ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1361 (5)+1362 (1)
บทที่ 1361 อันที่จริงเขารีบร้อนยิ่งนักแล้ว… (5)
กู้ซีจิ่วไม่ได้เจอเขามาสิบกว่าวันแล้ว ยามนี้เขานั่งอยู่ข้างกาย จมูกได้กลิ่นหอมจางๆ จากร่างเขา แขนสัมผัสถูกแขนเขาเข้าโดยมิได้ตั้งใจ อุณหภูมินั้นทำให้เธอใจสั่น
หลัวจั่นอวี่ที่นั่งอยู่ด้านขวาของกู้ซีจิ่วมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ตามกฎแล้วท่านไม่สามารถพบปะพูดคุยกับซีจิ่วได้ ท่านนั่งตรงนี้ไม่เหมาะกระมัง?”
ตี้ฝูอีวางถังลงบนพื้น “นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ พบหน้ากันมิใช่เรื่องที่พอเข้าใจได้หรือกหรือ? และข้าก็ไม่ได้คุยกับนางเลย ส่วนการที่ข้าเลือกนั่งตรงนี้ นั่นก็เป็นเพราะทิวทัศน์ตรงนี้ยอดเยี่ยมที่สุด”
หลัวจั่นอวี่อับจนวาจาแล้ว ทุกคนนั่งล้อมวงกัน ไหนเลยจะมีทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดกัน?
เพียงแต่ที่ตี้ฝูอีว่ามาก็มีเหตุผล เขาหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้ไปชั่วขณะ ขณะที่กำลังพูดอะไร จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ลุกขึ้นมา ตรงไปหยิบเนื้อย่างบนตะแกรงมาเสียบหนึ่ง จากนั้นก็ไปหาที่อื่นนั่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตี้ฝูอี
ตี้ฝูอีตะลึง
นางโกรธแล้ว เขามั่นใจ แต่เขายังไม่ทราบเลยว่านางโกรธเคืองด้วยเรื่องใด
กู้ซีจิ่วแยกห่างจากเขาอย่างสงบนิ่ง คนอื่นๆ นึกว่าเธอกำลังหลบเลี่ยงคำครหาอยู่ ดังนั้นจึงไม่เก็บมาใส่ใจ เพียงรู้สึกว่าตี้ฝูอีค่อนข้างน่าสงสาร…
โชคดีที่บุรุษที่แต่งงานแล้วของที่นี่ล้วนเคย ‘น่าสงสาร’ เช่นนี้มาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นอกเห็นใจตี้ฝูอีอย่างยิ่ง สนทนาปราศรัยกับเขาอีกสองสามประโยค
ทุกคนต่างสนใจปลาที่เขาตกได้ ปลาชนิดนี้เลี้ยงไว้ดูเล่นได้ทำอาหารก็ได้ เหมาะสำหรับเด็กสาว ตี้ฝูอีจะมอบปลาตัวนี้ให้กู้ซีจิ่วหรือเปล่านะ?
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็สงสัยเช่นกันว่าเขาจะทำอะไรกับปลาตัวนี้ เมื่อครู่เธอกวาดตามองถังของเขาแวบหนึ่ง ปลาตัวนั้นดูเหมือนจะขนาดเท่าตัวนั้นที่เธอตุ๋นน้ำแกงไป แม้กระทั่งลวดลายก็ยังเหมือนกันทุกประการ…
สายตาของตี้ฝูอีร่อนลงบนร่างไป๋หลี่เช่อ ไป๋หลี่เช่อถูกสายตาเขาจับจ้อง รู้สึกว่าตัวหดเล็กลงทันที เพียงแต่เขาเหยียดเอวให้ตั้งตรง จ้องกลับไป ชิงเปิดประเด็นก่อนเสียเลย “ท่านผู้สูงศักดิ์มีอันใดจะชี้แนะหรือ?”
ตี้ฝูอีตอบเรียบๆ ว่า “คราวก่อนที่แย่งน้ำแกงปลาของเจ้าไป เป็นความผิดของข้าเอง ข้าตั้งใจตกปลาตัวนี้มา เหมือนตัวนั้นของเจ้าทุกประการ ไม่ต่างกันสักกระผีกเกล็ด เจ้าตรวจดูด้วยตัวเองได้เลย”
ปลาตัวนี้เป็นการชดใช้ให้เขางั้นหรือ?!
ไป๋หลี่เช่อมองเข้าไปในถังแวบหนึ่งตามสัญชาตญาณ พบว่าปลาตัวนี้เหมือนปล่าตัวก่อนหน้านั้นของเขาทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ เขาทึ่มทื่อไปอย่างไม่อาจควบคุมได้
ปลาชนิดนี้ตกยากแค่ไหนเขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใด ปลาชนิดนี้มีจำนวนน้อยและหายากยิ่งนัก อย่าว่าแต่ตัวที่เหมือนกันเลย ต่อให้เขาอยากจับตัวที่มีขนาดไม่ต่างกับตัวก่อนหน้านี้ให้ได้อีกสักตัวก็ลำบากลำบนแสนสาหัสแล้ว แต่ยามนี้ตี้ฝูอีกลับคืนปลาที่ราวกับเป็นฝาแฝดกันให้เขาหนึ่งตัว…
เขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง สายตาจ้องตรงไปที่ตี้ฝูอี “ปลาตัวนี้ท่านตกนานไหม?”
น้ำเสียงตี้ฝูอีกระจ่างราบเรียบ “ก็ไม่นานมาก สามวันเท่านั้น”
ที่แท้เขาก็หายไปตกปลามาสามวัน!
บางคนปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว เบิกตากว้างแล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นสามวันมานี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะต้องตกปลาชนิดนี้ได้ไม่น้อยเลยกระมัง? ไม่ทราบว่าตกไปมากน้อยเพียงใดถึงจะพบตัวที่เหมาะสมตัวนี้?”
“ก็ไม่มากเท่าไหร่” ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยชา ชูมือคราหนึ่ง ถังใส่ปลาแปดถังพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา ในถังทุกใบมีปลาสารพัดชนิดเบียดเสียดอยู่ ขนาดแตกต่างกัน ลวดลายไม่เหมือนกัน มีถึงหกสิบเจ็ดสิบตัว!
ฝูงชนตกตะลึงไปตามๆ กัน
ปักหลักตกปลาอยู่ในสถานที่แห่งเดียวมาสามวัน เพียงเพื่อตกปลาที่เหมือนกันตัวหนึ่งมาชดใช้ให้ผู้อื่น…
การชดเชยนี้ช่างจริงใจยิ่งนัก!
ฝูงชนต่างประทับใจ พากันมองไปทางไป๋หลี่เช่อ
ไป๋หลี่เช่อได้รับความสะเทือนใจไม่น้อยเลย เขามองปลาในถังอย่างใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง พลันถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้ายอมแพ้แล้ว! ข้าขออวยพรให้งานวิวาห์ของท่านทั้งสอง ไม่ก้าวก่ายอีกต่อไป…”
เขาแพ้แล้ว! ยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งปากทั้งใจ!
ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกกู้ซีจิ่วว่าจะถอยให้ ไม่ก้าวก่ายอีก นั่นเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของกู้ซีจิ่วทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีเลย
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นปลาตัวนี้ท้ายที่สุดกลับเกิดความเลื่อมใสขึ้นมา! เลื่อมใสตี้ฝูอีด้วยใจจริง!
————————————————————————————-
บทที่ 1362 พูดไปพูดมาไม่พ้นร่วมหอ (1)
ตี้ฝูอีถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างแผ่วเบา เขาอยู่สูงส่งเหนือปวงชนมาหลายพันปี ใช้อำนาจกดดันผู้อื่นจนเคยชินแล้ว ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังเขาจะถูกเขาใช้อำนาจเข้าข่ม ทั้งมวลเชื่อฟังอย่างว่าง่าย
แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้อำนาจเลยสักนิด ทั้งหมดทำไปด้วยใจจริง เพียงเพื่อให้นางได้สถานะอย่างเป็นทางการ และเพื่อให้ครองคู่ฉันท์สามีภรรยากับนางได้อย่างแท้จริง ได้รับคำอวยพรจากทุกคนที่นี่…
สมองอันละเอียดลออของเขาที่เคยชินกับการใคร่ควรญจัดการเรื่องราวใหญ่โตของโลกระยะนี้ต้องครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าจะสยบคนพวกนี้อย่างไรดี ให้เรื่องแต่งภรรยาเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะการสยบไป๋หลี่เช่อเป็นเรื่องที่ลับสมองอย่างยิ่ง บัดนี้ในที่สุดก็สยบก้างขวางคอชิ้นนี้ได้แล้ว ตี้ฝูอีมองไปทางหลัวจั่นอวี่แวบหนึ่ง “หลัวจั่นอวี่ เช่นนี้นับว่าข้าผ่านด่านแล้วกระมัง?”
ถึงยามนี้หลัวจั่นอวี่ก็ยอมรับทั้งปากทั้งใจแล้วเช่นกัน ตอบอย่างเบิกบานยิ่ง “ผ่านด่านแล้ว! ท่านเป็นคนแรกที่ผ่านด่านได้รวดเร็วเช่นนี้ ยินดีด้วย!”
ฝูงชนก็พากันแสดงความยินดีกับตี้ฝูอี สายตาของตี้ฝูอียังคงมองหลัวจั่นอวี่อยู่ “เช่นนั้นเจ้าจะจัดงานวิวาห์ให้พวกเราเมื่อไหร่?”
หลัวจั่นเงียบงัน
ฝูงชนก็เงียบงันเช่นกัน เพิ่งเคยเห็นคนที่ใจร้อนขนาดนี้เป็นครั้งแรก
โดยทั่วไปหลังจากผ่านด่านแล้ว ทุกคนต้องตระเตรียมข้าวของบางส่วน ยกตัวอย่างเช่นตกแต่งโถงพิธี ห้องหอ จัดเตรียมอาหาร…เรื่องราวจุกจิกมากมายเหล่านี้ต้องใช้เวลาจัดเตรียมอย่างน้อยสิบกว่าวัน ดังนั้นหลังจากผ่านด่านแล้วหลัวจั่นอวี่จะกำหนดช่วงวิวาห์เป็นอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ให้ทุกคนสามารถตระเตรียมได้อย่างไม่รีบร้อน
ดังนั้นครั้งนี้เขาก็ยังคงบอกไปตามกรณีที่ผ่านมา “เช่นนั้นก็อีกหนึ่งเดือนให้หลังเถิด”
หนึ่งเดือนให้หลัง?
ตี้ฝูอีหรี่ตาเล็กน้อย ประสิทธิภาพช่างล่าช้าเสียจริง! หากว่าประสิทธิภาพในการจัดการเรื่องราวของลูกน้องเขาล่าช้าถึงเพียงนี้คงถูกเขาซัดปลิดไปนานแล้ว!
ตามกฎของที่นี่แล้ว ต่อให้เขาผ่านด่านแล้ว ก่อนเข้าวิวาห์ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พบปะพูดคุยกับเจ้าสาวอยู่ดี เช่นนั้นเขามิต้องทนต่อไปอีกหนึ่งเดือนหรอกหรือ?!
เขาเหลือบมองกู้ซีจิ่วอีกคราหนึ่ง สาวน้อยผู้นั้นนั่งอยู่ตรงนั้น ในมือหมุนกระดูกที่แทะจนไปแล้วไว้ชิ้นหนึ่ง หลุบตาต่ำไม่ทราบเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่
เขายิ้มบางๆ แวบหนึ่ง เอ่ยอย่างสบายๆ “เรื่องวิวาห์ของข้าพักไว้ชั่วคราวก่อน เกี่ยวกับลิขิตสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นบนต้นไม้ยักษ์ ไม่ทราบว่าทุกคนตีความกันว่าอย่างไร?”
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนล้วนสนใจ ดังนั้นเมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ทันที
ทุกคนตีความกันมาเนิ่นนานแล้วตีความกันไปสารพัดอย่าง จนปัญญาที่ว่าไม่มีอันไหนน่าเชื่อถือเลยสักอัน ยามนี้ทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทุกคนย่อมให้ความสนใจเป็นธรรมดา
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เรื่องนี้ให้ท่านตีความจะดีกว่า ไม่ทราบว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคิดเห็นประการใด?”
“ใช่แล้ว ที่พวกเราคิดออกมาพวกนั้นล้วนไม่ถูกต้องทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าทุกคนชนตอไปมากน้อยเพียงใดแล้ว”
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายตีความอย่างแท้จริงได้แล้วใช่หรือไม่?”
สายตาฮึกเหิมเร่าร้อนจดจ่ออยู่ที่ร่างตี้ฝูอี รอให้เขาแถลงไข
ตี้ฝูอีดีดสาบเสื้อ กล่าวอย่างเฉยเมย “ตอนแรกที่ข้าได้เห็นลิขิตสวรรค์เดิมทีก็มีความคิดใหม่ๆ อย่างหนึ่งแล้ว เพียงสัมผัสได้รางๆ ว่าเนื้อความที่ลิขิตสวรรค์ชี้นำมีส่วนเกี่ยวข้องกับซีจิ่วยิ่งนัก พวกเราจำเป็นต้องเจรจาหารือกัน ในเมื่องานวิวาห์ของพวกเรากำหนดไว้ในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง เช่นนั้นข้าก็คงต้องรอผ่านพ้นงานวิวาห์ไปถึงจะหารือกับนางให้ชัดเจนแล้วค่อยมาแถลงไขแก่ทุกคน”
ฝูงชนเงียบงันลง
ผ่านไปครู่หนึ่ง แทบทุกคนล้วนพุ่งเป้าไปที่หลัวจั่นอวี่ทั้งสิ้น
“หัวหน้าหลัว ข้ารู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าในเมื่อท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผ่านด่านแล้ว อีกทั้งสองคนนี้ก็ถูกตาต้องใจกัน มิสู้จัดงานวิวาห์นี้ให้เร็วขึ้นหน่อย!”
“ใช่แล้ว หนึ่งเดือนให้หลังช้าเกินไปแล้ว! ข้าว่าตีเหล็กต้องตีตอนยังร้อน วันนี้เลยเถอะ!”
“ใช่ ใช่! รอฤกษ์งามยามดีมิสู้ใช้ฤกษ์สะดวก วันนี้ก็กำลังดีเลย!”
“ท่านดูสิปลาของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็เตรียมไว้พรั่งพร้อมยิ่งนักแล้ว พวกเราที่นี่มีกินมีดื่ม จัดให้คืนนี้เป็นคืนวิวาห์ของพวกเขาไปเลยสิ ทุกคนที่นี่จัดการงานวิวาห์ให้พวกเขา ไม่ดีกว่าหรอกหรือ?”
————————————————————–