ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1397+1398
บทที่ 1397 ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย 2
เขาเกรงว่าครั้งนี้จะคว้าน้ำเหลวอีกครั้ง จึงตัดสินใจดึงคนที่ถูกจับไว้ จี้ดาบไปที่ลำคอเขา ตะโกนไปทางหลีเมิ่งซย่าอย่างดุดัน “หลีเมิ่งซย่า หากเจ้ายังดึงดันต่อสู้หลังชนฝาอีกต่อไป ข้าจะฆ่าเขาเสีย! เขาหนีมาด้วยกันกับเจ้า เจ้าทนเห็นเขาสิ้นชีพที่นี่ได้งั้นรึ?”
ใบหน้าทุกคนเปลี่ยนสี ผู้อาวุโสเหลียงขมวดคิ้ว “จั่วอิ๋นหู่ เจ้าทำอะไร? เขาถูกจับกุมแล้ว ใช้เขาบีบบังคับนับว่าเป็นผู้กล้าที่ไหนกัน?”
“ปล่อยเขา!” มีคนตะโกนขึ้นมา
ใบหน้าจั่วอิ๋นหู่เย็นชา “หรือว่าพวกเจ้าก็ต้องการต่อต้าน?! ต้องการทรยศท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเช่นกัน?!”
ทุกคนพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสเหลียงกล่าว “นี่ไม่เกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! คนที่ถูกจับกุมได้แล้วไม่มีเหตุผลอันใดที่จะถูกบีบบังคับอีก!”
จั่วอิ๋นหู่พูดอย่างเย็นชา “พวกเขาต่อต้านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ย่อมมีโทษประหารชีวิตอยู่แล้ว ประมุขหยางก็พูดไว้ ให้ฆ่าทิ้งเสียที่นี่ได้! ประมุขหยางให้ข้าเฝ้าดูพวกเจ้า ให้พวกเจ้าพยายามจนถึงที่สุด ยามนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าลงมือกันอย่างมีเยื่อใย เช่นนี้ไม่ได้! หากผู้ใดปริปากพูดอีกคำเดียว ข้ากลับไปจะรายงานประมุขหยางตามความเป็นจริงทุกประการ คอยดูเถอะประมุขหยางจะลงโทษพวกเจ้า!”
ทุกคนแน่นิ่ง
พวกเขาต่างรู้ดีว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกำลังให้ความสำคัญกับประมุขหยาง ถึงแม้พวกตนไม่ชื่นชอบประมุขหยาง ทว่าก็ทำได้เพียงขุ่นเคืองแต่มิอาจเอื้อนเอ่ย คนผู้นั้นยังใจแคบ อาฆาตแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย…
จั่วอิ๋นหู่เห็นทุกคนตะลึง สายตาอำมหิตก็มองไปยังหลีเมิ่งซย่าที่ยังต่อสู้ “ข้านับถึงสาม หากเจ้ายังไม่ยอมจำนนแต่โดยดี หัวของเขาได้หลุดจากบ่าแน่! หนึ่ง!”
เสียงนับประหนึ่งเร่งเอาชีวิต สีหน้าหลีเมิ่งซย่าซีดเผือด ในที่สุดก็ยอมแพ้ แส้ยาวสีแดงเลือดในมือร่วงลงพื้น หลุบตาพูด “หยุด! ช่างเถิด!”
จั่วอิ๋หู่พึงพอใจยิ่งนัก ร่างเขาว่องไวปานสายฟ้าแลบ พุ่งตรงไปทางหลีเมิ่งซย่าทันที นิ้วมือร้ายกาจดังงูพิษกดไปใต้ซี่โครงของหลีเมิ่งซย่า
หากกดตรงจุดนั้น หลีเมิ่งซย่าไม่เพียงถูกจับกุม พลังวิญญาณในร่างกายก็จะถูกทำลาย ไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาได้อีก
สีหน้าคนอื่นแปรเปลี่ยน เพียงแต่สายเกินไปที่จะช่วยเหลือแล้ว
หลีเมิ่งซย่าหลับตาลง ไม่คิดหลบหนีสักนิดเดียว และในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ลำแสงสีขาวพลันพาดผ่านเข้ามา!
ลำแสงสีขาวนั้นปรากฏขึ้นกะทันหัน เมื่อจั่วอิ๋นหู่รู้สึกตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว ลำแสงสีขาวก็ตัดผ่านมือของเขาที่กดลงไป…
เลือดสาดกระเซ็น จั่วอิ๋นหู่ร้องโหยหวน มือขวาทั้งมือถูกลำแสงสีขาวตัดขาดร่วงหล่น!
“ใครกัน?! ไอ้สารเลวหน้าไหนกล้ามาลอบทำร้ายข้า?!” จั่วอิ๋นหู่เดือดดาลภายใต้ความเจ็บปวด ส่งเสียงตะโกนอย่างดุดัน
เขายังคิดว่าคนข้างกายของหลีเมิ่งซย่าลอบทำร้ายเขา สายตาจึงมองไปทางพวกเขาก่อน
นึกไม่ถึงว่าสายตาของคนเหล่านั้นต่างมองตรงไปที่บริเวณไม่ไกลเบื้องหลังเขา คล้ายประหลาดใจ คล้ายสุขใจ อีกทั้งคล้ายหวาดกลัว ท่าทีแปลกยิ่งนัก
ส่วนสายตาคนฝั่งเขาทางนี้ก็มองไปทิศทางนั้นเช่นกัน จากนั้นอ้าปากเล็กน้อย พวกเขาตะลึงงัน
หลีเมิ่งซย่าลืมตาขึ้นมองไปทางนั้นอย่างตกตะลึง ริมฝีปากสั่นเครือ
จั่วอิ๋นหู่เพียงรู้สึกหนังศีรษะเหน็บชา เขาหันกายมองไปทิศทางนั้นในทันที ตะลึงงันอยู่ไม่กี่วินาทีก็พลันโพล่งออกมา “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”
บริเวณไม่ไกลเบื้องหลังเขา คนสวมหน้ากากอาภรณ์ม่วงกับสตรีนางหนึ่งยืนสง่างามอยู่ตรงนั้น
อาภรณ์ม่วงปลิวไสว หน้ากากเงินทอประกาย ภายในดวงตาดังขุนเขาวารีคดเคี้ยว ยามนี้กำลังเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา หน้ากากบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นริมฝีปากบางๆ ยามนี้ริมฝีปากบางนั้นหยักยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มคล้ายเกียจคร้านและสบายอารมณ์
สตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขาอาภรณ์สีคราม สง่าดังเซียนสวรรค์ เย็นชาทว่างดงาม
ตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วมาถึงแล้ว
ตี้ฝูอีไม่แม้แต่จะมองจั่วอิ๋นหู่ สายตาร่อนลงบนร่างหลีเมิ่งซย่า “ประมุขหลี สบายดีหรือไม่?” น้ำเสียงแฝงความอบอุ่น
———————————————————————
บทที่ 1398 ตาเฒ่าอย่างท่านในที่สุดก็กลับมาแล้ว!
หลีเมิ่งซย่ามองเขาตาไม่กะพริบ และมองกู้ซีจิ่ว เดินหน้าสองก้าวแล้วถอยหลังอีกหนึ่งก้าว คล้ายประหลาดใจ คล้ายตื่นเต้น อีกทั้งคล้ายกับไม่เชื่อ พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่าน…ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?!”
ปลายนิ้วตี้ฝูอีมีป้ายหยกปรากฏออกมา หมุนวนอยู่ตรงนั้น “ประมุขหลี ป้ายหยกที่ข้าให้เจ้าเล่า? ก่อนหน้านี้ข้าบอกไว้ไม่ใช่หรือ ศีรษะขาดโลหิตหลั่งได้ ทว่าป้ายหยกไม่อาจสูญหาย?”
สายตาหลีเมิ่งซย่าพลันวาบไหว น้ำตาไหลพราก กระโจนไปอย่างดุดัน คุกเข่าลงต่อหน้าตี้ฝูอี แทบอยากจะไปกอดขาเขา “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ท่านมาแล้ว! เมิ่งซย่ารู้ดีว่าคนผู้นั้นเป็นตัวปลอม!”
ตี้ฝูอีใช้วิชาชำระล้างบนตัวนาง ในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าดังแมวลายตัวใหญ่ที่แท้จริงของหลีเมิ่งซย่า เมื่อสักครู่ตอนสถานการณ์ที่สิ้นหวังไม่เสียน้ำตาสักหยด ซ้ำยังดุร้ายดังหมาป่า เวลานี้กลับส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! เมิ่งซย่าคิดถึงท่านมาก! ฮือๆๆๆ”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เธอมองหลีเมิ่งซย่าที่เคยมีพลังและมีชีวิตชีวาท่านนี้ ยามนี้กลับมอมแมมไปทั้งตัว ความสกปรกบนร่างกายถึงแม้จะถูกชำระล้างไปแล้ว ทว่าหลังจากผ่านความยากลำบากมาเนิ่นนาน ผิวพรรณจึงหยาบกร้าน เส้นผมยุ่งเหยิงดังรังนก ตอนนี้น้ำตาไหลรินเป็นสายธาร ร้องไห้อย่างกับเด็กน้อย
นางร้องไห้พลางรายงาน “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ป้ายหยกถูกเจ้าคนผู้นั้นที่ปลอมตัวเป็นท่านทำลายแล้ว เขาบอกว่าต้องบอกลาอดีต ทั้งหมดต้องเปลี่ยนแปลง…”
ผู้อาวุโสกับยอดฝีมือที่ต่อต้านด้วยกันกับหลีเมิ่งซย่ายังถูกมัดไว้ตรงนั้น แขนเสื้อตี้ฝูอีพลันสะบัด ลำแสงสีขาวสาดส่อง จุดสกัดบนร่างกายของพวกเขาถูกคลายออก เชือกขาด เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้รู้แจ้งว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวจริง เป็นคนที่พวกเขาคุ้นเคย แต่ละคนตื่นเต้นยิ่งนัก ทันทีที่ถูกปลดปล่อยก็คุกเข่าอยู่ตรงนั้น ชายร่างสูงแปดฉื่อน้ำตาไหลอาบแก้ม โขกศีรษะคารวะไปทางเขา “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย! ตาเฒ่าอย่างท่านในที่สุดก็กลับมาแล้ว!
เหล่าผู้อาวุโสคุมกฎที่มาจับกุมต่างตกตะลึงเช่นกัน มองหน้ากันเหลอหลา
มองดูพวกตี้ฝูอี แล้วมองพวกหลีเมิ่งซย่าอีกครั้ง จากนั้นสายตาหมุนกลับมาอีกครั้ง ร่อนลงบนร่างของตี้ฝูอี…
ท้ายที่สุดคล้ายระลึกบางอย่างขึ้นมาได้ ต่างทยอยก้าวขึ้นมาคารวะ
จั่วอิ๋นหู่ทึมทื่อไปชั่วขณะ สีหน้าเขาเดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวซีด จากนั้นคล้ายตกตะลึง ตบหน้าขาไปหนึ่งฉาด “สวรรค์ ที่แท้ที่ประมุขหลีพูดถูกต้อง มีคนปลอมตัวเป็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ พวกเราต่างโง่งม ถูกหลอกลวงกันหมดแล้ว! คารวะท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”
เขาก็ตามทุกคนไปโขกศีรษะคารวะ เขาคุกเข่าลงไปแล้วกลับลุกไม่ขึ้น เนื่องจากตอนกำลังจะลุกขึ้นมีแรงกดดันไร้รูปลักษณ์กลางอากาศกดทับตัวเขา ทำให้เขาลุกขึ้นมาไม่ได้
เสียงของตี้ฝูอีดังขึ้นอย่างราบเรียบ “คนขายสหายเพื่อลาภยศละทิ้งคุณธรรม คู่ควรมาคุกเข่าต่อหน้าข้า คู่ควรมีชีวิตอยู่อีกรึ?”
ทั้งที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายยืนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด ทว่าร่างของจั่วอิ๋นหู่เสมือนถูกกดทับด้วยภูเขาลูกหนึ่ง ทำให้ร่างกายเขาโค้งงอลง หมอบอยู่ตรงนั้นเหมือนสุนัข
เขาถูกกดทับจนหายใจไม่ออก ตื่นตระหนกจนใบหน้าถอดสี ฝืนดิ้นรนเอ่ยว่า “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้ามีตาหามีแววไม่ จำท่านผิดไป ข้าสำนึกผิดแล้ว แต่ตัวปลอมผู้นั้นเหมือนท่านมากจริงๆ ข้าน้อยถูกหลอกลวง การตามล่าสังหารประมุขหลีก็ทำไปตามคำสั่ง…”
น้ำเสียงตี้ฝูอีเยือกเย็นดุจธารน้ำแข็ง “ทำตามคำสั่งมิผิด แต่ประมุขหลีมีบุญคุณชุบเลี้ยงเจ้ามา เจ้าจับกุมนางก็เพียงพอแล้ว ยังจะมากำเริบเสิบสานหน้าไม่อาย นี่คือท่าทีที่เจ้ามีต่อผู้มีพระคุณรึ? สาวกที่ไม่มีศีลธรรมเมตตาธรรมเยี่ยงนี้ จะอยู่ในหอเงาราตรีต่อไปได้อย่างไร?”
จั่วอิ๋นหู่อ้าปากค้าง เหงื่อออกปานสายฝน เอื้อนเอ่ยว่า “ข้าน้อย…ข้าน้อย…”
——————————————————————-