ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1414 (2)+(3)
บทที่ 1414 ตั้งตารอคอยลูกน้อยของตนเอง (2)
ครั้งนี้พวกเราพาสหายที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าอีกเจ็ดคนออกมาจากใจกลางตาค่ายนั้น เมื่อถึงเวลาก็จะกลายเป็นพลังสนับสนุนที่แท้จริง…สรุปคือ ข้าคิดว่าตอนนี้ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือถอนฟืนใต้กระทะ[1] ทำให้คนข้างกายเขาเหล่านั้นแตกแยก ประการแรก เพื่อให้ผู้คนรู้ว่าใครคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวจริง ประการที่สอง ทำให้คนข้างกายพวกเขาเข่นฆ่า ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง เมื่อใดมีโอกาสที่เหมาะเจาะ พวกเขาไม่เหลือลูกน้องไว้คอยสั่งการ ประชาชนและคนใกล้ชิดตีตัวออกห่างอย่างแท้จริง พวกเราค่อยจัดการไอ้พวกสุนัขตกน้ำ สังหารพวกเขาต่อหน้าประชาชี ถึงจะเรียกคืนชื่อเสียงของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายได้อย่างแท้จริง มีคำอธิบายให้แก่ประชาชน บรรเทาความคับแค้นใจของผู้คนได้…”
สี่ทูตกับหลีเมิ่งซย่าพยักหน้า เท่ากับว่ากู้ซีจิ่ววางทิศทางแผนการโดยรวมไว้ให้พวกเขาแล้ว พวกเขาเพียงแค่ต้องทำตามแผนการนี้ให้ดี ย่อมทยอยกันตกปากรับคำ
เนื่องจากต้องสอบสวนหลีเมิ่งซย่ายามรุ่งสาง เพื่อที่จะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น หลีเมิ่งซย่าจึงขอเป็นฝ่ายอยู่ต่อ
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ได้ ไอ้ตัวปลอมมีความคิดที่จะสังหารเจ้าแล้ว เจ้าอยู่ต่อถือเป็นการเสี่ยงชีวิตโดยใช่เหตุ ข้ามีข้อเสนอแนะ พวกเจ้าฟังข้า…”
…
วันถัดมา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมท่านนั้นอดรนทนไม่ไหวอยากสอบสวนหลีเมิ่งซย่ายิ่งนัก จึงให้ข้ารับใช้ไปนำตัวนางออกมาจากคุกใต้ดิน
ข้ารับใช้ผู้นั้นพาหลีเมิ่งซย่าออกมาจากคุกใต้ดิน ทว่าระหว่างทางที่เดินผ่านทะเลสาบที่เต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาต หลีเมิ่งซย่าดิ้นสลัดข้ารับใช้ที่มานำตัวนางไปอย่างรุนแรง จนพลัดตกลงไปกลางทะเลสาบที่มีทั้งวิญญาณอาฆาตและปลากินคน นางยังมีตรวนรัดบนร่างกาย หลังจากที่พลัดตกลงไปจนทะเลสาบเกิดเป็นระลอกคลื่นพลิกกลับ นางก็ไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมเดือดดาล สั่งการให้มู่เหลยไปช่วยเหลือ ผลคือกอบกู้ขึ้นมาได้เพียงแค่กระดูกไม่กี่ชิ้น แม้แต่ศพทั้งร่างก็กอบกู้กลับมาไม่ได้ ทำให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ แต่กลับไม่อาจทำสิ่งใดได้
…
ภายในห้องพักลับแห่งหนึ่งใจกลางเมือง กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนเตียง นิ้วมือทำมุทรา ประหนึ่งกำลังสั่งการอันใดอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งเธอลืมตาขึ้น อมยิ้มกรุ้มกริ่ม “สำเร็จลุล่วง!”
หลี่เมิ่งซย่าที่ยืนอยู่ข้างกายนางพลันทอดถอนใจยาวเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ นางมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความเลื่อมใส “ซีจิ่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังมีความสามารถควบคุมหุ่นเชิดระยะไกล ล้ำเลิศ! ล้ำเลิศจริงๆ! ว่าแต่หุ่นเชิดตัวนั้นไม่ใช่คนจริง กระโจนลงไปในน้ำเช่นนั้น ไม่รู้ว่าวิญญาณอาฆาตกับปลากินคนเหล่านั้นจะกินมันจนหมดสิ้นหรือไม่? หากไม่กินแล้วถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมกอบกู้ซากศพขึ้นมาได้ บางทีความลับอาจถูกเปิดเผย…”
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นพูด “วางใจเถิด หุ่นเชิดตัวนั้นมีเลือดเนื้อดุจร่างมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นเลือดเนื้ออันโอชาสำหรับปลากินคนกับวิญญาณอาฆาต ไม่ต้องพูดถึงเลือดเนื้อ เกรงว่าแม้แต่กระดูกก็อาจถูกแทะจนหมดสิ้น ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้อีกเป็นอันขาด วางใจเถิด”
ในระหว่างพูดคุย เธอได้รับข่าวที่มู่เหลยส่งกระแสเสียงมาให้ ‘ทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อย!’
ในที่สุดหลีเมิ่งซย่าก็คลายกังวลลงได้เสียที มองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาวาบไหว “ซีจิ่ว ขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร? สั่งการข้ามาได้เลย!” นางทนไม่ไหวอยากจะจัดการสุนัขตกน้ำแล้ว!
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วมีแผนการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว “ได้ เจ้าไปหาหลงซือเย่กับข้า”
หลีเมิ่งซย่าตกตะลึงเล็กน้อย “แล้วท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเล่า?” พวกเขาสองสามีภรรยาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยแยกจากเป็นเงาตามตัวกันไม่ใช่หรือ? วันนี้เช้ามาก็ไม่เห็นเขาเสียแล้ว
กู้ซีจิ่วกล่าว “เหตุการณ์กระชั้นเกินไป คนที่ต้องการให้ร่วมมือมากมาย เช้านี้ข้าปรึกษากับเขาเรียบร้อยแล้ว แยกกันเคลื่อนไหว เขาไปตามหาร่องรอยของเชียนเยวี่ยหร่าน ฮวาอู๋เหยียนและเทียนจี้เยวี่ย ข้าไปตามหาหลงซือเย่ ให้เขาลงจากเขามาช่วยเหลือ…”
หลีเมิ่งซย่าพยักหน้า ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว
หลงซือเย่วางตัวเป็นกลางมาตลอดสองปีที่ผ่านมา หลบตัวอย่างปลอดภัย อ้างว่าต้องบูรณะสำนักถามสวรรค์ที่ถูกไฟไหม้ ไม่เข้าร่วมเหตุการณ์ใดๆ ที่จัดขึ้นโดยทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย อาจเป็นไปได้ว่าในใจของเขาก็รู้สึกสงสัยทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมนี้ ทำได้เพียงอดทนหัวเดียวกระเทียมลีบ เลือกเอาตัวรอด ดังนั้น กู้ซีจิ่วจึงอยากเชิญเขาออกมาร่วมเผชิญหน้ากับมหันตภัยร้ายครั้งนี้ อย่างไรเสีย ทักษะทางการแพทย์ของหลงซือเย่ก็สูงส่ง หลอมโอสถช่วยเหลือบางคนที่ถูกควบคุมได้…
นี่คือความคิดของกู้ซีจิ่ว อย่างไรเสียเธอก็แต่งงานกับตี้ฝูอีแล้ว เพื่อป้องกันคนอื่นติฉิน เธอพาหลีเมิ่งซย่าไปหาหลงซือเย่ด้วยจะเหมาะสมกว่า
——————————————————————————
บทที่ 1414 ตั้งตารอคอยลูกน้อยของตนเอง (3)
กู้ซีจิ่วเรียนรู้วิชากระบี่เหินเวหาแล้ว เธอพาหลีเมิ่งซย่าไปสำนักถามสวรรค์รวดเร็วปานลมกรด
หลีเมิ่งซย่ายืนบนกระบี่ของกู้ซีจิ่วด้วยใบหน้าชื่นชม “ที่แท้พลังวิญญาณขั้นสิบก็เดินทางด้วยกระบี่ได้ อา…เดินทางเช่นนี้ช่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งนัก! มิน่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจึงไปไหนมาไหนอย่างลึกลับซับซ้อน ตอนเช้าอยู่อาณาจักเฮ่าเยว่ ตอนเย็นก็ไปปรากฏกายที่อาณาจักเฟยซิง ในตอนนั้นผู้คนยังคิดว่าเขามีตัวแทนอันใด ที่แท้เขาก็มีวิชาเหินเวหา ด้วยความเร็วเช่นนี้ คงไปถึงสำนักถามสวรรค์ได้ในเวลาหนึ่งชั่วยามกระมัง?”
กู้ซีจิ่วยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดจาอันใด
ตี้ฝูอีไม่เพียงแต่เป็นวิชาเหินเวหา เขายังเป็นวิชาดำดิน หากเขาต้องการแม้เส้นทางเป็นพันลี้ เขาก็ถึงจุดหมายได้ในเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา…
หลีเมิ่งซย่าดีอกดีใจ “จริงสิ ซีจิ่ว พวกเจ้าแต่งงานกันมาแปดปีเหตุใดจึงไม่มีลูก?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ใจกลางตาค่ายนั้นมีพลังวิญญาณพิเศษ ไม่มีทางมีลูกได้”
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเจ้าออกมาแล้วก็มีได้แล้วกระมัง? ข้ายังรอคอยเจ้าตัวน้อยเกิดมา ลูกของพวกเจ้าทั้งสองต้องเหนือธรรมดาอย่างแน่นอน…”
กู้ซีจิ่วยิ้ม ตบไหล่หลีเมิ่งซย่าเบาๆ “เจ้านี่ขี้ซุบซิบนินทาเสียจริง!”
หัวใจพลันสั่นไหว ความจริง เธอก็อยากมีลูกมากเช่นกัน ทั้งหน้าตาและสติปัญญาของเธอกับตี้ฝูอีล้วนเลิศล้ำ ลูกน้อยที่คลอดออกมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพียงแต่หลังจากที่ออกมาจากตาค่าย เธอกับเขาก็เริ่มจัดการเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้ ยุ่งจนแทบโงหัวไม่ขึ้น ไม่ได้สนใจเรื่องของตัวเองอีกเลย ถึงขั้นที่เมื่อคืนหลังจากทั้งสองกลับจากวังของไอ้ตัวปลอมก็เก็บข้าวของพักผ่อน ตี้ฝูอีก็ไม่ได้ประกอบกิจอันใดกับเธอ เพียงแค่นอนหลับรั้งเธอไว้ในอ้อมกอดเหมือนอย่างที่เคย
นับนิ้วคำนวณดูแล้ว เธอกับตี้ฝูอีออกจากใจกลางตาค่ายนั้นมาได้ห้าวันแล้ว ห้าวันมานี้ยุ่งจนเท้าไม่ได้แตะพื้นดิน ยังไม่ได้ประกอบกิจสร้างมนุษย์เลยนี่!
รอให้สะสางเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว เธอค่อยปรึกษาเรื่องมีลูกกับเขา…
เธอตั้งตารอคอยลูกน้อยของตนเองที่จะมาถึงแล้ว
…
เนื่องจากทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมีหูตามากมาย เพื่อที่จะตบตาผู้คน หลังจากกู้ซีจิ่วกับหลีเมิ่งซย่ารีบเดินทางไปถึงบริเวณใกล้เคียงกับสำนักถามสวรรค์ จึงแปลงโฉมเป็นลูกศิษย์สองคนของสำนักถามสวรรค์
วิชาแปลงโฉมของกู้ซีจิ่วไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า หลังจากแปลงโฉมแล้วก็เหมือนร่างต้นฉบับทุกประการ ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลมกลืนเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
ไม่ได้มาแปดปี ความรู้สึกกู้ซีจิ่วที่ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่อีกครั้งค่อนข้างซับซ้อน
ดูเหมือนว่าเพลิงไหม้เมื่อสองปีที่แล้วร้ายแรงยิ่งนัก สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของสำนักถามสวรรค์ถูกทำลายจนสิ้นซาก สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ถูกซ่อมแซมขึ้นมาใหม่แล้ว แต่มีบางส่วนที่ยังเป็นซากปรักหักพังอยู่ สภาพผันเปลี่ยนอันเวิ้งว้างราวกับพระราชวังฤดูร้อนเก่าหลังไฟไหม้ครั้งใหญ่
หลังจากกู้ซีจิ่วเข้ามาก็รู้สึกได้ในทันทีว่าลำดับชนชั้นระหว่างลูกศิษย์ในสำนักถามสวรรค์เข้มงวดกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก
อย่างไรเสีย หลงซือเย่ก็มีความคิดของคนสมัยใหม่ ดังนั้นถึงแม้เขาก่อตั้งสำนักถามสวรรค์ รับลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วน แต่ลำดับชนชั้นของสำนักถามสวรรค์แสนจะธรรมดา ความสัมพันธ์ระหว่างลูกศิษย์สนิทสนมกลมเกลียว ทว่าครั้งนี้กลับพบว่าลำดับชนชั้นระหว่างลูกศิษย์เหล่านี้แบ่งแยกชัดเจน ลูกศิษย์สองคนที่กู้ซีจิ่วกับหลีเมิ่งซย่าแปลงโฉมมาก็คือลูกศิษย์ระดับล่าง เป็นศิษย์หลานของศิษย์คนแรกของหลงซือเย่ นับว่าอาวุโสน้อยที่สุดในสำนักถามสวรรค์ ตำแหน่งสูงกว่าศิษย์ที่เพิ่งรับเข้าใหม่แค่เพียงเล็กน้อย
พวกนางกลับสำนักถามสวรรค์มาพร้อมกับเหล่าศิษย์พี่น้องกลุ่มเดิม ผลลัพธ์คือพวกนางโขกศีรษะคำนับไม่ได้หยุดหย่อน…
พบเจอเหล่าผู้อาวุโสของสำนักถามสวรรค์ต้องโค้งคำนับ พบเจอผู้พิทักษ์ต้องโค้งคำนับ พบเจอเหล่าศิษย์อาที่อาวุโสกว่าพวกเขาหนึ่งรุ่นก็ต้องโค้งคำนับ ถึงขั้นที่พบเจอหัวหน้าหมู่ก็ต้องคุกเข่าคำนับ…
คุกเข่าจนกู้ซีจิ่วแทบจะระแวงในชีวิตมนุษย์แล้ว!
ดังนั้น หลังจากเธอคุกเข่าติดต่อกันไปสี่รอบ จึงหลบหนีกับหลีเมิ่งซย่าทันที!
หากยังต้องคุกเข่าอีกต่อไป หัวเข่าเธอจะต้องบวมอย่างแน่นอน!
หลีเมิ่งซย่าก็มึนงงไปทั่วทั้งสมองแล้ว “นี่เจ้าสำนักหลงได้รับความกระทบกระเทือนอะไรมานี่? ลำดับชนชั้นพวกนี้เข้มงวดยิ่งกว่าในวังหลวงเสียอีก…”
กู้ซีจิ่วไม่พูดมากความ เพียงเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง “พวกเราไปพบเขาก่อนค่อยว่ากัน”
หลีเมิ่งซย่าปวดหัว “เจ้าก็เห็นแล้วใช่ไหม ลำดับชนชั้นของที่นี่เข้มงวดเช่นนี้ ในฐานะที่เจ้าสำนักหลงเป็นผู้นำสูงสุดของที่นี่ เกรงว่าคงจะพบตัวยากกว่าฮ่องเต้เสียอีก…”
————————————————————————————-
[1] ถอนฟืนใต้กระทะ กลยุทธ์ในสามก๊ก หมายถึง การพิเคราะห์เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกสงคราม ถ้ากองทัพมีน้อยกว่าควรพึงหาทางบั่นทอนขวัญและกำลังใจ ความฮึกเหิมของศัตรูให้ลดน้อยถอยลง