ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1357 (3)+(4)
บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (3)
“ต้นไม้ต้นหนึ่งมีความสามารถถึงเพียงนี้เลย?!” กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนมุมมองทั้งสามใหม่เสียแล้ว
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ต้นไม้นี้เป็นแค่ข้ออ้างข้อหนึ่งเท่านั้น มันคือตาค่ายที่ถือกำเนิดจากฟ้าดิน จะอยู่ยั้งยืนยงได้ก็ต้องอาศัยพลังชีวิตของมนุษย์ คนที่นี่อาศัยต้นไม้นี้เพื่อการอยู่รอด และต้นไม้นี้ก็มีปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้คนที่นี่อยู่รอดได้ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน…”
กู้ซีจิ่วพลันแน่นิ่ง “ต้นไม้ประหลาด! หากต้นไม้นี้อาศัยพลังชีวิตมนุษย์เพื่อการอยู่รอด เช่นนั้นหากพวกเราทุกคนหนีออกไปได้ ค่ายนี้ไม่แตกสลายหรอกหรือ?!”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนที่เข้ามาที่นี่ล้วนจบชีวิตลงที่นี่ ไม่อาจออกไปได้อีก”
กู้ซีจิ่วมองเขา “ที่แท้ท่านโยนคนที่ไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์เข้ามาเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตต้นไม้ยักษ์นี้…”
ตี้ฝูอียกมือขึ้นลูบเส้นผมนาง “เสี่ยวจิ่ว นี่คือวิถีแห่งสวรรค์ เดิมทีคนเหล่านี้เป็นคนที่ต้องตายอยู่แล้ว ถูกต้นถันภังคีช่วยชีวิตไว้ก็เท่ากับมอบเส้นทางการมีชีวิตรอดให้กับพวกเขา นับว่าเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน และไม่นับว่าติดค้างอะไรพวกเขา นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้นถันภังคีจึงเลือกช่วยชีวิตคนที่ใกล้ตายเท่านั้น วิถีแห่งสวรรค์ลึกลับซับซ้อน ดังนั้นผู้คุมวิถีแห่งสวรรค์จึงไม่อาจใจอ่อนเยี่ยงอิสตรีได้”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
เธอเพิ่งเคยได้ยินตี้ฝูอีพูดเรื่องวิถีแห่งสวรรค์เป็นครั้งแรก จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามหนึ่งประโยค “แล้วใจกลางนี้มีมานานเท่าไรแล้ว?”
ตี้ฝูอีถอนใจ “ตอนที่ข้ามามันก็มีอยู่แล้ว ข้าก็ไม่รู่ว่ามันอยู่มานานกี่ปี การสนับสนุนค่ายกลทำให้ต้นไม้ยักษ์นี้มีพลังชีวิตเป็นหน้าที่ของผู้คุ้มครองวิถีแห่งสวรรค์ทุกคน ต่อไปเจ้า…”
พูดถึงตรงนี้เขาหยุดชะงัก “ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจ”
“แล้วมีคนเข้ามาที่นี่กี่คนแล้ว? ข้าไม่เคยเห็นศพของผู้อื่นเลย?” ในเมื่อที่แห่งนี้อยู่มานับหลายพันปี และต้องการ ‘พลังชีวิตมนุษย์’ มาตลอด เช่นนั้นก่อนหน้านี้ต้องมีผู้คนเข้ามามากมายและจบชีวิตลงที่นี่ หากคนเหล่านั้นดับสูญก็ต้องมีหลุมศพ เหตุใดเธอจึงไม่เห็นแม้สักหลุมหนึ่ง?
“ไม่มีศพของผู้ใดทั้งนั้น…คนที่นี่หากสิ้นชีพจะกลายเป็นผุยผง อีกทั้งสถานที่แห่งนี้จะชำระล้างทุกห้าร้อยปี เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ร่องรอยทุกอย่างของทุกคนที่นี่จะถูกลบล้างทันที ทำให้มองไม่เห็นร่องรอยใดๆ อีก” ตี้ฝูอีเพิ่มความรู้ให้นางต่อ
กู้ซีจิ่วรับฟังอย่างตื่นตกใจ “หากคนที่นี่ฝึกฝนถึงขั้นเก้าจะมีอายุขัยหนึ่งพันปี หากชำระล้างทุกห้าร้อยปี คนเหล่านั้นเล่า?”
ตี้ฝูอีกล่าว “การทะลวงผ่านขั้นแปดไปขั้นเก้าจำเป็นต้องมียาลูกกลอนชนิดพิเศษ หากไม่มี หลับหูหลับตาเลื่อนขั้นอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จ ดังนั้นคนที่นี่ส่วนมากฝึกฝนได้ถึงขั้นแปดตอนปลายก็นับว่าสูงสุดแล้ว มีอายุขัยได้ไม่กี่ร้อยปี หากบางคนพกยาลูกกลอนเลื่อนขั้นติดตัวมาแล้วถูกชำระล้าง เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับในความอับโชค…”
กู้ซีจิ่วบอก “พวกเรา…จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่? ท่านเป็นถึงเทพ ยามนี้ตกลงมาที่นี่คงไม่ได้ไม่มีทางออกไปอีกตลอดชีวิตกระมัง?”
ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างสบายๆ “ซีจิ่ว ข้าก็เข้ามาตามกฎเกณฑ์”
กล่าวอีกนัยคือ เขาเข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้มีเอกสิทธิ์อันใด
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะร้ายแรงขนาดนี้ จึงตะลึงไปชั่วขณะ “เช่นนั้น พวกเราก็ออกไปไม่ได้แล้วหรือ?”
ตี้ฝูอีเอ่ย “วางใจเถิด ออกไปได้ อย่างไรเสีย เทพถูกขังอยู่ที่นี่ ก็ไม่อาจถูกขังได้ตลอดไป”
นั่นก็จริง!
————————————————————————————-
บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (4)
กู้ซีจิ่วถอนหายใจโล่งอก เธอรู้สึกประทับใจ ทั้งที่ตี้ฝูอีรู้ดีอยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายเหนือธรรมดา เขายังเข้ามาตามหาเธออย่างไม่ลังเล ความรู้สึกเช่นนี้เธอยังต้องมีอะไรให้แคลงใจอีก?
ต่อไปเธอจะไม่สงสัยเขาอีกแล้ว เธอจะทำตัวดีกับเขา!
ทว่าความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของตี้ฝูอีก็คือ ยามนี้เขายังไม่มีวิธีออกไป ดูเหมือนว่าต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกหลายปี ขอให้ไม่ถึงคราชำระล้างด้วยเถิด…
อยู่ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ พวกท่านล้วนเสี่ยงตายถึงเข้ามาได้ ข้า…เหตุใดข้าจึงเข้ามาได้โดยไม่เป็นอะไรเลยเล่า?” มีเพียงเธอที่ถูกเจ้าหอยยักษ์พาดำดินเข้ามา…
ตี้ฝูอีปอกผลไม้ลูกหนึ่งยื่นให้นาง เอ่ยอย่างพึงพอใจว่า “เจ้าไม่เหมือนผู้ใดอย่างไรเล่า สมกับที่เป็นภรรยาของข้า”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา ไม่พูดจาอันใด
หลอกลวง ท่านยังจะหลอกลวง!
ตี้ฝูอียอมแพ้แล้ว “ก็ได้ ข้าเคยถามเจ้าหอยยักษ์ถึงรายละเอียดการเข้ามาของเจ้า อากาศ ผืนดิน ถูกเจ้าข้ามผ่านมา บางทีนี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์ก็ได้ การส่งเจ้าเข้ามาที่นี่ ทำให้พลังวิญญาณของเจ้าก้าวหน้าเร็วขึ้น”
กู้ซีจิ่วอดยิ้มไม่ได้ “ท่านหลอกลวงข้าอีกแล้ว! ข้าไม่ใช่เป็นบุคคลพิเศษอะไร เหตุใดลิขิตสวรรค์จึงเข้าข้างข้าเช่นนี้?”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “เจ้าเป็นภรรยาของข้า ย่อมได้รับการดูแลจากสวรรค์เป็นอย่างดี บ่มเพาะเจ้าให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
แววตากู้ซีจิ่วพลันวาบไหว “ต่อไปข้าจะแข็งแกร่งให้เหมือนท่าน!” เธออยากมองดูใต้หล้าเคียงข้างเขา มีความสุขในทุกหนแห่ง และปกป้องทวีปแห่งนี้ไปกับเขา
ตี้ฝูอีโอบนางไว้ในอ้อมกอด พูดเพียงแค่สองคำ “ย่อมได้”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วเป็นประกาย “จริงสิ ท่านบอกว่าท่านก็ฝึกฝนจนกลายเป็นเทพ? ไม่แน่ต่อไปข้าก็อาจทำได้ นี่ ข้าไม่ได้อยากแย่งชามข้าวของท่าน แล้วฝึกฝนเป็นเทพกลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ควบคุมใต้หล้านะ แต่ข้าอยากมีชีวิตที่ยืนยาวและยืนยาวไปอีก พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ”
สายตาตี้ฝูอีฉายแววเศร้าหมอง ยิ้มบางๆ ใช้ปลายคางคลึงกลางกระหม่อมนาง “เจ้าทำได้”
กู้ซีจิ่วดีใจมากที่ได้รับการยืนยันจากเขา ถึงแม้การยืนยันเช่นนี้เหมือนปลอบโยนเธอ หลอกให้เธอดีใจก็ตาม
ทว่ากู้ซีจิ่วถูกปลุกพลังต่อสู้ในตัว เธออยากถือโอกาสที่ได้อยู่ที่นี่รีบฝึกฝนให้แข็งแกร่ง!
สามารถยืนเคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาได้โดยแท้จริง ไม่ใช่เป็นผู้ช่วยเขาตลอดไป
เธอเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ “จริงสิ เหตุใดหลายวันก่อนหน้านี้จึงมีสัตว์ร้ายขั้นแปดมารุกรานได้? นั่นคือการชำระล้างใช่หรือไม่?” หลายวันก่อนหากไม่ใช่เพราะตี้ฝูอีมาช่วยได้ทันเวลา เช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดรอดตายกันสักคน
คืนนั้นช่างอันตรายจริงๆ! เมื่อคิดถึงยามนี้ ในใจกู้ซีจิ่วยังหวาดกลัวไม่หาย
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “การชำระล้างไม่ได้ทำเช่นนี้…คืนนั้นเป็นอุบัติเหตุ”
“หืม?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา
“อุบัติเหตุนี้เกี่ยวข้องกับเจ้า”
กู้ซีจิ่งนิ่งอึ้ง
“ความหมายของท่านคือสัตว์ร้ายขั้นแปดเหล่านี้มาเพื่อทำร้ายข้า?” พูดอย่างกับเธอเป็นตัวซวยอย่างนั้น!
ตี้ฝูอีใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะเบาๆ “ไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเจ้า แต่มาเพราะเจ้าหอยยักษ์ทำเรื่องดีงามเอาไว้! ตอนที่เจ้าหอยยักษ์ดำดินเข้ามาเคยทำลายรากของต้นถันภังคี ทำให้พลังวิญญาณของมันรั่วไหลและดูดซึมไอพิฆาตที่ทะลักล้นมาหลายปี จนไปกระตุ้นเหยี่ยวสามตัวนั้นและความผิดปกติอื่นๆ จึงนำมาซึ่งภัยพิบัติใหญ่ครานี้”
กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นเพราะการดำดินของเจ้าหอยยักษ์ครั้งนั้นนำมาซึ่งผลลัพธ์อันร้ายแรง!
————————————————————————————-