ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1309+1310
บทที่ 1309 ไปหานาง
แน่นอนว่ารอบตัวนางยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เพราะเจ้าหอยยักษ์ยังเห็นแสงพลังหลากสีที่ไม่เหมือนกันรายรอบมังกรปีศาจนั้น…
เสียงบันดาลโทสะ เสียงอาวุธปะทะ เสียงคำราม…ดังมาไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นที่นั่น
เจ้าหอยยักษ์เป็นสัตว์ขั้นเจ็ด สัตว์ทุกตัวมีสัญชาตญาณความกลัวเกรงต่อสัตว์ร้ายที่ระดับสูงกว่าตัวเอง ดังนั้นหลังจากเจ้าหอยยักษ์เห็นมังกรปีศาจ ก็รู้สึกกล้ามเนื้อน่องเหน็บชาขึ้นมา
มันกวาดตามองรอบด้าน พบว่าในโพรงหญ้า ในภูเขา มีสัตว์ร้ายจำนวนมากกำลังหลบๆ ซ่อนๆ คงถูกมังกรปีศาจทำให้ตกใจเข้าเช่นกัน แต่ละตัวต่างซ่อนกายหลบหมอบอยู่ในพุ่มไม้
แต่ใบหน้าลู่อู๋น้อยกลับเต็มเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น ร้องเรียกแง้วๆ แอ้วๆ ไม่หยุดหย่อน มันว่องไวยิ่งนัก ยามนี้ไม่สนใจเจ้าหอยยักษ์แล้ว รีบรุดไปทางการต่อสู้นั้นดุจสายฟ้าฟาด!
เปลือกของเจ้าหอยยักษ์อ่อนยวบ ในใจยังคงครุ่นคิดว่ามันควรจะรั้งรออยู่ตรงนี้หรือวิ่งไปดูสักหน่อยดี?
เมื่อใคร่ครวญอีกครั้ง ในเปลือกหอยของมันยังมีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้มีความสามารถสูงสุดนี่!
ด้วยความสามารถของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย อย่าว่าแต่มังกรปีศาจที่เพิ่งบรรลุขั้นแปดตัวหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสัตว์ขั้นเก้าในตำนานก็ไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้นเจ้าหอยยักษ์จึงฝืนตัวเองรีบรุดไปด้านหน้า…
เจ้านาย อดทนหน่อย ข้าพาคนมาช่วยท่านแล้ว!
……
อาจเป็นเพราะความฝันนั้น เช้านี้เมื่อกู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกว้าวุ่นใจ นั่งสมาธิได้สักพักก็ไม่มีทางทำให้จิตใจสงบได้ อาการแบบนี้ไม่มีทางทำงานพิถีพิถันอย่าง ‘หลอมโอสถ’ ได้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง จึงไปเขาด้านหลังเพื่อเก็บสมุนไพร เธออยากออกไปรับลมสงบจิตใจสักหน่อย
หลังจากเข้าสู่เขาด้านหลังแล้ว เมื่อลมภูเขาพัดผ่าน ในที่สุดเธอก็สงบจิตใจลงได้ ทว่ายังอยากหาบางสิ่งทำเพื่อระบายอารมณ์
เธอรู้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา และรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของสมุนไพรที่ต้องการ หากเธอต้องการแค่เพียงเก็บสมุนไพร ความจริงแค่หนึ่งถึงสองชั่วยามก็สามารถเก็บสมุนไพรที่ต้องการกลับมาได้แล้ว และสัตว์ร้ายเหล่านั้นคงจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเธอ
แต่ครั้งนี้เธออยากผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ จึงเดินตามเส้นทางที่เก็บสมุนไพรเป็นประจำ เดินไปพลางปราบสัตว์ร้ายไปพลาง
สัตว์ร้ายตาไร้แววที่พยายามเข้ามาทำร้ายเธอล้วนถูกเธอฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งระหว่างทางจนตาย
วิธีการระบายอารมณ์เช่นนี้เห็นผลยิ่งนัก ยามเธอส่งสัตว์ร้ายตัวที่เจ็ดกลับบ้านเกิด เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว!
หวนนึกถึงตอนที่เธอเพิ่งเข้าป่าทมิฬมาครั้งแรก ก็เคยถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นไล่ล่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน สภาพดูไม่ได้ยิ่งนัก ในที่สุดตอนนี้เธอสังหารพวกมันจนสิ้นซากได้แล้ว!
กลิ่นอายความชั่วร้ายบนตัวเธอรุนแรงนัก สังหารจนเหล่าสัตว์ร้ายพวกนั้นเริ่มหนีกระเจิดกระเจิง…
ในที่สุดเธอก็เก็บสมุนไพรที่ต้องการได้ รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง กำลังเตรียมเดินทางกลับ นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายในพริบตาก็ได้ยินเสียงร้องหวาดผวาดังมาจากที่ไกล
เป็นเสียงของผู้รับผิดชอบล่าสัตว์เหล่านั้น พวกเขาตกอยู่ในอันตราย!
ช่วงนี้ ความสัมพันธ์ของกู้ซีจิ่วกับคนเหล่านี้ไม่เลวทีเดียว เมื่อได้ยินเสียงก็รีบเคลื่อนย้ายในพริบตาไปในทันที แล้วก็ได้พบกับมังกรปีศาจตัวนั้น…
ไม่รู้ว่ามังกรปีศาจตัวนี้ลอบหนีออกมาจากที่ใด สังหารหนึ่งในพวกผู้ล่าสัตว์เหล่านั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว คนอื่นก็ต่อสู้ล้อมรอบมังกรปีศาจอย่างไม่คิดชีวิต…
ครั้งนี้มีผู้ล่าสัตว์ทั้งหมดยี่สิบคน ล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่บ้านทั้งสิ้น ทว่าคนเหล่านี้ล้อมวงต่อสู้มังกรปีศาจตัวนั้นก็ยังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
กู้ซีจิ่วฉงนยิ่งนัก ทำแผลให้คนหนึ่งในนั้นพลางไถ่ถาม “นี่มันสัตว์ขั้นแปดนี่ พวกเจ้าสู้ไม่ได้เหตุใดไม่หนีไป?”
คนผู้นั้นตอบด้วยใบหน้าอันซีดเผือด “มันคือมังกรปีศาจเงาสีรุ้งนี่ เจ้านี่มันอาฆาตพยาบาทยิ่งนัก”
————————————————————————————-
บทที่ 1310 ไปหานาง 2
คนผู้นั้นตอบด้วยใบหน้าอันซีดเผือด “มันคือมังกรปีศาจเงาสีรุ้งนี่ เจ้านี่มันอาฆาตพยาบาทยิ่งนัก เพียงแค่ทำร้ายนิดหน่อย มันก็อาจไล่ล่าเข่นฆ่าเจ้าให้ตายเอาได้…ยามนี้หากวิ่งหนี มันก็จะตามไปถึงในหมู่บ้าน!” เช่นนั้นจะไม่ทำให้มังกรตัวนี้ทำลายฐานลับหรืออย่างไร? ดังนั้นพวกเขาเลยทำได้เพียงต่อสู้หัวชนฝาอยู่ที่นี่…
กู้ซีจิ่วมุ่นหัวคิ้ว “ในเมื่อรู้ว่ามันโหดร้ายถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกเจ้าต้องไปหาเรื่องมัน?”
คนผู้นั้นแทบจะร้องไห้แล้ว “มังกรปีศาจตัวนี้บ้าคลั่ง มันแปลงกายได้ จึงแปลงเป็นงูเหลือมตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ในถ้ำ ครั้งนี้หัวหน้าออกมาก็เพื่อล่างูเหลือม บอกว่าเนื้องูเหลือมอร่อยนัก หนังก็งดงาม หนังงูเหลือมสามารถทำรองเท้าดีๆ ได้คู่หนึ่งและยังเย็บกระเป๋าหนังงูเก็บสมุนไพรให้แม่นางกู้ได้อีก เลยไปยั่วโมโหมันเข้าให้…”
กู้ซีจิ่วทำแผลอย่างรวดเร็ว แทบจะทำแผลให้คนทั้งสามที่บาดเจ็บเรียบร้อยในชั่วพริบตา ขณะที่พันแผล เธอสังเกตการเคลื่อนไหวของมังกรปีศาจตัวนั้นขณะออกกระบวนท่าอย่างระมัดระวัง และคิดแผนการรับมืออยู่ในใจ
เมื่อเธอทำแผลเรียบร้อย แผนการรับมือนั้นก็คิดออกมาได้พอสมควรแล้ว เธอกระโดดไปด้านหน้าทันที แล้วเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย…
พริบตานี้ คนที่เป็นหัวหน้าล้อมโจมตีมังกรปีศาจคือไป๋หลี่เช่อ พลังวิญญาณของคนผู้นี้นับว่าสูงที่สุดในหมู่คนเหล่านั้น และเป็นแนวต้านหลักในยามนี้ เขาเห็นว่ากู้ซีจิ่วมาถึงนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถแบ่งสมาธิออกมาเพื่อทักทายได้
เมื่อเห็นนางเข้าร่วมการต่อสู้ก็พลันตกใจ ในความคิดของเขา การล่าสัตว์และต่อสู้สัตว์ร้ายเป็นหน้าที่ของผู้ชาย ผู้หญิงอ่อนแอเกินไป คอยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก็ดีมากแล้ว
บัดนี้กู้ซีจิ่วกระโดดมาเข้าร่วมด้วย เขาจึงเอ่ยปากขึ้นโดยสัญชาตญาณ “แม่นางกู้ อันตรายเกินไป เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามา!”
การพูดคุยทำให้เสียสมาธิ เขาเกือบถูกกรงเล็บของมังกรข่วนเข้าที่ท้องแล้ว! เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วดึงเขาเคลื่อนย้ายในพริบตายามคับขัน หลบหนีกระบวนท่าพิฆาตของมังกรปีศาจนั้นไปได้ “พูดจาไร้สาระให้มันน้อยหน่อย พวกท่านแบ่งไปสามทาง…”
กู้ซีจิ่วเอ่ยคำขอจัดเตรียมกลุ่มต่อสู้สัตว์ร้าย ไป๋หลี่เช่อยังเชื่อคำนาง เรียกให้คนทำตามวิธีที่กู้ซีจิ่วบอก จัดกระบวนพลต่อสู้กับมังกรปีศาจ
การตีวงล้อมทั่วไปกับการตั้งกระบวนพลตีโอบเช่นนี้มีผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หากแต่ละคนปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ประสิทธิภาพการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีทันใด! บวกกับวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของกู้ซีจิ่วราวกับมือสังหารพิฆาตผู้หนึ่ง หากไม่ลงมือก็แล้วไป แต่หากลงมือเมื่อใดจะต้องทิ้งรอยแผลโชกเลือดไว้บนร่างของมังกรปีศาจเป็นแน่…
ถึงแม้จะไม่ใช่บาดแผลฉกรรจ์ แต่ก็ทำให้มังกรตัวนี้เต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธได้!
เดิมที มังกรปีศาจตัวนี้เป็นเหมือนงูเตร็ดเตร่ไปมา ไม่เคยส่งเสียงร้องคำรามใดๆ ทว่าในเวลาต่อมา มังกรปีศาจถูกกระตุ้นให้โกรธ ลมพายุพัดโหม มันแหงนหน้าร้องคำรามแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันใด ราวกับสะพานสายรุ้งพาดผ่านกลางท้องนภา…
เสียงคำรามของมันน่าตกตะลึงยิ่งนัก ทำให้คนเหล่านั้นที่ตั้งกระบวนพลโอบล้อมอยู่อกสั่นขวัญแขวน ความรวดเร็วของแต่ละคนก็ช้าลงเช่นกัน
และเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเวลานี้ ยามมังกรตัวนั้นโบยบินขึ้นไป กรงเล็บดึงแขนของไป๋หลี่เช่อไปด้วย จากนั้นก็ฉีกแขนของเขาออกอย่างรุนแรง!
หยาดเลือดไหลริน
ไป๋หลี่เช่อส่งเสียงร้องโหยหวน เดินโซเซถอยไปด้านหลังหลายก้าว!
กู้ซีจิ่วบินโอบดั่งสายลมไปอยู่ข้างกายเขา กดจุดที่แขนหลายจุดเพื่อห้ามเลือดให้ทันที แล้วพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า “เก็บรักษาแขนข้างที่ขาดไว้ให้ดี ประเดี๋ยวข้าต่อให้ท่านได้!” พร้อมทิ้งยาไว้ในมือเขาหนึ่งขวด “กินหนึ่งเม็ดก่อน!”
เธอหยุดอยู่ข้างกายเขาไม่เกินสามวินาที จากนั้นก็ไปต่อสู้กับมังกรปีศาจตัวนั้นอย่างสุดชีวิต
ความเจ็บปวดจากการแขนขาดปวดร้าวเข้าไปถึงในกระดูก ทว่าไป๋หลี่เช่อก็เป็นชายชาตรีเช่นกัน
————————————————————————————-