ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1333+1334
บทที่ 1333 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 2
และก็ให้ความหวังผู้อื่นไปเช่นนี้ เพลิดเพลินกับการมีผู้ชายมากมายตามจีบ ฝีมือควบคุมบุรุษล้ำเลิศ ทว่าก็ทำให้เขาดูแคลนยิ่ง
แต่กู้ซีจิ่วไม่ใช่ นางแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะปฏิเสธไปตรงๆ ในเมื่อให้ในสิ่งที่ผู้อื่นต้องการไม่ได้ ก็ต้องหยุดความหวังลมๆ แล้งๆ ของอีกฝ่าย ดูแล้วเหมือนคนใจไม้ไส้ระกำ ทว่าความจริงเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย…
ตัวนางเองก็งดงามเปล่งประกาย ไม่จำเป็นต้องอาศัยชายใดเพื่อดึงดูดสายตาผู้อื่น
“ซีจิ่ว เช่นนั้นพวกเรายังเป็นเพื่อนกันหรือไม่?” ไป๋หลี่เช่อถาม สายตาแน่วแน่จริงจัง
“แน่นอน” กู้ซีจิ่วตอบเขาไปหนึ่งคำ จากนั้นยกจอกเหล้าขึ้น “ดื่มสักจอกเถิด แล้วทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ข้าจะเป็นเพื่อนเจ้าตลอดไป!”
เลือดร้อนรุ่มในใจไป๋หลี่เช่อพลุ่งพล่าน ยกจอกเหล้าชนกับนาง “ได้ พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป!”
‘แบบที่จริงใจและซี่อตรง’ เขาเติมอีกหนึ่งประโยคต่อท้ายในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา
เพื่อนแท้ต้องทำให้เห็น ไม่ใช่พูดออกมา
ฉากโหมโรงเล็กๆ ผ่านไปเช่นนี้ ทุกคนดื่มเหล้ากินเนื้อกันต่อ ร้องรำทำเพลง พูดคุยสัพเพเหระ
และการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็บังเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศอันน่ายินดีปรีดาเช่นนี้
สัตว์ร้ายบนเขาจะจู่โจมหมู่บ้านโดยไม่ทันตั้งตัวเป็นครั้งคราว หลัวจั่นอวี่จึงจัดให้มีคนทำหน้าที่รักษาการณ์ไว้ตลอด คืนนี้ก็เช่นกัน
เนื่องจากเป็นเรื่องความเป็นความตาย ยามรักษาการณ์ทุกคนจะตื่นตัวจริงจังยิ่งนักเมื่อปฏิบัติหน้าที่ หากบนภูเขามีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จะเป่านกหวีดเตือนภัยทันที ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อันใดมาก่อน
คาดไม่ถึงคืนนี้แปลกยิ่งนัก ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มจนกรึ่มได้ที่ ต้นไม้ใหญ่ด้านบนมีเสียงกรีดร้องของลิงทโมน เสียงนั้นช่างหวีดแหลม ราวกับถูกอะไรบีบคอ ทำให้ทุกคนตรงนั้นล้วนสั่นผวา!
ทุกคนยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ก็มีเงาดำมากมายลอยตามพายุลมแรงลงมาจากบนฟ้า…
อย่างไรเสียฝูงชนตรงนั้นต่างคลุกคลีกับสัตว์ร้ายในเขาอยู่เป็นประจำ ความเร็วในการตอบสนองรวดเร็วยิ่งนัก ทุกคนต่างกระโดดลุกขึ้นมา ชักอาวุธออกท่า ทยอยกันตะโกนถาม “นั่นใคร?!”
“นั่นใคร?”
เงาดำเหล่านั้นรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เมื่อลงถึงพื้นดิน ก็จู่โจมคนที่ตอบสนองค่อนข้างช้าในฝูงชนทันที!
มาอย่างไร้ร่องรอย จากไปดังสายฟ้า โหดเหี้ยมดุจหมาป่า ดุร้ายเยี่ยงเสือโคร่ง นั่นก็คือเงาดำเหล่านี้
ผู้คนไม่ทันได้เห็นลักษณะของเงาดำนั้นชัดเจน ก็มีสามสี่คนโดนโจมตี ถูกเงาดำนั้นจับตัวได้ ยังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้องก็ถูกฉีกขาดเป็นสองท่อน!
เลือดสาดกระเซ็น หยดลงในสุราอุ่นที่พลิกคว่ำ เป็นความสวยงามที่ช่างโหดร้าย
ฝูงชนโกลาหลกันใหญ่
เงาดำหนึ่งในนั้นโผเข้ามาทางกู้ซีจิ่ว!
ภายใต้แสงคบเพลิงที่สาดส่องรอบด้าน ดวงตาทั้งคู่ของเงาดำเป็นประกาย เรืองแสงสีเขียว แหลมคมเย็นเยือก ทำให้หัวใจสั่นไหว
เงาดำนี้ไม่ใช่มนุษย์! เป็นสัตว์ร้ายประเภทหนึ่ง!
ขนสีดำทั้งตัว แม้แต่รูปลักษณ์ก็ถูกขนดำปกคลุม ขนาดเท่ากับคน เหมือนทั้งลิงอุรังอุตังและนกอินทรี ด้านหลังยังมีปีกสีดำหมึกคู่หนึ่ง เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ ทว่าเธอก็เคยศึกษาสายพันธุ์สัตว์บนทวีปนี้มา เคยดูรูปภาพและคำอธิบายสัตว์ร้ายในตำนานมาบ้าง
เธอจึงมองสิ่งนี้ออกทันที
เหยี่ยวนิลกาฬ!
สัตว์ร้ายขั้นแปดในตำนาน หนึ่งในสัตว์ร้ายโบราณ มาอย่างไร้ร่องรอย หายไปโดยไร้เงา รูปร่างค่อนข้างคล้ายมนุษย์ มีขนสีดำทั้งตัว เกิดจากพลังชั่วร้ายของฟ้าดิน แข็งแกร่งเหลือคณา สามารถฉีกร่างแรดได้ เชี่ยวชาญการใช้วิชาธาตุไม้ หากฝึกฝนพลังวิญญาณถึงขั้นแปดจะแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ชอบกินหัวใจ ดุร้ายยิ่ง มีความหาญกล้าที่หมื่นคนไม่อาจหยุดยั้ง…
—————————————-
บทที่ 1334 การกลับมาของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 3
สัตว์ร้ายเยี่ยงนี้มีอยู่ในตำนาน เล่าขานกันว่าหลายพันปีก่อนผงาดอยู่ทั่วทวีป หนึ่งในนั้นมีเหยี่ยวนิลกาฬนี้ และก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมยอดฝีมือมาร่วมกันผนึกพวกมัน ว่ากันว่าผนึกไว้ที่ยอดเขาที่แปดภายในป่าทมิฬ ทวีปนี้ไม่ได้เห็นเงาของสัตว์ร้ายนี้มานานหลายพันปี นึกไม่ถึงว่ากลับมาปรากฏกายที่นี่ เพราะสัตว์ประเภทนี้พบเจอได้ยาก คนทั้งหลายยกเว้นกู้ซีจิ่วแทบจะไม่มีใครรู้จักเลย
ตอนที่มันโจมตี นิ้วทั้งสิบแหลมดังคมมีด กู้ซีจิ่วไม่สงสัยเลย หากถูกสิ่งนี้จับตัวได้ เธอไม่เหลือชิ้นดีแน่นอน!
การตอบสนองของเธอรวดเร็วที่สุด เคลื่อนย้ายในพริบตาทันที หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง แล้วจึงเคลื่อนย้ายไปด้านหลังของมัน กระบี่ฟันเข้าที่ด้านหลัง!
เสียงดัง “เคร้ง!” ราวกับฟันเข้าก้อนทอง สั่นสะเทือนจนมือกู้ซีจิ่วชา กระบี่เกือบหลุดลอยออกจากมือ
กระบี่ดั่งสายฟ้าของเธอกลับฟันไม่เข้าผิวหนังชั้นนอกของเหยี่ยวสักนิด กลับไปกระตุ้นความเกรี้ยวกราดของมันเข้า จึงโจมตีมาทางกู้ซีจิ่วดุจพายุฝนฟ้าคะนอง
ท่าร่างกู้ซีจิ่วว่องไว ท่าเท้าประหลาด ปะทะกับเหยี่ยวนิลกาฬตัวนั้นแล้วไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ในช่วงเวลาหนึ่ง
แต่คนอื่นกลับไม่โชคดีเช่นนี้ เหยี่ยวนิลกาฬอีกสองตัวกระโจนเข้าใส่ฝูงชน พวกมันเหมือนจะรู้ว่าผู้หญิงค่อนข้างอ่อนแอ พวกแรกที่จู่โจมใส่ท่ามกลางฝูงชนก็คือผู้หญิง!
เคราะห์ดีที่คนในหมู่บ้านนี้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หลังจากความโกลาหลไม่กี่วินาทีก็รวมตัวกันได้เอง รวมผู้หญิงไว้ตรงกลางคอยคุ้มกัน
อีกแปดคนที่พลังวิญญาณสูงรวมกลุ่มกัน เริ่มตีวงล้อมเหยี่ยวนิลกาฬอีกสองตัว
วิธีตั้งกระบวนพลโจมตีนี้กู้ซีจิ่วสอนให้พวกเขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีประโยชน์ยิ่งนักเมื่อเผชิญกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ แข็งแกร่งกว่าการโจมตีซึ่งหน้าดุจฝูงผึ้งของพวกเขาเป็นเท่าทวี
คนที่ล้อมโจมตีเหยี่ยวนิลกาฬเหล่านี้ต่างเป็นนักล่าสัตว์ที่เก่งกาจของหมู่บ้าน มีความกล้าหาญมากล้น ปกติเวลาไปล่าสัตว์ที่เขาด้านหลัง พวกเขานับว่าเป็นสุดยอดฝีมือ
ทว่าตอนคนเหล่านี้ล้อมโจมตีเหยี่ยวนิลกาฬได้ไม่เกินสิบกระบวนท่า ก็เริ่มเสียเปรียบแล้ว
เหยี่ยวนิลกาฬรวดเร็วเกินไป!
อีกทั้งสัตว์ตัวนี้พรางกายได้ ต่อสู้กันอยู่ดีๆ ก็หายตัวไป จากนั้นไม่รู้ว่าพลันปรากฏกายออกมาจากที่ใด และโจมตีผู้คนโดยไม่ทันตั้งตัว
มีคนถูกเหยี่ยวนิลกาฬเล่นงานติดต่อกันสี่ห้าคน ถึงแม้พรรคพวกจะช่วยได้ทัน ไม่ได้โดนฉีกออกเป็นชิ้น ทว่าก็ถูกทำร้ายมีบาดแผลหลายจุด
ที่น่าแปลกก็คือ เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลเป็นสีเขียว เหมือนมีบางสิ่งหยั่งรากอยู่ภายในอย่างรวดเร็ว ทำให้คันบาดแผลยากเกินทน ทั้งร่างกายไร้เรี่ยวแรง…
สัตว์ขั้นแปดเทียบเท่ากับมนุษย์ที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันคนสิบกว่าคนร่วมกันล่าและฆ่ามังกรปีศาจขั้นแปด ไป๋หลี่เช่อยังบาดเจ็บสาหัส หากกู้ซีจิ่วไม่เข้าร่วมด้วย เกรงว่าครั้งนั้นจะแพ้กันราบคาบ
หากมังกรปีศาจเป็นสัตว์ระดับต่ำในขั้นแปด เช่นนั้นเหยี่ยวนิลกาฬก็เป็นสัตว์ขั้นแปดระดับกลาง สูงกว่ามังกรปีศาจไม่น้อย
ตัวร้ายกาจเช่นนี้ออกมาทีเดียวสามตัว เข่นฆ่าผู้คนจนน่าอเนจอนาถภายในเวลาไม่เกินหนึ่งถ้วยชา
บ่อยครั้งที่มีคนบาดเจ็บจนเสียความสามารถในการต่อสู้ คนที่สู้ได้เริ่มน้อยลงทุกที…
กู้ซีจิ่วกับหลัวจั่นอวี่สู้กับเหยี่ยวนิลกาฬหนึ่งตัวด้วยกัน ฝืนต่อสู้กันได้สูสี ไม่อาจสนใจคนอื่นได้ชั่วคราว
ในระหว่างนี้โชคดีที่มีลู่อู๋น้อย ถึงแม้เจ้านี่จะตัวเล็ก แต่ความสามารถไม่น้อยเลย มันหลบไปหลีกมาในสนามรบทั้งสามดังสายฟ้า ข่วนเหยี่ยวนิลกาฬอยู่ตลอด ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ผู้คนได้บ้าง…