได้ง่ายดายยิ่งกัน? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าทุกคนที่นี่ล้วนเล่นละครเก่งจนเข้าขั้นวิปริตแล้ว! ถ้าประมาทไปเพียงนิดก็จะถูกพวกเขาหลอกจนหัวหมุนได้!
ที่นี่มีจุดสังเกตการณ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง แรกเริ่มกู้ซีจิ่วนึกว่าสิ่งเหล่านี้ใช้พลังวิญญาณหรือหินวิญญาณเป็นตัวขับเคลื่อน จวบจนเธอเดินไปถึงหน้าห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ มองเห็นว่าภายในห้องโถงนั้นมีกังหันลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และด้านหลังกังหันก็คือสระลาวา ลาวาเดือดพล่านปานหม้อน้ำเดือด ไอร้อนคอยเป่าให้กังหันอันนั้นหมุนอยู่ตลอด…
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้ว ที่แท้ที่นี่ใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนของลาวาพัดให้กังหันก่อเกิดไฟฟ้า!
จำเป็นต้องถามเลย นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่หลงฟั่นประดิษฐ์ขึ้น
ผู้ข้ามมิติคนนี้ไม่ได้ข้ามมิติอย่างเสียเปล่าเลย ศึกษาความรู้มากมายกลับมา ผู้ข้ามมิติที่มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิถึงจะน่าหวัดหวั่นจริงๆ โดยเฉพาะผู้มีความสามารถที่นิสัยวิปริตผิดเพี้ยน…
ตำหนักใต้ดินที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ไม่น่าจะมีแค่ทางเข้าออกเท่านั้น น่าจะมีช่องระบายอากาศด้วย มิเช่นนั้นผู้คนที่นี่คงอบอ้าวตาย
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตำหนักใต้ดินแห่งนี้มีจุดที่คล้ายคลึงกับตำหนักแก้วผลึกใต้สมุทรของตี้ฝูอี ตำหนักแก้วผลึกอยู่ก้นสมุทร ส่วนตำหนักใต้ดินแห่งนี้อยู่ใต้ลาวา…
ผนังกึ่งโปร่งแสงด้านบนที่กันไฟได้กู้ซีจิ่วศึกษาอยู่นานสองนานก็ยังศึกษาไม่ได้ว่าสรุปแล้วทำมาจากวัสดุชนิดใดกันแน่ มีเจ้าสิ่งนี้กั้นอยู่ ทำให้ภายในตำหนักใต้ดินแห่งนี้ไม่ร้อนผ่าว หลายแห่งยังคงเย็นสบายยิ่งนักด้วย
….
จะอย่างไรกู้ซีจิ่วก็คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นหลงซือเย่อยู่บนผนังด้านหนึ่ง
มิผิด อยู่บนผนัง ถูกคนล่ามขึงไว้บนผนัง
ห้องนี้เป็นห้องที่มืดมิดยิ่งนักห้องหนึ่ง ยามที่กู้ซีจิ่วเดินมาถึงที่นี่เข้าโดยบังเอิญ ก็เห็นเขาอยู่บนผนังแล้ว
มือเท้าล้วนถูกล่ามไว้ด้วยห่วงเหล็ก ศีรษะเขาตกห้อยเล็กน้อย เส้นผมบดบังดวงหน้าไว้กึ่งหนึ่ง แน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ท่านเจ้าผมเงินที่อยู่ด้านข้างยิ้มน้อยๆ กล่าวกับกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ยังจำคนผู้นี้ได้หรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 1094 เจ้าขอความเมตตาให้เขาอยู่หรือ?
กู้ซีจิ่วเพ่งพิศเขาอยู่ครู่หนึ่ง “คนที่อ้างตัวว่าเป็นหลงซีคนนั้นกระมัง?”
น้ำเสียงเธอใสกระจ่าง หลงซือเย่ที่เดิมทีก้มหน้าอยู่ตรงนั้นราวกับท่อนไม้คล้ายจะได้ยินเสียง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเฉียบคมคู่หนึ่งมองมาทางคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงปากประตู
เมื่อสายตาจับมาที่ร่างกู้ซีจิ่วก็ชะงักไปทันที นัยน์ตาหดตัวเล็กน้อย มีความร้ามรานพาดผ่านแวบหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอีก คล้ายว่าละอายอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วยังคงจดจำผู้คนได้แม่นยำนัก ถึงแม้หลงซือเย่ในยามนี้จะดูซูบผอมลงไม่น้อย แต่เธอมองปราดเดียวก็จำได้แล้วว่านี่คือหลงซือเย่ตัวจริง!
ส่วนคนที่แล่นไปหาเธอถึงห้องสารภาพความในใจกับเธอจะพาเธอหนีไปคนนั้นกลับเป็นตัวปลอม หากไม่มีอะไรเหนือไปจากความคาดหมาย ตัวปลอมคนนั้นน่าจะเป็นร่างโคลนนิ่ง…
ถึงแม้รูปโฉมของทั้งสองคนจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่กลิ่นอายบนร่างยังคงแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย
โดยเฉพาะกับกู้ซีจิ่วที่ถึงแม้จะโดนหลงซือเย่หักหลัง แต่เธอก็ยังจดจำเขาได้แม่นยำนัก ถึงอย่างไรก็เคยสนิทนสมคุ้นเคยกันถึงเพียงนั้น…
ที่กู้ซีจิ่วถูกลอบปองร้ายครานี้ ‘ผลงาน’ ส่วนใหญ่เป็นของหลงซือเย่ กู้ซีจิ่วนึกว่าหลงซือเย่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกหลงฟั่นแล้วมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าจะถูกล่ามไว้ที่นี่ นี่มันอะไรกันอีก?
ท่านเจ้าผมเงินถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ซีจิ่ว เจ้าฉลาดจริงๆ! เขาสวมรอยเป็นหลงซีเข้าใกลเจ้า ถูกคนพบเห็นแล้งนำมารายงานข้า ข้าถึงได้ลงโทษเขาเช่นนี้”
กู้ซีจิ่วมองตำแหน่งที่หลงซือเย่ถูกล่ามไว้ ห่วงเหล็กตรงข้อมือและข้อเท้ามีเข็มสั้นๆ ที่แหลมคมอยู่ ดูจากความยาวของเข็มนี้น่าจะแทงเข้าไปถึงในกระดูก ทำให้มีโลหิตไหลซึมออกมาจาข้อมือและข้อเท้าของเขา
“เขาเป็นร่างโคลนนิ่งเหรอ?”
ท่านเจ้าผมเงินยิ้มบางๆ พยักหน้าให้ “ใช่แล้ว เป็นผลงานที่ล้มเหลวของผู้อาวุโสหลง”
หลงซือเย่ที่ถูกล่ามไว้บนกำแพงหลุบตาลงเกน้อย ไม่มีปฏิกิริยาต่อคำพูดเช่นนี้ของท่านเจ้าผมเงิน
กู้ซีจิ่วเพ่งพิศอีกฝ่ายอีกคราหนึ่งหนึ่ง ทอดถอนใจ “อันที่จริงเขาก็แค่แอบอ้างว่าเป็นหลงซีเท่านั้น จำเป็นต้องให้เขารับโทษทัณฑ์เช่นนี้เชียวหรือ?”
ท่านเจ้าผมเงินกล่าวด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “นี่เจ้าขอความเมตตาให้เขาอยู่หรือ?”
กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าโทษทัณฑ์ของเขาไม่ถึงขั้นนี้”
“ถ้าหากเขาเป็นหลงซีตัวจริงเล่า?” จู่ๆ ท่านเจ้าผมเงินก็ถามประโยคนี้ออกมา
ใบหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วเยียบเย็นลง ตอบอย่างไม่เกรงใจ “ข้าจะทำให้เขาชดใช้หนี้เลือดด้วยเลือด!”
ท่านเจ้าผมเงินพลันตวัดข้อมือ ยื่นกริชขาววาววับเล่มหนึ่งให้เธอ “ตอนนี้เจ้าทำได้แล้ว ไปสังหารเขาซะ ชดใช้หนีเลือดด้วยเลือด”
กู้ซีจิ่วไม่รับไว้ “ข้าไม่สังหารร่างโคลน!”
ท่านเจ้าผมเงินกล่าวว่า “เจ้าสามารถสังหารเขาโดยคิดว่าเป็นหลงซีตัวจริงได้”
น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเย็นชา “น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ และแต่ไหนแต่ไรมาตัวข้าไม่เคยกระทำการส่งเดชกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง”
ดวงตาของเธอมองไปที่ท่านเจ้าผมเงิน “ร่างโคลนก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ต่อให้เป็นผลงานที่ล้มเหลว ในเมื่อเขามีความคิดเป็นของตัวองเช่นนั้นเขาก็ควรได้มีชีวิตของตัวเองด้วย ตามหลักแล้วควรได้รับการปฏิบัติเหมือนคนทั่วไป หรือว่าท่านเจ้าชมชอบสังหารผู้ไร้ความผิด?”
ท่านเจ้าผมเงินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาแย้มยิ้มแล้ว ยืนมือไปทัดเส้นผมสลวยของกู้ซีจิ่วเบาๆ “แน่นอนว่าไม่ ข้ามีเมตตาเสมอมา ไม่สังหารผู้ไร้ความผิด”
กู้ซีจิ่วเบี่ยงศีรษะนิดๆ หลบหลีกจากมือเขา
ท่านเจ้าผมเงินกลับไม่ถือสา เขาพลันยกมือขึ้น สำแสงหน้าสีสายหนึ่งวาบออกมา ห่วงเหล็กบนข้อมือข้อเท้าของหลงซือเย่ปลดออกอย่างพร้อมเพรียง
ร่างกายเขาส่ายโงนเงน ทรุดลงบนพื้น เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บสาหัส ดิ้นรนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก็ไม่อาจลุกขึ้นมาได้…
สภาพของเขาดูจนตรอกอย่างยิ่ง แต่ยามที่ทรุดอยู่ตรงนั้น บั้นเอวของเขากลับเหยียดตรง ราวกับคนพ่ายทว่ากริยาไม่แพ้ เสมือนพญาหงส์ที่ร่อนลงบนรังหญ้า ไม่ว่าจะตกต่ำอย่างไรก็ไม่ยอมก้มศีรษะอันทระนงของเขาลง
เขาเงยหน้ามองมาทางด้านนอก เนื่องจากเส้นผมของเขาบดบังใบหน้าไว้กึ่งหนึ่ง กู้ซีจิ่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่สัมผัสได้ว่าเขาจ้องมองตนอยู่ คงคาดไม่ถึงว่าเธอจะพูดขอความเมตตาให้เขา
————————————————————————————-