ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1111+1112
บทที่ 1111 เธอบังเอิญทายถูกเข้าแล้ว!
หลงฟั่นกวาดตามองคนในโรงน้ำชาด้วยความรวดเร็ว และไม่พบผู้ใดน่าสงสัย…
เขาพลันสงบจิตใจ ไม่รีบร้อนลงมือ เพียงแต่สั่งการให้ลูกน้องทั้งสองไปตรวจดูโดยรอบเพื่อตามหาหลงซือเย่ เขาสงสัยว่าหลงซือเย่อาจปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่สู้กันพวกนั้น
กู้ซีจิ่วมองดูเหตุการณ์ด้านนอกราวกับดูภาพยนตร์ถ้ำมอง[1] จนกระทั่งการต่อสู้ด้านนอกสิ้นสุดลง เธอถึงลุกขึ้นยืนอย่างอารมณ์ค้าง บ่นพึมพำอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “การต่อสู้ยุคนี้ไม่เห็นจะต่างอะไรกับในหนังเลย เมืองนี้ก็ช่างซอมซ่อ ไม่มีอะไรน่าสนุก”
เธอออกมาจากโรงน้ำช้า พูดคุยกับสารถีที่สถานีส่งสารอยู่สองสามคำ สิ่งที่เธอถามก็คือ “เมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดและใกล้ที่สุดคือเมืองอะไร?”
คนขับรถพูดชื่อเมืองหนึ่งออกมา เธอพยักหน้าตอบรับ “ดี เช่นนั้นไปดูที่นั่นกันหน่อย จะทะลุมิติมาเสียเที่ยวไม่ได้ ไปชมสภาพบ้านเมืองที่นั่นสักหน่อยก็ไม่เลว” เธอพลันก้าวขึ้นรถม้า เห็นทีคงอยากจะออกไปเที่ยวชมโลกภายนอกจริงๆ
หลงฟั่นแอบมองดูอยู่ในมุมมืด เดิมทีเขายังคงสงสัยเล็กน้อยว่ากู้ซีจิ่วฟื้นคืนความทรงจำของชาตินี้มาบ้างแล้ว ดังนั้น จึงรีบร้อนออกตามหา คาดไม่ถึงว่าเธอแค่อยากออกมาทำความรู้จักทวีปนี้ หรือว่าเขาจะคิดมากเกินไป?
เขาแอบตามหลังรถม้า ตามไปครึ่งชั่วยามเต็มๆ ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาหาเธอ เขาจึงรู้สึกว่าตามเธอต่อไปก็ไม่มีอะไรน่าสนุกแล้ว…
ทันใดนั้นเขาปรากฏตัวขึ้นหน้ารถม้า ไม่ทันรอให้คนขับรถตอบโต้หรือถามไถ่อันใด ร่างของเขาพลันหายวับเข้าไปในรถม้าแล้ว
กู้ซีจิ่วที่นอนพักหลับตาอยู่ในรถม้าคล้ายตกใจเพราะการปรากฏตัวกะทันหันของเขา จึงขยับร่างกายคิดจะเคลื่อนย้ายในพริบตา หลงฟั่นเตรียมรับมือเอาไว้ก่อนแล้ว ยกมือขึ้นกดไหล่ของเธอไว้ “ยังคิดจะหนีอีก?!”
กู้ซีจิ่วอาศัยใบหน้าที่แปลงโฉมมา ยังแสร้งทำมึนงง “เจ้าเป็นใคร? ขวางทางข้าด้วยเหตุใด?”
หลงฟั่นแย้มยิ้ม ล้วงน้ำโอสถขวดหนึ่งออกมาสาดหน้าเธอ จากนั้นไม่สนใจว่าเธอจะดิ้นรน ใช้ชายเสื้อเช็ดใบหน้าน้อยๆ จนสะอาดเอี่ยม เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง ก่อนวางกระจกไว้ด้านหน้าเธอ “กู้ซีจิ่ว เธอยังจะเสแสร้งอีก!”
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปาก เธอมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนอีก “คุณหาฉันเจอได้ยังไง? ทั้งที่ฉันแปลงโฉมมาแล้ว แถมยังปกปิดและลบร่องรอยทั้งหมดระหว่างทาง…”
หลงฟั่นเอ่ย “เธอลองทายดูสิ?”
กู้ซีจิ่วหลุบตาเล็กน้อย “เดาไม่ออก หรือว่าคุณติดตั้งจีพีเอสอะไรพวกนั้นไว้บนตัวฉัน?”
หลงฟั่นกล่าวสิ่งใดไม่ออก เธอบังเอิญทายถูกเข้าแล้ว!
หากแต่กู้ซีจิ่วก็ปฏิเสธเองอย่างรวดเร็ว “แต่ก็ไม่น่าใช่ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดแล้ว แม้แต่ผมก็สระแล้ว…”
หลงฟั่นทอดถอนใจ เอ่ยจุดชนวนด้วยเสียงราบเรียบ “หลงซือเย่ที่เธอหนีออกมาด้วยกันเป็นคนของฉัน” ความหมายของคำพูดนี้ก็คือหลงซือเย่หักหลังเธอ
กู้ซีจิ่วตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก สีหน้ายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หลงฟั่นเอ่ยถาม “หลงซือเย่ล่ะ? เขาหนีออกมาด้วยกันกับเธอไม่ใช่เหรอ?”
กู้ซีจิ่วยิ้มเยาะ “พวกเราแยกกันกลางทาง ในเมื่อเขาเป็นคนของคุณ คุณไม่รู้เลยเหรอว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
ทำเอาหลงฟั่นสำลักและทอดถอนใจอยู่นาน “เขาเป็นผลงานร่างโคลนที่ล้มเหลวของฉัน เดิมทีฉันอยากให้หลงซีฟื้นคืนชีพใหม่ที่นี่เช่นกัน…เขาคงรู้ว่าฉันจะทำลายเขาที่เป็นผลงานล้มเหลวทิ้ง จึงรีบหนีไป เธอก็กลับหนีตามเขาไปด้วย!”
กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ฉันไม่อยากขลุกอยู่ในที่ที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแบบนั้นไปตลอด ฉันอยากออกมาเดินเล่นหลายครั้ง พวกคุณก็ขัดขวางฉันตลอด พอดีกับที่หลงซือเย่คนนั้นบอกว่าเขามีวิธีหนีออกไป ฉันก็เลยร่วมมือกับเขา…หลังจากออกมาไม่นานพวกเราก็แยกกัน เขาคงไม่ได้บอกร่องรอยของฉันกับคุณหรอกใช่ไหม?”
———————————————————————
บทที่ 1112 ไม่มีประโยชน์ที่จะขอโทษ
คำพูดเหล่านี้ของเธอไม่มีพิรุธใดๆ หลงฟั่นมองเธอครู่หนึ่งก่อนเผยยิ้ม “เขาไม่ได้บอกอะไร ฉันเพียงแค่ตามสัญลักษณ์บนเส้นทางของพวกเธอ…เขาคงกลัวว่าฉันจะจับเขาและลงโทษเขา ดังนั้นจึงหักหลังเธอเพื่อช่วยให้ตัวเองสมหวัง ไม่อย่างนั้นฉันคงตามหาตัวเธอไม่ได้เร็วขนาดนี้”
กู้ซีจิ่วกระชับนิ้วมือเล็กน้อย “สารเลว!”
หลงฟั่นผู้นี้ยังมายุแยงตะแคงรั่วความสัมพันธ์ของเธอกับหลงซือเย่ จิตใจช่างไม่บริสุทธิ์เสียจริง!
หลงฟั่นกลับคิดว่าเธอด่าหลงซือเย่ เขาจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ “ก็สารเลวจริงๆ…”
พลังวิญญาณของเธอคือขั้นหก แต่ของหลงฟั่นคือขั้นสิบ ถึงแม้ห่างกันเพียงแค่สี่ขั้น แต่ความต่างราวฟ้ากับดิน กู้ซีจิ่วไม่มีกำลังเทียบเท่าเขาแม้แต่น้อย เธอจึงจำต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของหลงฟั่นอีกครั้ง
หลงฟั่นกลัวว่าเธอจะเล่นลวดลายอะไรอีก จึงสกัดจุดของเธอไว้เสีย ทำให้เธอพูดได้อย่างเดียว แต่ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้
เมื่อควบคุมเธอได้แล้ว หลงฟั่นจึงโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
เขาไม่กลัวว่าหลงซือเย่จะหลบหนี อย่างไรเสียเขายังมีแผนการนอกเหนือจากนี้ เมื่อใดที่หลงซือเย่กลับเขาถามสวรรค์ ก็จะติดกับดักเขาในทันที
รถม้ายังคงเดินหน้าต่อไป เพียงแต่สารถีด้านนอกกลายเป็นคนของหลงฟั่นเสียแล้ว
หลงฟั่นนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจเบาๆ “คุณจะพาฉันกลับไปวังใต้พิภพนั่นเหรอ?”
หลงฟั่นจ้องตาเธอ “ซีจิ่ว คราวนี้เธอฆ่าลูกน้องที่ล้วนเป็นยอดฝีมือของฉันไปสี่คน เธอน่าจะรู้ดี การบ่มเพาะยอดฝีมือไม่ใช่เรื่องง่าย…”
“ฉันขอโทษ” กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ไม่มีประโยชน์ที่จะขอโทษ” เสียงของหลงฟั่นนุ่มนวล “เธอก็นับว่าเป็นลูกสาวของฉันเหมือนกัน แต่ในเมื่อทำความผิดก็ต้องถูกลงโทษ ไม่เช่นนั้นจะคุมคนหมู่มากได้ยาก เธอก็หัดว่าง่ายเสียบ้าง…”
เสียงของเขาอ่อนโยนดังสายธาร แต่คำที่พูดออกมากลับโหดเหี้ยมหาที่เปรียบมิได้
หลังจากเขาพูดจบก็ให้กู้ซีจิ่วกินยาชนิดหนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ เส้นเลือดเส้นเอ็นทั้งหมดในร่างกายก็เจ็บปวดเหมือนถูกกรีดด้วยคมมีด…
หลงฟั่นนั่งมองเธอทนทุกข์ทรมานอยู่ฝั่งตรงข้าม มองเธอที่เหงื่อโซมใบหน้า แต่กลับอดกลั้นไม่ส่งเสียง เพียงขบกัดริมฝีปากจนเลือดไหลออกมา…
ความเจ็บปวดเช่นนี้ต่อเนื่องราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ค่อยๆ ทุเลาลง จนกระทั่งจางหายไป
ร่างกายของกู้ซีจิ่วชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เมื่อหลับตาลงเบาๆ แม้แต่ขนตาก็ยังเปียกชุ่ม
หลงฟั่นไม่รู้ว่าหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากไหน ค่อยๆ เช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเธอ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ได้รับบทเรียนแล้วใช่ไหม?”
ยาชนิดนี้เป็นยาพิศวง และเป็นของวิเศษที่เขาใช้ควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อยาออกฤทธิ์ต่อให้เป็นชายฉกรรจ์สูงเจ็ดฉื่อก็เจ็บปวดจนต้องร้องโอดโอย จิตอ่อนแอจนเกือบถึงขั้นต้องเสียน้ำตา
กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นมอง ดวงตาคู่นั้นดำขลับราวฟ้ารัตติกาล แม้แต่น้ำตาสักหยดก็ไม่มี เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วพลันหลบสายตา
หลงฟั่นกลับตกตะลึงเบาๆ เขาใช้ยาลบความทรงจำของเธอในชาตินี้เพื่อให้เธอลืมตี้ฝูอี ให้เธอลืมเรื่องราวในทวีปนี้ทั้งหมด จากนั้นเติบโตข้างกาย กลายเป็นแขนขาให้เขา สิ่งที่เขาต้องการก็คือความจงรักภักดีที่เธอมีให้ บางทีเธออาจชอบเขาเหมือนกับที่เธอชอบหลงซีในตอนแรก ดังนั้นเขาจึงทำดีกับเธอมาตลอดตอนอยู่วังใต้พิภพ จนถึงขั้นตามใจเธอไปบ้าง
ตอนนี้เมื่อได้เห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความเกลียดชัง เขากลับรู้สึกเสียใจภายหลัง…
ทว่าเขาใจแข็งมาแต่ไหนแต่ไร ความเสียใจนั้นเพียงแค่แวบผ่านในสายตาเขา รวดเร็วเสียจนไม่มีใครจับความรู้สึกนี้ได้
“ยานี้เป็นยาลับเฉพาะของฉัน หากไม่ใช้ยาถอนพิษให้ทันท่วงที มันจะกำเริบวันละครั้ง อีกทั้งยังเจ็บปวดมากขึ้นในทุกครั้ง ต่อไปหากเธอเชื่อฟังดีๆ ฉันก็จะให้ยาถอนพิษกับเธอ” เขาเอ่ยข่มขู่
——————————————————————
[1] ภาพยนตร์ถ้ำมอง เป็นภาพยนตร์ยุคบุกเบิก ลักษณะเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ต้องมองผ่านเลนส์ ดูได้คราวละหนึ่งคน