ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1281+1282
บทที่ 1281 โชคดีที่เป็นแค่ความฝัน!
มนุษย์เรายามกลางครุ่นคิดอยู่ตลอด ตกกลางคืนจึงเกิดความฝัน อันที่จริงหลายวันมานี้เธอก็เคยฝันถึงเขาอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ฝันถึงช่วงเวลาในอดีตเหล่านั้น เพียงแต่ความฝันนั้นค่อนข้างสับสันวุ่นวาย ในความฝันบางทีเธอกับเขาก็ท่องเที่ยวไปด้วยกัน บางทีก็ออกผจญภัยด้วยกัน ถึงขั้นที่ฝันถึงเรื่องหวาบหวามอยู่บ้าง…
ความฝันเหล่านั้นเป็นเช่นเดียวกับความฝันของผู้คนมากมาย กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่สมเหตุสมผลเลย และไม่ปะติดปะต่อกัน ส่วนมากพอเธอตื่นขึ้นมาก็จะหลงลืมไป
แต่ความฝันครั้งนี้แตกต่างออกไป ความฝันของเธอเป็นระเบียบแบบแผนยิ่งนัก ราวกับเป็นเหตุการณ์จริง
ในความฝันไม่รู้ว่าเธอกับเขาต่อสู้กับสิ่งใดอยู่ แถมยังสู้ชนะด้วย เธอดีใจมาก วนเวียนห้อมล้อมรอบตัวเขาอย่างภาคภูมิใจ เขาก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่แววตาเขากลับคล้ายจะอัดแน่นไปด้วยความเศร้าหมอง เขากอดเธอไว้ในอ้อมอกแล้วจุมพิต จากนั้นก็ปล่อยตัวเธอออกกะทันหัน บอกว่าเขามีธุระต้องจัดการ ให้เธอจากไปก่อน
และในความฝันเธอก็จากไปจริงๆ ซ้ำยังกำชับกำชาเขาอีกสองสามประโยค ให้เขาระวังอะไรสักอย่าง
เขายิ้มละไมและโบกมือลาเธอ มีกลีบบุปผาเบ่งบานอยู่ด้านหลังเขา งดงามดั่งภาพวาด
เธอจากไปแล้ว และฝีเท้าของเขาก็เริ่มซวนเซ ทรุดตัวนั่งลงในพุ่มดอกไม้พุ่มหนึ่งทันที โลหิตบนร่างหลั่งไหลปานตาน้ำพุ เขาก็ไม่สนใจไยดีมัน เพียงหลุบตามองแหวนวงหนึ่งในมือ กำไว้แน่นอยู่พักใหญ่ สีหน้าซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ โปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นละอองแสงกระจายออกไปทุกทิศ
“ตี้ฝูอี!” เธอตะโกน!
น้ำเสียงโหยหวน จนทำให้ตัวเองสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้นทันที แล้วถึงพบว่าน้ำตาของตนไหลอาบหน้าแล้ว ตรงทรวงอกเจ็บปวดจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน ราวกับความเศร้าโศกนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ส่วนลึกของจิตใจ กรีดเถือดวงใจ ทำให้เธอเจ็บจนเป็นตะคริว แทบจะขดตัวแล้ว
เธออ้าปากหายใจ มองดูตกแต่งอันคุ้นเคยโดยรอบ พยายามทำให้ตัวเองสงบใจลงอย่างสุดกำลัง ทำใหหัวใจเต้นเป็นปกติ
เป็นความฝัน! นี่เป็นความฝัน!
โชคดีที่เป็นแค่ความฝัน!
เธอหลับตาลงเล็กน้อย ยกมือเช็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากตน ยิ้มขมขื่น ไม่น่าเชื่อว่าตนจะฝันเช่นนี้ น่าประหลาดแท้!
คนผู้นั้นเป็นเทพนะ เป็นเทพผู้ควบคุมโลกใบนี้ ชีวิตยืนยาวไร้ที่สิ้นสุด ไม่แน่ถึงแม้โลกนี้จะดับสูญไปเขาก็คงไม่ดับสูญไปด้วย แล้วเขาจะกลายเป็นละอองแสงกระจายหายไปได้อย่างไร? นี่เธอดูละครแนวเทพเซียนย้อนยุคมากไปใช่ไหม? ถึงฝันเรื่องที่โศกเศร้าและโอเว่อร์แบบนี้ออกมาได้…
ภาพที่เขานั่งหลุบตามองแหวนอยู่ตรงนั้นแวบเข้ามาในสมองเธออีกครั้ง แหวนวงนั้นดูเหมือนจะเป็นแหวนแต่งงานที่เขามอบให้เธอ ยามที่จะจากมาเธอได้ทิ้งไว้ให้เขาแล้ว
หัวใจเธอเต้นระส่ำขึ้นมาอีกครั้ง เขาคงจะไม่…
พลันส่ายหัวอีกครั้ง เป็นไปไม่ได้!
เขาไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก ถึงเธอตายเขาก็จะไม่ตาย…
เวรเอ้ย! ต้องเป็นเรื่องตรวนสลายวิญญาณครั้งก่อนที่ทิ้งเงามืดไว้ให้เธอแน่ๆ ดังนั้นในฝันถึงได้เห็นเขาเลือดไหลท่วมร่าง…
อย่างไรก็ตามวันหน้าหากมีโอกาสได้ออกไป เธอจะหาทางไปเอาแหวนวงนั้นกลับมา ถึงแม้จะไม่ใส่ก็ควรขายทิ้งหรือโยนทิ้งไปซะ ไม่อาจปล่อยไว้ในมือเขาได้
เธอตบหน้าตัวเองเบาๆ พอตบมือก็เปียก จากนั้นถึงพบว่าปลอกหมอนเปียกไปหมดเพราะน้ำตาของเธอ
ฝันแล้วร้องไห้จนกลายเป็นเช่นนี้ น่าอับอายจริงๆ…
เธอกระโดดลงจากเตียง ล้างหน้าเล็กน้อย แล้วส่องกระจกดู พบว่าตนร้องไห้จนตาปูดไปหมดแล้ว!
เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว ขณะที่คิดจะใช้น้ำเย็นลูบอีกสักหน่อย บานประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
เมื่อเปิดประตู ก็พบหลัวจั่นอวี่นั่งบนรถเข็นคันเล็กอยู่นอกประตูเธอ เขามาคนเดียว ไม่มีผู้ใดเข็นรถให้
สายตาของหลัวจั่นอวี่มองตรงไปที่ดวงตาของกู้ซีจิ่ว “ฝันร้ายหรือ? เจ้าตะโกนโหยหวนมาก…”
ที่แท้เธอตะโกนออกไประหว่างที่ฝันอยู่ด้วยเหรอ?
กู้ซีจิ่วตอบรับเสียงอ้อมแอ้มคราหนึ่ง…
————————————————————————————-
บทที่ 1282 วาจานี้ของท่าน…เอามาจากไหนกัน?
กู้ซีจิ่วตอบรับเสียงอ้อมแอ้มคราหนึ่ง… ให้เขาเข้ามาในบ้าน เมื่อวานหลังจากหลอมโอสถเสร็จ ได้ให้หลัวจั่นอวี่กินเข้าไปแล้วหนึ่งเม็ด และฝังเข็มไปแล้วหนึ่งครั้ง
กู้ซีจิ่วซักถามสภาพการฟื้นตัวของเขา พลางจับชีพจรให้เขาด้วย
เป็นเช่นเดียวกับที่เธอคาดไว้ ขาของเขาฟื้นฟูจนมีความรู้สึกนิดหน่อยแล้ว ปวดชาอย่างรุนแรง
ถึงแม้ความปวดชานี้จะทนรับได้ยากอยู่บ้าง ทว่าเขากลับดีใจนัก เมื่อก่อนขาของเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย ตอนนี้รู้สึกเจ็บแล้ว ในที่สุดเขาก็รู้สึกแล้วว่าขาคู่นี้เป็นของเขาจริงๆ!
เพียงแต่ดีใจก็ส่วนดีใจ เขายังพะวงถึงความฝันของกู้ซีจิ่วอยู่ “ซีจิ่ว เจ้าฝันร้ายอันใดหรือ?”
กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดถึง “ลืมไปแล้ว ข้าฝันแล้วก็ลืมมาโดยตลอด ความฝันเดียวไม่จำเป็นต้องให้ค่าหรอก…”
“ข้าได้ยินเจ้าตะโกนว่าตี้ฝูอี…” หลัวจั่นอวี่เอ่ยขัดเธอ
นิ้วมือกู้ซีจิ่วที่อยู่บนขาเขาพลันแข็งทื่อ ช้อนตามองเขา
“ซีจิ่ว คงไม่ใช่ว่าคนในใจของเจ้าก็คือเขากระมัง?”
กู้ซีจิ่วยิ้มขื่นๆ “พี่ ที่แท้ท่านก็เป็นคนชอบซุบซิบนินทาเช่นนี้ด้วย” ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
หลัวจั่นอวี่ถอนหายใจ “เช่นนั้นก็น่าจะใช่แล้ว เฮ้อ พวกเจ้าเหล่าตรีนี้หนา มักจะชมชอบบุคคลที่เป็นดั่งทวยเทพบนยอดเมฆาที่แทบจะดูเลื่อนลอยเกินเอื้อมเช่นนั้นอยู่ร่ำไป ก่อเป็นรักข้างเดียว จะหาเรื่องกลุ้มอกกลุ้มใจเช่นนี้ไปทำไมกัน? ซีจิ่ว ฟังข้านะ เจ้าจะต้องเก็บความคำนึงที่มีอยู่ฝ่ายเดียวของเจ้ากลับมา! มิเช่นนั้นเจ้าจะเป็นเพียงแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ไม่แน่อาจจะวอดวายยับเยินก็ได้”
กู้ซีจิ่วตะลึงเล็กน้อย “…วาจานี้ของท่าน…เอามาจากไหนกัน?”
หลัวจั่นอวี่ส่ายหน้า “ซีจิ่ว เจ้ารู้ไหมว่าเหล่าสตรีของที่นี่เข้ามาได้อย่างไร?”
“พวกนางมิใช่ว่าอ้างตัวเป็นสานุศิษย์สวรรค์แล้วถูกท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจับได้ แล้วโยนเข้ามาหรอกหรือ?”
หลัวจั่นอวี่ยิ้มขื่นๆ “แล้วเจ้ารู้ไหมว่าทำไมพวกนางถึงอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์?”
กู้ซีจิ่วสังหรณ์ใจขึ้นมา “หรือว่าเป็นเพราะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?”
หลัวจั่นอวี่พยักหน้า “มิผิด! สตรีไม่กี่นางที่เข้ามาเหล่านี้นอกจากเมิ่งซู่เหยียนแล้ว ล้วนเป็นเพราะลุ่มหลงในความสง่างามของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ยอมเสี่ยงอันตรายต่อการถูกตรวจพบแล้วตายอย่างไร้หลุมฝังกลบ เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสักหน่อย…เจ้าเองก็รู้ สตรีเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะจากที่ต่างๆ แต่ละคนสูงส่งเย่อหยิ่ง ทว่าลุ่มหลงคลั่งไคล้ในตัวทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ล้วนคิดว่าตนจะเป็นข้อยกเว้นของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย จะกลายเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ส่วนผลลัพธ์…เจ้าก็เห็นแล้วนี่ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไม่เกรงอกเกรงใจพวกนางเลย พอพบว่าเป็นตัวปลอม ก็จับโยนเข้ามาในป่าทมิฬทันที…ด้วยเหตุนี้ถึงได้ถูกขังไว้ที่นี่ออกไปไหนไม่ได้ ตอนที่พวกนางเพิ่งเข้ามาก็ฝันร้ายเหมือนกัน ระหว่างที่ฝันจะตะโกนว่า ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ สี่คำนี้ ซีจิ่ว บอกข้ามาตามจริง เจ้าเข้ามาเพราะอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่ใช่!”
ถึงเธอจะเคยอ้างตัวว่าเป็นสานุศิษย์สวรรค์ และเคยถูกโยนเข้าป่าทมิฬ แต่การเข้ามาในครั้งนี้เป็นความผิดพลาดจับผลัดจับผลูอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวข้องกับการอ้างตัวเป็นสานุศิษย์สวรรค์เลย…
หลัวจั่นอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลูบผมนางอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้ “ซีจิ่ว ข้าชอบความยอดเยี่ยมของเจ้า อย่าได้ฝันถึงเรื่องจอมปลอมเช่นนั้นอีกเลย ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นมิใช่คนที่สตรีธรรมดาจะสยบได้ เจ้าลืมเขาเสียเถิด!” เด็กสาวทุกคนล้วนฝันถึงเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่จะมีเด็กสาวสักกี่คนที่พิชิตใจเจ้าชายขี่ม้าขาวได้?
กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอไม่พุดอะไร มันเป็นเรื่องจริงเธอจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลัวจั่นอวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ใช่แล้ว ซีจิ่ว เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าผู้คนที่ถูกขังไว้ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีทั้งสิ้น”
————————————————————————————-