ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1319+1320
บทที่ 1319 ช่วยชีวิต 5
ประโยคนี้คล้ายเป็นการอธิบายให้หลัวจั่นอวี่ฟัง และคล้ายว่าเป็นการปลอบใจตัวเอง
หลัวจั่นอวี่ปวดใจ นางขวัญหนีดีฝ่อถึงเพียงนี้กลับยังฝืนทำเป็นเข้มแข็ง ทำให้กระบอกตาของเขาอดไม่ได้ที่จะแสบเคืองขึ้นมา
เขาไม่อยากเห็นน้องสาวเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้ ด้วยเหตุนี้จึงฝืนใจบังคับนางให้ไปพักผ่อนอีกครั้ง รับประกันว่าจะคอยเฝ้าอยู่ที่นี่อย่างดี จะไม่ให้ตี้ฝูอีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นสักนิดเลย
กู้ซีจิ่วเหนื่อยล้าจริงๆ แต่เธอกลับทราบสภาพในตอนนี้ของตนเป็นอย่างดี ต่อให้กลับไปนอนที่เรือนก็นอนไม่หลับแน่นอน ต้องเฝ้าอยู่ข้างกายเขาถึงจะอุ่นใจ
และอาการบาดเจ็บเช่นนี้ของตี้ฝูอีก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ เลี่ยงไม่ให้สะเทือนถึงบาดแผล
คิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงสั่งให้เจ้าหอยยักษ์ไปย้ายเตียงของตนมา เธอจะนอนที่นี่
หลัวจั่นอวี่คัดค้านนางไม่ได้ ทำได้เพียงยอมรับ
เตียงทั้งสองหลังถูกวางเคียงกัน เพียงเธอลืมตาขึ้นมาก็จะมองเห็นใบหน้าของเขา เช่นนี้กู้ซีจิ่วถึงได้สบายใจขึ้นเล็กน้อย กำชับหลัวจั่นอวี่ให้จับตามองดีๆ เธอพักผ่อนครู่เดียวก็พอแล้ว
ปกติแล้วกู้ซีจิ่วเป็นจอมขี้เซา หากเป็นเมื่อก่อน เหน็ดเหนื่อยมานานถึงเพียงนี้ขอเพียงได้มุดขึ้นเตียง เธอก็หลับไปเลยแต่ตอนนี้ถึงแม้เธอจะนอนอยู่บนเตียงก็หลับไม่ลง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้งีบสักตื่น กลับฝันว่าเขาสิ้นชีพ ต่อมาจึงสะดุ้งตื่นหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบโทรมกาย
สิ่งแรกที่ทำคือหันไปมองสีหน้าของตี้ฝูอี พบว่าเขายังไม่มีความเปลี่ยนแปลงเช่นเดิม…
จิตใจเธอกระสับกระส่าย ผ่านไปแปดชั่วโมงแล้วนับจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตี้ฝูอีสมควรฟื้นขึ้นมาได้แล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นเทพ ยิ่งไม่ควรจะสลบอยู่ตลอดเช่นนี้
ฝันร้ายที่เกี่ยวข้องกับการตายของเขาผุดขึ้นมาในใจ ทำให้หัวใจเธอบีบรัด เขาคงจะไม่หลับไม่ตื่นเช่นนี้ไปตลอดกระมัง?!
ผลลัพธ์เช่นนี้กู้ซีจิ่วปฏิเสธที่จะยอมรับ!
แต่ที่นี่วิชาแพทย์ของเธอล้ำเลิศที่สุดแล้ว เรื่องที่เธอไม่รู้ผู้อื่นยิ่งไม่มีทางรู้ เธออยากถามหยกนภา แต่ยามนี้ไม่อาจสื่อสารกับหยกนภาได้…
สามวัน!
ตี้ฝูอีสลบไปสามวันเต็มๆ แล้ว!
บาดแผลบนร่างเขาเริ่มสมานกันแล้ว เป็นสัญญาณอันดี แต่การที่เขาไม่ฟื้นขึ้นมาสักทีกลับทำให้กู้ซีจิ่วหวั่นวิตกยิ่งนัก เป็นทุกข์เป็นร้อน
เธอก็ไม่พักผ่อนเลยเช่นกัน สามวันมานี้ไม่ออกห่างจากข้างกายเขาเลย จับตามองความเคลื่อนไหวของเขาตลอดเวลา
แน่นอน สามวันมานี้เธอลองใช้ทุกวิธีที่ทราบแล้ว แต่ตี้ฝูอีราวกับกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
เมื่อเวลาผันผ่านไป เธอก็ยิ่งสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ
รัตติกาลมาเยือนอีกคราแล้ว เธอเฝ้าอยู่หน้าเตียงตี้ฝูอี มองดวงหน้ายามหลับใหลที่เสมือนรูปปั้นหยกของเขา ความสิ้นหวังในใจคล้ายจะรัดรึงขึ้นเป็นพักๆ ถ้าหากเขาหลับไม่ตื่นอยู่แบบนี้ เช่นนั้นเธอควรจะทำอย่างไรดี?
เธอจับมือของตี้ฝูอีที่อยู่ริมเตียงแน่น “ตี้ฝูอี ท่านกำลังลงโทษข้าใช่ไหม? ลงโทษที่ข้ามาช่วยท่านไม่ทันเวลา…ถือว่าข้าผิดเองดีไหม? ท่านตื่นมามองข้าเถอะ…ท่านเข้ามาน่าจะอยากคุยกับข้ากระมัง? แต่ท่านกลับไม่ฟื้นขึ้นมาสักที…ตี้ฝูอี ท่านตื่นมาอธิบายให้ข้าฟังสิ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นท่านที่ผิดต่อข้า เป็นท่านชัดๆ ที่มีคนอื่นอยู่ในใจ ข้าถึงเลือกถอยออกมา แล้วท่านจะมาตามหาให้เกิดเรื่องขึ้นอีกทำไม? ตี้ฝูอี ข้าไม่เข้าใจเลย ข้าไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วท่านคิดจะทำอะไรกันแน่…”
น้ำเสียงเธอคล้ายจะไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่บ้าง “ท่านตื่นมาพูดกับข้าเลยนะ!”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจึงฉุนเฉียวอีกครั้ง “ถ้าท่านยังยืนกรานที่จะไม่พูดออกมาในยามนี้ เช่นนั้นต่อไปข้าจะไม่ฟังท่านพูดแล้ว! ท่านไม่อยากให้ข้าไปรักษาคนอื่นใช่ไหม? งั้นข้าจะไปรักษาคนอื่นแล้ว…”
เธอพูดไปเรื่อยๆ ไม่ได้สังเกตว่าปลายนิ้วมืออีกข้างของตี้ฝูอีกระดิกนิดๆ แล้ว
วิธีปลุกเจ้าชายนิทราอย่างเขาให้ฟื้นก็คือพูดคุยเรื่องราวบางอย่าง ดังนั้นกู้ซีจิ่วที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยชอบพูดคุยนักสามวันนี้แทบจะกลายเป็นคนช่างจ้อไปแล้ว
“ช่างเถอะ ท่านไม่ตื่นก็แล้วไปเถอะ” กู้ซีจิ่วเอ่ยออกมาอีกประโยค ลุกขึ้นมาหมายจะไปดื่มน้ำสักอึก
เพิ่งจะลุกขึ้นยังไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่ามุมชุดตนถูกอะไรเกี่ยวไว้ สุ้มเสียงที่อ่อนระโหยเล็กน้อยแว่วขึ้นด้านหลัง “เจ้ากล้าไปก็ลองดู!”
——————————————————–
บทที่ 1320 ร่วมเรียงเคียงหมอน
กู้ซีจิ่วค่อยๆ หันกลับไป เห็นว่าตี้ฝูอีลืมตาขึ้นเล็กน้อยแล้ว มือข้างหนึ่งดึงมุมชุดของตนไว้ มือของเขาไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใด เมื่อเธอหมุนตัว มุมชุดนั้นก็หลุดออกจากฝ่ามือเขา…
แต่ดวงตาของเขากลับเปิดขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว มีสติแจ่มชัด กำลังมองเธออยู่
เขาฟื้นแล้ว! เขาฟื้นแล้วจริงๆ!
ทั้งสองคนสบตากัน หัวใจกู้ซีจิ่วคล้ายถูกจู่โจม ความสิ้นหวังที่คืบคลานอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจถูกโจมตีจนล่าถอยไปในชั่วพริบตา ราวกับแสงตะวันสาดส่องมาถึงโลกที่ถูกเมฆทึบบดบังเสมอมาแล้ว ความปีติยินดีมหาศาลเอ่อล้นขึ้นมาในทรวง หัวใจเสมือนลูกโป่งที่พองตัวขึ้นมาในทันใด มีไอบางอย่างพุ่งตรงมายังปลายจมูก ทำให้จมูกของเธอแสบเคือง กระบอกตาแดงก่ำ
เธอเม้มริมฝีปากกะพริบตา กะพริบไล่ความแสบเคืองนั้น พลางจับมือเขาไว้ “ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!”
มือของเขายังคงเย็นเฉียบอยู่ ทว่ามือของเธอกลับเย็นกว่าเขาเสียอีก เย็นเหมือนไอศกรีมแท่งน้อย
เมื่อตี้ฝูอีจับมือกับเธอก็ขมวดคิ้วน้อยๆ “เหตุใด…มือจึงเย็นถึงเพียงนี้?” พลันพลิกข้อมือ คิดจะตรวจชีพจรเธอดู
แต่ตอนนี้มือของเขายังไม่มีแรงเท่าไหร่ การพลิกข้อมือครั้งนี้จึงพลิกไม่ขึ้น กลับถูกเธอกุมไว้แน่นยิ่งขึ้น เธอกำลังตรวจอาการให้เขา
เขาฟื้นขึ้นมาหนนี้ ชีพจรปกติขึ้นไม่น้อยแล้ว มีพลังมากกว่าเมื่อก่อนมากนัก เธอถอนหายใจเบาๆ “ชีพจรท่านดีขึ้นมากเลย” จากนั้นก็มองหน้าเขา “สีหน้าก็ดีขึ้นมากเช่นกัน…”
กล่าวถึงตรงน้ำเสียงของเธอก็ค่อนข้างสั่นเครือ ชะงักไป
ไม่มีใครรู้ว่าหลายวันมานี้เธอหวาดกลัวมากแค่ไหน! กลัวว่าเขาจะหลับไปไม่ฟื้นขึ้นมา กลัวว่าเขาจะจากไปเช่นนี้
เธอจับชีพจรใหเขาเสร็จแล้ว ทว่ายังคงจับมือเขาไว้ตามสัญชาตญาณไม่ยอมปล่อยเลย หวั่นว่าพอปล่อยมือแล้วเขาจะหลับใหลไปอีก
ถึงแม้นางจะไม่ได้กล่าวถ้อยคำหวานซึ้งเลยสักประโยค แต่เบ้าตาที่แดงเล็กน้อยของนาง นิ้วมือที่เย็นเฉียบ เส้นผมยุ่งเหยิง ขอบตาที่มีรอยคล้ำจางๆ ถึงขั้นที่น่าสงสัยว่าบนหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่ ตลอดจนภาษากายที่ไร้สุ้มเสียงล้วนบอกได้ชัดว่าที่แท้นางใส่ใจเขามากนัก บ่งบอกชัดเจนว่าหลายมานี้นางเหนื่อยยากมากแค่ไหน…
มือของตี้ฝูอีบีบแน่นเล็กน้อย อยากรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด แต่ไม่มีแรงสักเท่าไหร่ การดึงครั้งนี้ก็ดึงให้นางขยับไม่ได้เลย บาดแผลที่ถูกกระเทือนกลับปวดแปลบขึ้นมา
กู้ซีจิ่วจับตามองเขาอยู่ตลอด พอเห็นว่าจู่ๆ เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากเขา ก็ตกใจทันที รีบยืนมือไปเช็ดเหงื่อให้เขา “ทำไมจู่ๆ ก็เหงื่อออกล่ะ? ยังมีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอยู่? ปวดแผลหรือเปล่า? ผิดปกติตรงไหน?” เธอพ่นคำถามออกมาเป็นพรวนปานปืนใหญ่
“ขยับมาข้างหน้า” ตี้ฝูอีเอ่ย
กู้ซีจิ่วจึงเข้าใกล้เขาอีกหน่อย
“ใกล้อีกนิด”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน ถ้าใกล้อีกนิดเธอจะปีนขึ้นเตียงเขาโดยตรงได้แล้วนะ!
“ท่านจะพูดอะไร? สรุปแล้วไม่สบายตรงไหนกันแน่?” กู้ซีจิ่วกังวลในเรื่องที่เธอใส่ใจที่สุด เพียงแต่ยังคงขยับเข้าใกล้เขาอีก นอนพาดอยู่ข้างกายเขาแล้วครึ่งตัว
ตี้ฝูอีตบๆ ข้างกาย “ขึ้นมาสิ”
เตียงหลังนั้นถึงแม้ไม่ใหญ่ แต่ยังคงเหลือเฟือสำหรับการนอนด้วยกันสองคน
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขารึ? เรื่องระหว่างเธอกับเขายังไม่ได้พูดให้กระจ่างเลย…
ให้เธอปีนขึ้นเตียงเขาตอนนี้ออกจะเกินไปหน่อย
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ขยับเขยื้อน
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “ข้าเป็นเช่นนี้เจ้ายังกลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้าอยู่อีกหรือ? กลัวข้าถึงเพียงนี้เชียว?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “มีอะไรน่ากลัวกัน? ใช่แล้ว สรุปแล้วท่านเป็นยังไงบ้าง?” เธอมองสีหน้าเขา คล้ายว่าจะดีขึ้นกว่าตอนที่หมดสติอยู่ ถึงแม้ยังซีดเซียวอยู่ แต่ดีร้ายอย่างไรริมฝีปากก็มีสีเลือดเล็กน้อยแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นไรแล้ว
ถึงอย่างไรเธอไม่ได้พักผ่อนมาสี่วันแล้ว ยามนี้พอโล่งอกได้ ก็ฝืนต่อไปไม่ไหวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากแยกจากเขาเพื่อกลับไปพักที่เรือนของตน
————————————————————-