ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1285+1286
บทที่ 1285 ช้าจนมิใช่แค่หนึ่งจังหวะครึ่งจังหวะ
เธอพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว รู้สึกคล้ายว่าได้ยินเสียงของตี้ฝูอี รีบเงยหน้าขึ้นทันที ทว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ากลับเป็นบุรุษคนหนึ่งที่ร่างกายกำยำกล้ามเป็นมัด เทียบได้กับเทรนเนอร์เพาะกาย สูงโปร่งหล่อเหลา ชายคนนั้นถือผลไม้หอมหวานกิ่งหนึ่งไว้ ยิ้มด้วยสีหน้าซื่อๆ แล้วกล่าวออกมา “ซีจิ่ว นี่ให้เจ้า!”
ระยะนี้กู้ซีจิ่วได้รับดอกไม้ใบหญ้าผลไม้แปลกๆ เหล่านี้อยู่เสมอ เหล่าชายโสดของที่นี่เพื่อที่จะเกี้ยวพากู้ซีจิ่วจึงใช้วิธีพิสดารสารพัดปานนกยูงรำแพนหาง
เมื่อก่อนกลุ่มบุรุษจะขึ้นต้นไม้ไปเก็บเกี่ยวขึ้นเขาไปล่าสัตว์ด้วยสภาพลวกๆ ทุกวัน เปื้อนดินเปื้อนโคลนไปทั้งตัวเป็นเรื่องปกติ พวกเขาเรียกลักษณะเช่นนั้นว่าความเป็นชาย แต่ละคนประหนึ่งยาจกก็มิปาน
แต่หลังจากกู้ซีจิ่วมาถึง พวกเขาก็แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน รักการโกนหนวดโกนเครา หนึ่งวันล้างหน้าอยู่หลายรอบ แต่งเนื้อแต่งตัวให้มีมาดแล้วค่อยไปอวดโฉมอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว ไม่เพียงแต่แสดงฝีมือและความห้าวหาญสารพัดอย่างของตนต่อหน้ากู้ซีจิ่วเท่านั้น ยังมอบดอกไม้เอย เครื่องประดับเอย เสื้อผ้าอาภรณ์เอย ผลไม้สดใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาเอย เครื่องเรือนที่พวกเขาทำขึ้นด้วยตัวเองให้ด้วย…
เจตนาดีของคนเหล่าซื่อตรงเปิดเผย ข้าวของทั้งหมดที่มอบให้ถึงแม้จะไม่มีราคาค่างวดอันใด ทว่าเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
คนที่มอบผลไม้ให้เธอในยามนี้คือหัวหน้าของกลุ่มล่าสัตว์ นามว่าไป๋หลี่เช่อ นามที่มีวัฒนธรรมยิ่งนัก ซื่อตรงและใจกว้างกับผู้อื่น น้ำเสียงค่อนข้างคล้ายคลึงกับตี้ฝูอีอยู่บ้างจริงๆ โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยด้วยเสียงต่ำ
ทุกครั้งที่กู้ซีจิ่วได้ยินเขาพูดหัวใจจะเต้นแรงขึ้นมา ปรารถนาจะให้เขากินยาอันใดสักอย่างเพื่อนเปลี่ยนเส้นเสียงของเขายิ่งนัก โชคดีที่ความคิดอันบ้าคลั่งนี้เพียงแล่นเข้ามาในสมองเธอแวบหนึ่งเท่านั้นไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง
ผลไม้ที่เขามอบให้ยอดเยี่ยมมาก รสชาติหวานฉ่ำ เป็นของหายาก เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วเคยกินผลไม้ชนิดนี้ไปครั้งหนึ่ง นับว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เธอค่อนข้างชื่นชอบ
ยามนี้ในปากของเธอขมเฝื่อนอยู่บ้าง อยากได้อะไรหวานๆ มาสะกดไว้ยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอ่ยขอบคุณ แล้วรับมา
ดวงตาของไป๋หลี่เช่อส่องประกายนิดๆ กู้ซีจิ่วน่าจะกริ่งเกรงเรื่องวุ่นวาย จึงไม่รับของจากผู้อื่นง่ายๆ ยากนักที่จะยอมรับของจากเขา…
อันที่จริงเขาอยากนั่งข้างๆ กู้ซีจิ่วยิ่งนัก อย่างไรก็ตามทั้งสองข้างของนางล้วนมีคนนั่งแล้ว คนที่นั่งด้านซ้ายคือหลัวจั่นอวี่ คนที่นั่งทางขวาคือเมียเหลิ่งเอ้อ ไม่มีที่ให้เขาเบียดเข้าไปได้เลย ทำได้เพียงเลือกจุดที่ค่อนข้างใกล้กับเธอ แล้วพยายามหาหัวข้อมาสนทนากับเธอ
แต่กู้ซีจิ่วคงจะดื่มมากไปแล้วจริงๆ เห็นได้ว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ ตอบสนองเชื่องช้า ช้าจนมิใช่แค่หนึ่งจังหวะครึ่งจังหวะ
ผลไม้ลูกนั้นมีสีแดงสด สีสันเสมือนของในพิธีสมรส กู้ซีจิ่วมองผลไม้นัยน์ตาพร่าแสบเคืองขึ้นมาอย่างประหลาด อยากร้องไห้อย่างที่ไม่อาจอธิบายได้…
ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนที่มีอรมณ์อ่อนไหวสักเท่าไหร่ เหมือนที่ตัวเธอเคยบอกไว้ อารมณ์อ่อนไหวไร้วาสนากับเธอ เมื่อประสบเรื่องราวเลวร้ายจะสะบั้นให้ขาดทันที! เมื่อเจ้าไร้เยื่อใยข้าก็ปล่อยวาง ไม่ฝืนดึงดัน
แต่ความรู้สึกในครั้งนี้เธอตัดไม่ขาดจริงๆ ประหนึ่งตัดเข้าที่เส้นประสาทของตนก็มิปาน เจ็บลึกเข้าไปถึงกระดูก และค่อยๆ กัดเซาะให้ลึกลงไปตามกาลเวลาด้วย ต่อมน้ำตาก็ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ แรงกระตุ้นเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่อาจอธิบายได้ก็ทำให้เธออยากร้องไห้ออกมาอย่างน่าประหลาด
เธอฝืนสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง สะกดกลั้นน้ำตาไว้ บอกตัวเองว่าอาการอกหักก็เหมือนการปวดท้องคลอดนั้นแหละ จะสิ้นสุดลงในไม่ช้าก็เร็ว…
เธอกัดผลไม้คำหนึ่ง รสชาติหวานฉ่ำยิ่งนักชัดๆ ทว่าเธอยังคงรู้สึกขมขื่นมากเช่นเดิม
บนกิ่งนั้นมีผลไม้อยู่สิบกว่าลูก ห้อยระโยงระยางอยู่เต็มกิ่ง เสมือนโคมไฟสีแดงดวงน้อยหลายดวง กู้ซีจิ่วแบ่งปันให้ผู้คนที่อยู่รอบข้าง ให้ทุกคนได้ลิ้มลองความสดใหม่
ไป๋หลี่เช่อก็ได้รับส่วนแบ่งมาสองลูก เขามองผลไม้ในมืออย่างจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
————————————————————————————-
บทที่ 1286 ล้อเล่นอันใดกัน?
ไป๋หลี่เช่อก็ได้รับส่วนแบ่งมาสองลูก เขามองผลไม้ในมืออย่างจะหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แม่นางน้อยคนนี้ช่างปฏิเสธผู้อื่นได้หน้าตาเฉยเช่นนี้เชียว…
“ซีจิ่ว ไป๋หลี่เช่อไม่เลวเลยนะ ฝีมือเขาสูงส่ง ประวัติครอบครัวก็ยอดเยี่ยม เป็นทายาทของตระกูลไป๋ ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือเขาพิถีพิถันต่อความรักยิ่งนัก เมื่อก่อนไม่เคยชมชอบผู้อื่นเลย เจ้าเป็นคนแรก…”
หลัวจั่นอวี่กระซิบคุยกับเธอ
กู้ซีจิ่วดื่มจนกรึ่มๆ บ้างแล้ว จึงพูดออกไปโดยไม่กลั่นกรอง “เขาไม่เลวเลย เป็นบุรุษที่ห้าวหาญ ข้ารู้สึกว่าสามารถนับถือเขาเป็นพี่ชายได้ กำลังใคร่ครวญอยู่ว่าจะร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเขาดีหรือไม่…”
สีหน้าหลัวจั่นอวี่ทะมึนแล้ว ยื่นมือไปทุบไหล่เธอเบาๆ หนึ่งที “เจ้ายังคิดจะรับพี่ชายเพิ่มอีกหรือ? ไม่อนุญาตให้ก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว ข้าสิถึงจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้า ผู้อื่นล้วนมิใช่ พี่ชายบุญธรรมก็ไม่ได้!” ความทรงจำของเขากลับคืนมาแล้ว เป็นผลงานของกู้ซีจิ่ว
บางทีอาจเป็นเพราะเวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว และเขาเองก็เติบใหญ่ขึ้นแล้ว หลังจากความทรงจำฟื้นฟูกลับมาแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่งอีกแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อทราบว่ากู้ซีจิ่วเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน เขาถึงขั้นที่ค่อนข้างยินดีปรีดาเลยด้วยซ้ำ มิน่าเล่าตอนที่เขาพบกู้ซีจิ่วก็รู้สึกค่อนข้างสนิทสนมชิดเชื้อ ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้!
ในเมื่อทราบแล้วว่ากู้ซีจิ่วเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน ภายใต้สภาวะที่ผสมปนเปกันไป โหมดพิทักษ์น้องสาวของเขาก็เปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์
ในอนาคตไม่ว่าจะออกไปได้หรือไม่ เขาก็หวังให้น้องสาวมีความสุข มีแหล่งพึ่งพิงที่ดี ดังนั้นเขาจึงแนะนำชายหนุ่มที่เปี่ยมควาสามารถในกลุ่มยอดฝีมือเหล่านี้อย่างตั้งใจบ้างไม่ได้ตั้งใจบ้างให้กู้ซีจิ่วอยู่บ่อยๆ ทำให้กู้ซีจิ่วปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก ค่อนข้างสำนึกเสียใจแล้วที่ฟื้นฟูความทรงจำให้เขา…
ท้ายที่สุดกู้ซีจิ่วก็ไม่กล้าดื่มจนเมามาย เธอเวียนศีรษะเล็กน้อย จึงปลีกตัวออกมาก่อน กลับไปยังเรือนของตน
ทั้งบ้านเงียบเชียบวังเวง
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าการตกแต่งภายในเรือนของเธอสดใสมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง แต่เมื่อเธอเดินซัดโซเข้ามา ความรู้สึกแรกก็คือวังเวง
เมื่อกลับถึงเรือนตนแล้วเธอย่อมไม่ต้องทนฝืนอีกต่อไป ทิ้งตัวลงบนเตียงทันที เจตนาเดิมคือจะงีบสักตื่นหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะผล็อยหลับไปเช่นนี้เลย
….
มู่เฟิงรู้สึกว่าหลายวันมานี้เป็นวันคืนที่วังค้ำนภารันทดหม่นหมองเป็นที่สุด
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ใช้อาคมโลหิตเช่นนั้นในป่าทมิฬก็ยังสืบไม่พบแม้แต่ชายชุดสักครึ่งผืนของกู้ซีจิ่วเลย ตัวคนดั่งมะเขือม่วงที่ฝ่อเพราะน้ำค้างแข็ง ทรุดโทรมลงไปครึ่งหนึ่ง
และหลังจากออกมาจากป่าทมิฬ หลังจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เรียกใช้องครักษ์เงาทั้งหมดแล้วก็ยังสืบหาร่องรอยของกู้ซีจิ่วไม่พบเลยสักนิด ความมั่นใจที่มีมาตลอดของเขาก็หดหายไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน
หลายวันมานี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยุ่งวุ่นวายยิ่งนัก เคยใช้วิชาลับสืบเสาะวิญญาณ ถึงขั้นที่ไปเยือนยมโลกด้วยตัวเองมาแล้วรอบหนึ่ง สุดท้ายยังคงคว้าน้ำเหลวเช่นเดิม
มู่เฟิงเป็นทุกข์ยิ่งนัก เนื่องจากข่าวสารที่ส่งมาจากด้านนอกล้วนเป็นเขาที่ต้องไปถ่ายทอดต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ และข่าวคราวเหล่านี้ก็ล้วนเป็นข่าวไม่ดีที่ทำคนหมดความหวังทั้งสิ้น ทุกวันยามที่มู่เฟิงต้องเข้าไปรายงานเรื่องราวจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย เนื่องจากไม่อยากเห็นแววตาที่มืดมนขึ้นเรื่อยๆ ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
พรุ่งนี้ก็เป็นวันวิวาห์แล้ว ในที่สุดมู่เฟิงก็ทนต่อไปไม่ไหว เอ่ยถามท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ “นายท่านขอรับ พิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้จะทำอย่างไรดี?”
ตี้ฝูอีเงียบไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาเต็มๆ ในที่สุดก็เปิดปากเอ่ย “ยกเลิกเสีย”
หา?! มู่เฟิงเบิกตากว้าง
ล้อเล่นอันใดกัน?! ข่าวที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะแต่งงานป่าวประกาศไปทั่วแผ่นดินแล้ว หลายวันมานี้แขกเหรื่อมากมายจากสามคีรีห้าบรรพต[1]เข้าเมืองมาแล้ว เพียงรั้งรอให้ถึงวันพิธีแล้วค่อยมาร่วมอวยพรแสดงความยินดี
และยามที่ประชาชนได้ยินข่าวนี้ก็ยินดีปรีดากันถ้วนหน้า แต่ละคนสาดน้ำล้างถนนด้วยจิตสำนึกของตน แถมแต่ละบ้านยังแขวนโคมแดงไว้ที่ประตูใหญ่เพื่อแสดงความยินดี เพิ่มบรรยากาศคึกคักรื่นเริงให้แก่งานวิวาห์ครั้งนี้
————————————————————————————-
[1] สามคีรีห้าบรรพต สามคีรีได้แก่ จิ่งซาน หมิงซาน ตู๋ซาน ห้าบรรพตได้แก่ ไท้ซาน หวาซาน หัวซาน เหิงซาน ซงซาน ทั้งหมดเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เลื่องชื่อของชาวจีน ในบริบทนี้อุปมาถึงดินแดนสำคัญต่างๆ