ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1241+1242
บทที่ 1241 ท่านอยากเรียกเขาว่าพ่อตาอย่างนั้นรึ
ถึงแม้เธอปรารถนาจะแข็งแกร่งขึ้น ทว่าการฝึกฝนที่บ้าระห่ำเช่นนี้ เธอกลับคิดว่าไม่จำเป็น บางเวลาเธอเหนื่อยล้าอ่อนแรง อยากจะลุกขึ้นต่อต้านสักหน่อย
แต่การต่อต้านของเธอล้วนถูกวิธีการอันโหดร้ายของตี้ฝูอียับยั้งเอาไว้
ในเวลาเช่นนี้ ชายผู้นี้ไร้ซึ่งความปรานี กู้ซีจิ่วแอบอู้สิบนาที เขาก็ตัดเวลาการนอนของเธอไปยี่สิบนาที…
ตามที่เขากล่าว ถึงแม้โม่เจ้าจะบาดเจ็บหลบหนีไปแล้ว แต่ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องมีวันหวนคืน เธอควรเร่งฝึกฝนทักษะการป้องกันตัวให้ได้ก่อนเหตุการณ์เลวร้ายนั้นจะกลับมา
และเนื่องจากวิญญาณของเธอฝึกฝนถึงขั้นแปดแล้ว ร่างกายก็ควรฝึกฝนตามให้ทันโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อจิต อีกทั้งหากเธอฝึกฝนได้รวดเร็วเท่าใด ระดับการผสานวิญญาณกับร่างกายก็จะสูงขึ้นเท่านั้น จนเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างแท้จริง
ตี้ฝูอียังบอกว่า ถึงแม้ร่างนี้จะเป็นร่างที่หลงฟั่นสร้างขึ้น แต่หากเธอใช้พลังวิญญาณของตนเองฝึกฝน ร่างกายจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตามวิญญาณ ประหนึ่งเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากพ่อและแม่ เป็นร่างกายของเธออย่างแท้จริง ไม่ใช่ของผู้อื่น…
บางครั้งกู้ซีจิ่วโมโห จะถามเขาว่า “ร่างนี้เป็นร่างที่หลงฟั่นสร้างขึ้นมา หากเหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดจากพ่อแม่ เช่นนั้นต่อไปเขาก็จะกลายเป็นพ่อตาท่าน? ท่านอยากเรียกเขาว่าพ่อตาอย่างนั้นรึ?”
ตี้ฝูอียิ้มบางๆ “หากเจ้าใช้ร่างนี้ฝึกฝนจนถึงขั้นเก้าได้สำเร็จ นั่นก็เท่ากับข้าเปลี่ยนแปลงร่างกายเจ้าไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลงฟั่นอีก หากเจ้าต้องการพ่อสักคน ข้าว่าข้าน่าจะเหมาะสมมากกว่า…”
กู้ซีจิ่วถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง “นี่ท่านอยากมีความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกกับข้าหรือ?! จะมากเกินไปแล้ว!”
ตี้ฝูอีเอื้อมมือคว้านางเข้ามาในอ้อมกอด “ความจริงแล้ว ข้าไม่สนว่าร่างกายนี้ของเจ้าจะเป็นลูกสาวใคร ที่สำคัญคือวิญญาณเจ้าต้องไม่เป็นของใครในโลกใบนี้ ถึงแม้หลงฟั่นจะโหดร้าย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจยิ่งนักตอนสร้างร่างนี้ของเจ้าขึ้นมา ทั้งยังรวบรวมส่วนประกอบแก่นแท้ฟ้าดิน บอกตามตรง ข้ามีชีวิตในโลกหล้านี้เนิ่นนานหลายปี เพิ่งเคยเห็นร่างกายที่ฝืนลิขิตสวรรค์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ร่างกายที่สมบูรณ์แบบรอบด้านแข็งแกร่งกว่าลูกสาวจวนแม่ทัพมากนัก หากเจ้าไม่ฝึกฝนออกมาให้ดีก็เสียของเปล่า น่าเสียดายเกินไป”
กู้ซีจิ่วถูกเขาเกลี้ยกล่อมเสียแล้ว เอาเถอะ เชื่อเขาก็แล้วกัน
ถึงอย่างไรเธอก็เคยฝึกฝนอย่างเข้มงวดในค่ายฝึกนักฆ่ามาก่อน ดังนั้นเมื่อเธอยอมรับวิธีการฝึกฝนของตี้ฝูอี ย่อมต้องจริงจังทำมันให้สำเร็จให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ภายในหนึ่งเดือนกับอีกยี่สิบวัน เธอจึงบรรลุสองขั้นได้สำเร็จ!
ตี้ฝูอีบอกว่าการฝึกฝนเช่นนี้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้โดยสิ้นเชิง ไม่แน่อาจเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบทางพันธุกรรมได้ อีกนัยหนึ่งก็คือเธอน่าจะเปลี่ยนแปลงร่างโคลนนิ่งที่เหมือนฝาแฝดกับหลงฟั่นได้ และสามารถตัดขาดการเชื่อมต่อกระแสจิตกับหลงฟั่น
จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่กู้ซีจิ่วยังไม่รู้ ทว่าหลังจากเธอกินยาของตี้ฝูอีและฝึกฝนวรยุทธ์ที่เขาถ่ายทอดให้ เธอก็สัมผัสถึงหลงฟั่นไม่ได้อีกเลย
เธอนั่งหน้ากระจกครู่หนึ่ง พบว่ารูปโฉมของเธอตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาด ไม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งสิงสู่เข้าร่างโคลนนิ่งนี้
นอกจากจะไม่เหมือนลูกสาวจวนแม่ทัพคนเดิมแล้ว ยังไม่เหมือนร่างโคลนนิ่งในชาติก่อนของตนด้วย
เหมือนร่างกายเป็นอิสระ เดิมทีเธอมีรูปโฉมงดงาม ดวงตากลมโต ยามนี้หางตากลับยกขึ้นเล็กน้อย ละม้ายคล้ายดวงตาหงส์ ปลายจมูกสูงรั้นขึ้นกว่าเดิมมาก ริมฝีปากชมพูระเรื่อยิ่งขึ้น ดุจดั่งพู่สีแดงบานสะพรั่งอยู่ปลายกิ่งก้าน
————————————————————————————-
บทที่ 1242 คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทันแล้ว?
ตี้ฝูอีเคยบอกว่า หากวิญญาณของเธอหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับร่างกายอย่างแท้จริง หรือก็คือรอให้ร่างกายบรรลุขั้นแปดเช่นเดียวกันกับวิญญาณ รูปลักษณ์จะเหมือนกันกับรูปโฉมของวิญญาณทุกประการ
เธอมองดูคนที่อยู่ในกระจก หรือว่านี่คือรูปโฉมที่แท้จริงของเธอ?
เดิมทีเธอเป็นหญิงสาวที่งดงาม ตอนนี้ความงามของเธอยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี
สิ่งเดียวที่เธอเสียดายก็คือกำไลคู่บุพเพกับหยกนภา
กำไลคู่บุพเพนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือเธอไม่มีทางติดต่อกับหยกนภาได้อีกแล้ว…
เธอยกมือขึ้นเคาะหยกนภาที่ข้อมือ เจ้านี่กลับมาอยู่บนข้อมือเธออีกแล้ว ถึงแม้จะติดต่อกับเธอไม่ได้ แต่ก็ยังคงเปล่งแสงเป็นครั้งคราวเพื่อแสดงว่าตนยังอยู่
“เสี่ยวชาง เจ้ามีอะไรมากมายอยากพูดกับข้าใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงติดต่อกันสามครั้ง เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
นี่คือวิธีการพูดคุยที่เธอตกลงกับหยกนภา ถ้าหากเห็นด้วยให้เปล่งแสงสามครั้ง ไม่เห็นด้วยเปล่งแสงสองครั้ง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเปล่งแสงหนึ่งครั้ง
ทว่าเกมประเภทที่เล่นได้แต่ ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ แบบนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก กู้ซีจิ่วก็ยุ่งมาก สองวันมานี้ได้คุยกับมันไม่ถึงสองประโยค
“เจ้าว่าข้าสวยขึ้นใช่หรือไม่?”
หยกนภาเปล่งแสงสามครั้ง
กู้ซีจิ่วอมยิ้ม “ข้าว่ารูปโฉมนี้ของข้าคู่ควรกับตี้ฝูอียิ่งนัก หากแต่งงานกับเขาด้วยรูปโฉมเดิม ความจริงข้าก็รู้สึกกดดัน เขาสวยกว่าข้าจะตายไป เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
ไม่รู้ว่าหยกนภาอยากบอกอะไร มันเปล่งแสงออกมาสามครั้งก่อน ค่อยเปล่งแสงสองครั้ง หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงเปล่งแสงอีกหนึ่งครั้ง
กู้ซีจิ่วมองมันอย่างเป็นกังวล “คำถามยากเกินไป เจ้าคิดไม่ทัน?”
หยกนภาไม่เปล่งแสงไปเสียดื้อๆ!
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะ จ้องมองแสงเทียนพลางคิดใคร่ครวญ
เลื่อนถึงขั้นแปดแล้ว ต้องไปหาตี้ฝูอีให้เขาดูสักหน่อยไหมนะ? ให้เขาเห็นความงดงามที่แท้จริงของเธอ ไม่ให้เขาใช้ความงดงามมากดดันเธออีก!
ทว่า เพิ่งแยกกับเขาได้ห้าวัน คงไม่ดีถ้าจะเข้าไปหาเขาก่อนกระมัง?
กลัวแต่มู่เฟิงจะแอบหัวเราะเยาะเธออีกที่แยกจากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายของเขาไปไม่ได้…
กู้ซีจิ่วไม่ใช่คนตามติดแจ เดิมทีไม่ต้องพูดถึงการอยู่ห่างกันห้าวัน ต่อให้เป็นปีเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้ว่าโหยหาความรักเป็นอย่างไร ทว่ายามนี้เธอคิดถึงตี้ฝูอีแล้ว…
ทั้งที่ตอนอยู่กับเขา เขาคอยเคี่ยวเข็ญเธอให้ฝึกฝน ราวกับเป็นครูฝึกจอมมารก็ไม่ปาน
เธอเพิ่งแยกจากเขามาแค่ห้าวัน แต่กลับเหมือนแยกจากกันมาห้าเดือน รู้สึกทรมานอยู่บ้าง…
เธอยกมือขึ้นเคาะหน้าผากตัวเอง นี่เธอกำลังทารุณร่างกายตัวเองอยู่หรือไม่?
ด้านนอกมีคนกระแอมเบาๆ สาวใช้รายงานว่ากู้เซี่ยเทียนมาแล้ว
ว่ากันด้วยเหตุผล ร่างกายของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับกู้เซี่ยเทียนแล้ว แต่เธอก็เคยครอบครองร่างกายของลูกสาวเขา ไม่แน่ต่อไปอาจได้กลับเข้าร่างนั้นอีกครั้ง ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงยอมรับพ่อคนนี้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องการตัวตนนี้จริง
กู้เซี่ยเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นนาง สายตาที่มองนางค่อนข้างสับสน เสมือนดีใจและเหมือนหดหู่เล็กน้อย
เขารู้สึกว่าลูกสาวคู่ควรเคียงข้างตี้ฝูอี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ที่รุดหน้าไปมาก แม้แต่รูปโฉมก็พัฒนาไม่แพ้กัน!
รูปโฉมก่อนหน้านี้ของนางถูกคนตำหนิติเตียน ยามนี้กลับกลายเป็นหญิงงามล่มบ้านล่มเมือง ทำให้เขารู้สึกใจหายใจคว่ำ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อเชื้อไข รูปโฉมของคนทั่วไปถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ บ้างเหมือนพ่อ บ้างเหมือนแม่ บ้างก็นำเอาส่วนดีของทั้งสองรวมกัน บ้างก็รวมส่วนเสียของพ่อแม่เอาไว้…
กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปโฉมของลูกล้วนเหมือนพ่อแม่ไม่มากก็น้อย
————————————————————————————-