ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1378 (4)+1379
บทที่ 1378 สงบใจไว้ เจ้าทำได้! (4)
กู้ซีจิ่วสูดหายใจสั้นๆ เฮือกหนึ่ง ลั่นวาจาว่า “ทุกท่าน ช่วงเวลาทดสอบของทุกคนมาถึงแล้ว! ศึกนี้เป็นการต่อสู้แบบหลังชนฝา อาจรอดชีวิต อาจสิ้นชีพ ไม่มีหนทางที่สามให้เดินแล้ว! วางใจเถิด เพียงทำตามที่ข้าบอกเท่านั้น ข้ามีความหวังอยู่เก้าสิบส่วน!”
วาจานี้ของเธอปลุกเร้าขวัญกำลังใจ โลหิตของทุกคนเดือดพล่านขึ้นมา
“มิผิด! ต้องสู้สุดชีวิตถึงจะมีทางรอด!”
“วางใจเถอะ ซีจิ่วเจ้าสั่งการได้เลยไม่ต้องกังวล พวกเราฟังเจ้าทุกอย่าง!”
“อย่างมากก็ตายเท่านั้น กลัวไปไย!”
ในที่สุดสัตว์ร้ายทั้งสี่ก็พุ่งเข้ามาแล้ว…
….
เป็นศึกที่ดุเดือดศึกหนึ่ง!
กระบวนค่ายที่กู้ซีจิ่วคิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าเหมาะสำหรับรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งนัก สัตว์ร้ายสี่ตัวนี้ทุกตัวล้วนใหญ่โตเท่าภูเขาลูกน้อยๆ มนุษย์ทั้งเก้าเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ร้ายเหล่านี้แล้วเสมือนลูกปิงปองลูกบาสเท่านั้น…
แต่กระบวนค่ายที่เก้าคนนี้จัดเรียงออกมากลับมีสนามพลังพิเศษชนิดหนึ่ง ทำให้สัตว์ร้ายสี่ตัวนี้ทำลายไม่ได้ชั่วขณะ…
เสียงคำรามปานจะกรีดแยกท้องนภา แสงทักษะยุทธ์วูบวาบปานระลอกคลื่น เสียงศาสตราวุธกระทบกระแทกโจมตี…
เงาร่างมนุษย์พลิกทะยาน กู้ซีจิ่วมีพรสวรรค์ในการบัญชาการยิ่งนัก เธอปรับกลยุทธ์อยู่ตลอด บางครั้งก็สั่งการให้กลุ่มคนเปลี่ยนรูปแบบค่าย เสียงของเธอไม่ดัง แต่ในการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายถึงเพียงนี้กลับกังวานชัดเจนเป็นพิเศษ ทำให้ผู้คนในศึกอันชุลมุนประหนึ่งได้พบแกนนำหลัก ปฏิบัติตามที่เธอสั่งการทุกอย่าง แม้ว่าคำสั่งของกู้ซีจิ่วจะให้พวกเขาพุ่งเข้าไปโจมตีสัตว์ร้ายซึ่งๆ หน้า พวกเขาก็ปฏิบัติตามโดยไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ…
ท่ามกลางศึกอันดุเดือดนี้ บางครั้งก็มีคนตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน โชคดีที่ทุกครั้งเมื่อมีคนประสบอันตรายใหญ่หลวง ยามที่จะถูกสัตว์ร้ายเบื้องหน้าตะครุบเอา กู้ซีจิ่วจะหล่นลงมาจากฟ้าทุกครั้ง ใช้วิชาเคลื่อนย้ายพาคนที่ตกอยู่ในอันตรายหลบหนีการโจมตีของสัตว์ร้าย…
เวลาสามนาที เมื่อก่อนเป็นช่วงเวลาชั่วลัดนิ้วมือเท่านั้น แต่ยามนี้กลับเสมือนเนิ่นนานไร้ที่สิ้นสุด หนึ่งวินาทีช่างเชื่องช้าอย่างยิ่ง
หนึ่งนาทีผ่านไป มีคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
สองนาทีผ่านไป มีคนบาดเจ็บสาหัสแล้ว…
แต่ไม่ว่าผู้ที่บาดเจ็บน้อยหรือว่าผู้ที่บาดเจ็บหนัก ทุกคนล้วนกำลังยืนหยัดต่อสู้สุดชีวิต ไม่มีใครถอยเลยสักคน…
ยามที่เจียนครบสามนาที ในที่สุดประตูบานนั้นก็เปิดอย่างสมบูรณ์ กู้ซีจิ่วร้องสั่งการ ทุกคนเริ่มพุ่งทะยานเข้าประตูบานนั้นไปทีละคนตามที่เคยจัดลำดับไว้ก่อนหน้านี้…
ส่วนกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีอยู่รั้งท้าย
คนกระโจนออกไปคนแล้วคนเล่า คนที่เหลืออยู่ก็น้อยลงเรื่อยๆ ความกดดันของกู้ซีจิ่วและตี้ฝูอีก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงที่แม้แต่เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยก็กระโดดออกไปแล้ว แรงกดดันที่พวกกู้ซีจิ่วต้องแบกรับมากมายจนมาอาจเปรียบเทียบได้ ไม่อาจหายใจได้ ทุกวินาทีล้วนต้องสู้สุดชีวิต!
“ซีจิ่ว ออกไป!” ตี้ฝูอีสั่ง
นี่ก็เป็นเรื่องที่คุยกันไว่ก่อนแล้ว ตี้ฝูอีจะเป็นคนปิดขบวน
เมื่อก่อนตอนที่ตี้ฝูอีคุยเรื่องนี้กับกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วตอบตกลง เนื่องจากเธอรู้สึกว่าไม่มีเรื่องใดสามารถสร้างความลำบากให้ตี้ฝูอีได้ และไม่มีสิ่งใดที่สามารถทำร้ายตี้ฝูอีได้ ต่อให้เขาเป็นคนปิดขบวนก็น่าจะถอนตัวออกมาอย่างปลอดภัยได้…
แต่ตอนนี้ได้ประสบกับอานุภาพการโจมตีของสัตว์ร้ายทั้งสี่ด้วยตัวเองแล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ทราบแล้วว่าคนที่ปิดขบวนมีอันตรายมากเพียงใด!
เธออยู่ข้างกายเขารับมือไปด้วยกัน มุมปากเขามีโลหิตไหลซึมออกมา หลายครั้งที่ถูกสัตว์ร้ายทำร้ายเอา หากว่าเธอหนีออกไปอีก เขาก็เหลือตัวคนเดียวแล้ว…
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะ…
“ท่านกับข้าออกไปด้วยกัน!” กู้ซีจิ่วเปลี่ยนแผนการทันที
————————————————————————————-
บทที่ 1379 ตี้ฝูอี ท่านหลอกข้าอีกแล้ว!
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “มีปัญหาอะไร? ทำตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้!” เนื่องจากการพูดคุยทำให้เสียสมาธิ เขาเกือบถูกมีดน้ำแข็งของแรดแยกเวหาฟาดฟันเข้า
“ไม่! ถ้าจะออกก็ออกไปพร้อมกัน!” กู้ซีจิ่วเกิดดื้อรั้นขึ้นมา เธอทนไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้คนเดียว
ตี้ฝูอีไม่ได้โต้เถียงกับนางอีก เพียงแค่ถอนใจ “ก็ได้ พวกเราหาโอกาสออกไปพร้อมกัน!”
กู้ซีจิ่วโล่งอกไปที ส่งเสียงตอบรับอย่างหนักแน่น “อืม!”
ทั้งสองคนต่อสู้พลางล่าถอยไปทิศทางประตูเล็กแคบที่ปรากฏขึ้นเลือนราง เข้าออกได้ทีละคนเท่านั้น สัตว์ร้ายเหล่านั้นคงรู้ว่าสองคนนี้จะหนีไปแล้ว จึงขัดขวางอย่างบ้าคลั่ง
และยังพุ่งชนประตูบานนั้นอย่างบ้าคลั่ง พวกมันถูกกักขังมานานหลายปี ย่อมอยากหนีเช่นกัน เมื่อมองเห็นประตูก็อยากออกไป
พวกมันฝึกฝนมาถึงระดับนี้ สามารถแปลงกายได้แล้ว สัตว์ร้ายทั้งสี่แปลงกายให้มีขนาดและความสูงเท่ามนุษย์ มีตัวหนึ่งถึงขั้นแปลงกายเป็นเด็กน้อย โบยบินไปทางประตูทางออกอย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่าประตูบานนั้นมีวิชาบางอย่างควบคุมอยู่ คนฝั่งกู้ซีจิ่วออกไปได้อย่างอิสระ ทว่าตอนพวกมันพุ่งชนตรงนั้นกลับถูกพลังไร้รูปลักษณ์ดีดกลับมา
คราวนี้สัตว์ร้ายทั้งสี่ต่างโมโหดุร้าย ยิ่งขัดขวางคนที่เหลืออยู่ทั้งสองไม่ให้ออกไป…
พวกมันอยากหาคนอยู่เป็นเพื่อน!
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตอนนี้พลังวิญญาณของตี้ฝูอีสู้เธอไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงรุดหน้าก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ ปกป้องเขาจากการโจมตีของสัตว์ร้าย
ไม่ง่ายเลยกว่าจะถอยไปถึงหน้าประตู เธอส่งเสียงตะโกนทุ้มต่ำ “ท่านออกไปก่อน!”
“ได้!” ตี้ฝูอีส่งเสียงตอบรับ ถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง
กู้ซีจิ่วเพิ่งโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เอวก็พลันรัดแน่น! จากนั้นเคลื่อนย้ายไปกลางอากาศ เมื่อเธอได้สติ ตัวก็ลอยออกจากประตูมาแล้วร่อนลงที่ด้านนอก!
ใบหน้าเธอเปลี่ยนสี!
ตี้ฝูอี ท่านหลอกข้าอีกแล้ว!
เธอไม่มองคนอื่นที่รออยู่ด้านนอก รีบวิ่งไปที่ประตูบานนั้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ต้องการเข้าไปอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเขา นึกไม่ถึงว่าจะถูกประตูที่สาดแสงสีขาวดีดกลับมาทันที
เธอนึกถึงที่ตี้ฝูอีเคยพูดไว้ขึ้นมาได้ ประตูเช่นนี้เป็นประตูทางเดียว ออกได้แต่เข้าไม่ได้…
ทั้งที่เป็นประตูเปิดกว้างบานหนึ่ง พวกเขาอยู่ด้านนอกประตูกลับไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ ด้านใน
ทุกคนต่างรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วออกมา พวกเขาก็โล่งใจ
พวกเขาต่างต้องตกใจเมื่อเห็นนางไม่พูดไม่จาก็พุ่งตัวไปด้านในประตูบานนั้น ไป๋หลี่เช่อเอื้อมมือไปประคองนางที่เพิ่งจะโดนดีดกลับมา “ซีจิ่ว…ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วกระเด้งตัวขึ้น เธอไม่สนใจคนอื่นที่ไม่สำคัญ สายตาทั้งคู่จ้องมองประตูบานนั้น ตัดสินใจถีบตัวขึ้นไปที่สูง
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตี้ฝูอีก็ควรโบยบินตามออกมาได้ ทว่ายามนี้ผ่านไปอีกหนึ่งนาทีแล้ว ยังไม่มีวี่แววของเขาเลย…
ช่วงเวลาที่ประตูบานนี้ปรากฏขึ้นไม่นานนัก คงอยู่ได้ห้านาทีโดยประมาณ ตอนที่กู้ซีจิ่วออกมาก็ผ่านไปสามนาทีแล้ว!
และเธอออกมาหนึ่งนาทีแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีก่อนที่ประตูนี้จะปิดลง…
ภายในประตูเงียบสงัด ภายนอกประตูหัวใจของกู้ซีจิ่วแทบจะหยุดเต้น
ผ่านไปสิบวินาที ผ่านไปยี่สิบวินาที ผ่านไปสี่สิบวินาที…
ประตูบานนั้นค่อยๆ บีบเล็กลงช้าๆ ค่อยๆ เลือนรางไป…
ในหัวสมองของกู้ซีจิ่วแทบจะว่างเปล่า เธอรีบก้าวไปด้านหน้า ใช้มือทั้งสองง้างประตูบานนั้น!
อย่าปิด! อย่าปิด! เขายังอยู่ด้านใน! เขายังไม่ได้ออกมา!
วงกบประตูนั้นแหลมคมดังใบมีด พลังวิญญาณสูงส่งอย่างเธอสัมผัสด้านบนยังถูกบาดจนเลือดไหลริน
ถูกบาดไม่ได้สลักสำคัญ ที่สำคัญคือตอนนิ้วมือสัมผัสกับวงกบประตู ก็ราวกับโดนกระแสไฟฟ้า สัมผัสเพียงนิดก็เหมือนถูกผึ้งต่อย…
———————————————————————————-