ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1472+1473
บทที่ 1472 เป็นฝ่ายจากเยี่ยนเฉินไปเอง…
นางซูบผอมลงทุกวัน จนในที่สุดเยี่ยนเฉินก็รู้ถึงความผิดปกติของนาง จึงเอ่ยถามสาเหตุ จิ้งจอกน้อยไม่ต้องการพูดถึงเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับมารดาเขา เลี่ยงไม่ให้ยั่วยุความรู้สึกระหว่างพวกเขาสองแม่ลูก อีกทั้งยังกลัวว่าเยี่ยนเฉินจะเสียสมาธิ ดังนั้นจึงส่ายหน้าไม่พูด เพียงบอกปัดว่าไม่คุ้นชินดินฟ้าอากาศ
มารดาเยี่ยนเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของจิ้งจอกน้อยมากกว่าเยี่ยนเฉินเสียอีก เมื่อเห็นนางซูบผอม จึงรีบส่งคนไปจัดหาของบำรุงที่ดีที่สุดมาบำรุงร่างกายจิ้งจอกน้อย หลายครั้งหลายคราที่นางเป็นคนตุ๋นน้ำแกงบำรุงด้วยตัวเอง นำมาส่งให้จิ้งจอกน้อยด้วยตัวเองต่อหน้าเยี่ยนเฉิน ทำให้เยี่ยนเฉินซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
และคิดว่าจิ้งจอกน้อยไม่คุ้นชินดินฟ้าอากาศจริงๆ จึงพานางออกไปผ่อนคลายจิตใจ เที่ยวเล่นเป็นเพื่อนนางอยู่หลายวัน จนทำให้จิ้งจอกน้อยกลับขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
ทว่าด้วยเหตุนี้จึงทำให้เยี่ยนเฉินฝึกฝนล่าช้าไปหลายวัน จนถูกบิดาเยี่ยนต่อว่าโขยงใหญ่!
แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นตัวต้นเรื่อง จิ้งจอกน้อยจึงถูกมารดาเยี่ยนต่อว่าต่อขานยกใหญ่เช่นกัน แทบจะชี้หน้าด่าทอนางว่าเป็นนางจิ้งจอกที่ทำให้จักรพรรดิไม่ออกว่าราชการ…
จิ้งจอกน้อยคิดมาตลอดว่าที่นางถูกว่ากล่าวตักเตือนเป็นเพราะว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอจริงๆ จึงพยายามปรับปรุงแก้ไข ทว่าต่อมานางจึงรับรู้ได้ว่า ไม่ว่านางจะทำดีเพียงใดก็ไม่มีทางถูกตาต้องใจมารดาเยี่ยนได้ เพราะอีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามนาง! เพียงแต่เห็นแก่หน้าลูกชาย จึงให้จิ้งจอกน้อยอยู่ในคฤหาสน์ต่อไป
‘พฤติกรรมมิชอบ’ ของมารดาจิ้งจอกน้อยเป็นบาปกำเนิด มารดาเยี่ยนไม่มีทางให้จิ้งจอกน้อยเป็นฮูหยินน้อยของคฤหาสน์ตระกูลเยี่ยนอย่างเด็ดขาด ที่นางคอยหาเรื่องจับผิดเยี่ยงนี้ก็เพื่อบีบบังคับให้จิ้งจอกน้อยยอมแพ้ต่อความยากลำบาก และละทิ้งความคิดที่จะแต่งงานกับเยี่ยนเฉิน เป็นฝ่ายจากเยี่ยนเฉินไปเอง…
จิ้งจอกน้อยทนทุกข์ทรมานที่คฤหาสน์ตระกูลเยี่ยนเป็นเวลาสามเดือน ในที่สุดก็เข้าใจจุดนี้อย่างทะลุปรุโปร่งเมื่อเหลิ่งอู๋ซวงปรากฏตัว
เหลิ่งอู๋ซวงมีชาติกำเนิดที่ดี ตระกูลเหลิ่งเป็นตระกูลขุนนางสูงศักดิ์มาหลายร้อยปี เหลิ่งอู๋ซวงก็เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าบ้านตระกูลเหลิ่ง รูปโฉมงดงามมิเป็นสองรองผู้ใด อุปนิสัยใจคอดี สง่างามอ่อนโยน ทุกท่วงท่ากิริยาล้วนแฝงความสง่างามมีชาติตระกูล
ตระกูลเหลิ่งกับตระกูลเยี่ยนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เจ้าบ้านตระกูลเหลิ่งกับเจ้าบ้านตระกูลเยี่ยนถึงขั้นเคยสาบานเป็นพี่น้องกัน ตอนเหลิ่งอู๋ซวงกับเยี่ยนเฉินยังไม่เกิด บิดามารดาของตระกูลทั้งสองยังพูดคุยกันเชิงล้อเล่นว่าหากทั้งสองตระกูลล้วนให้กำเนิดบุตรชายหรือบุตรสาวเหมือนกันก็ให้สาบานเป็นพี่น้องกัน เป็นพี่ชายน้องชายหรือพี่สาวน้องสาวร่วมสาบาน แต่หากเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ก็ให้แต่งงานเกี่ยวดองกัน
แน่นอนว่าตอนนั้นคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงคำพูดล้อกันเล่นเท่านั้น เมื่อล่วงเลยผ่านไปก็ลืมเสียแล้ว
ต่อมาทั้งตระกูลเหลิ่งย้ายถิ่นฐานไป เนื่องจากระยะทางที่ห่างไกล ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลค่อยๆ จืดจาง ไม่มีการไปมาหาสู่กันเป็นเวลาหลายปี
ทว่าครั้งนี้ ตระกูลเหลิ่งย้ายกลับมา เหลิ่งฮูหยินจึงพาลูกสาวเหลิ่งอู๋ซวงมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้เหลิ่งอู๋ซวงจะอายุไล่เลี่ยกันกับจิ้งจอกน้อย ทว่านางมีชาติตระกูลที่ดีกว่า วางตัวได้อย่างเหมาะสม เป็นที่โปรดปรานของมารดาเยี่ยนเป็นอย่างมาก ที่หาได้ยากไปกว่านั้นก็คือ เลื่องลือกันว่าเหลิ่งอู๋ซวงมีสายเลือดของเผ่าจิ้งจอกคราม!
ท่านยายของเหลิ่งอู๋ซวงเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เคยเป็นสาวใช้ของประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม
ประมุขเผ่าจิ้งจอกครามเคยติดหนี้น้ำใจท่านตาของเหลิ่งอู๋ซวง จึงจับคู่สาวใช้ข้างกายให้กับเขา จากนั้นก็ให้กำเนิดมารดาของเหลิ่งอู๋ซวง…
สายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามสูงส่งลึกลับ หากมีสายเลือดของชนเผ่านี้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้คนอิจฉาได้เป็นที่สุดแล้ว เล่าขานกันว่าชายหนุ่มทั่วไปในทวีปนี้หากได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกคราม จะเพิ่มพูนพลังวิญญาณได้อย่างยิ่งยวด ได้ผลยิ่งกว่าแต่งงานกับเตาหลอมโอสถเสียอีก
ว่ากันว่าพลังวิญญาณของท่านตาเหลิ่งอู๋ซวงในช่วงวัยเยาว์แสนจะธรรมดา หลังจากที่แต่งงานกับสาวใช้ผู้นั้น พลังวิญญาณของเขาฝ่าทะลวงจากขั้นห้าไปเป็นขั้นแปดในช่วงระยะเวลาสามปี กลายเป็นตำนานเล่าขานที่น่ายกย่องในยุคสมัยนั้น
อีกทั้งยังกล่าวกันอีกว่าทุกคนที่มีสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามล้วนได้รับการปกป้องจากเผ่าจิ้งจอกครามอย่างลับๆ เจริญก้าวหน้า ทั้งตระกูลนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
————————————————————————–
บทที่ 1473 เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ปีนั้นมารดาของหลานไว่หู่ให้กำเนิดนางโดยมิได้แต่งงาน เนื่องจากบอกว่านางแซ่หลาน ซ้ำยังตั้งชื่อว่าไว่หู่ นี่จึงทำให้บิดามารดาของเยี่ยนเฉินมีความหวังเล็กๆ หวังว่าบิดาของหลานไว่หู่จะเป็นคนในเผ่าจิ้งจอกคราม เช่นนี้หลานไว่หู่ก็จะมีสายเลือดพิสุทธิ์ของเผ่าจิ้งจอกครามอยู่ ดังนั้นพวกเขาสามีภรรยาจึงรับเลี้ยงหลานไว่หู่ไว้ เฝ้าสังเกตการณ์นางเงียบๆ อยู่หลายปี พบว่านางไม่มีลักษณะเฉพาะของเผ่าจิ้งจอกครามเลยสักนิด จึงละทิ้งความมุ่งมาดปรารถนานี้ไป
ที่ปีนั้นพวกเขาส่งหลานไว่หู่เข้าสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ประการแรกเพราะหลานไว่หู่มีพรสวรรค์ ประการที่สองคือคิดจะหาบริวารดีๆ สักคนให้บุตรชาย รู้สึกด้วยความเมตตาที่พวกเขามีให้หลานไว่หู่ วันหน้าหลานไว่หู่ต้องยอมตายเพื่อปกป้องเยี่ยนเฉิน เป็นแขนเป็นขาให้เยี่ยนเฉินได้ กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยนเฉินจะตกหลุมรักหลานไว่หู่เข้า เรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาสามีภรรยา
บุตรชายผู้มีพรสวรรค์เป็นอัจฉริยะที่ยากจะพบพานได้ในรอบร้อยปี ซ้ำยังมีความสามารถถึงเพียงนี้ สามีภรรยาตระกูลเยี่ยนจึงปลาบปลื้มยินดียิ่ง บุตรชายคนนี้คือความภูมิใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่าต่อให้เป็นเทพธิดา บุตรชายของพวกเขาก็คู่ควรพอ ย่อมไม่ยอมหมั้นหมายจับคู่ให้เขาส่งๆ อยู่แล้ว แม้แต่เรื่องหมั้นหมายที่คุยเล่นกับเหลิ่งอู๋ซวงไปนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเช่นนั้น ถึงอย่างไรเหลิ่งอู๋ซวงก็มีเพียงสายเลือดของเผ่าจิ้งจอกคราม แท้จริงแล้วพลังวิญญาณยังคงธรรมดาสามัญ มีพลังวิญญาณเพียงขั้นห้าเท่านั้น…
พวกเขาคิดว่าบุตรชายของพวกตนล้ำเลิศถึงเพียงนี้ จะต้องสามารถหาอัจฉริยะหญิงชาติตระกูลดีสักคนกลับมาจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ มาเป็นสะใภ้ของพวกเขาได้ กลับไม่นึกเลยว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับหลานไว่หู่! ยามที่เยี่ยนเฉินเพิ่งกลับมา ด้วยเกรงว่าบิดามารดาจะคัดค้านการแต่งงานนี้ จึงพูดคุยกับบิดามารดาเป็นการส่วนตัวครั้งหนึ่ง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชาตินี้ถ้ามิใช่หลานไว่หู่เขาจะไม่แต่ง หากว่าบิดามารดาเยี่ยนไม่ยอมรับ เขาจะพาหลานไว่หู่จากตระกูลเยี่ยนไปสร้างเนื้อสร้างตัวเอง…
เนื่องจากมีประโยคนี้วางอยู่เบื้องหน้า สามีภรรยาตระกูลเยี่ยนย่อมไม่กล้าคัดค้านการแต่งงานนี้ และไม่กล้าเกลี้ยกล่อมบุตรชาย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหันเหความคิดไปที่หลานไว่หู่…
ด้วยเหตุนี้ มารดาเยี่ยนจึงคิดจะบีบให้หลานไว่หู่เป็นฝ่ายจากไปเอง
หลานไว่หู่ที่น่าสงสารยังนึกอยู่ว่าตนทำไม่ดีที่ตรงไหน นางได้รับความอยุติธรรมสารพัด กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมมากมายไว้ อยากได้รับความโปรดปรานจากมารดาเยี่ยน นั่นเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ในความฝันที่ไม่ปะติดปะต่อกันของจิ้งจอกน้อย ล้วนเป็นฉากที่ถูกมารดาเยี่ยนกลั่นแกล้งด่าทออยู่ที่นั่น ทำให้กู้ซีจิ่วที่เป็นคนนอกและคอยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก!
จิ้งจอกน้อยไร้เดียงสา แต่กู้ซีจิ่วไม่ได้ไร้เดียงสา! ลูกคิดรางแก้วของมารดาเยี่ยน เธอมองแค่ไม่กี่ฉากก็คาดเดาได้เกือบหมดแล้ว!
เห็นจิ้งจอกน้อยในความฝันถูกว่ากล่าวติเตียนจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อกลับไปที่ห้องตนยังคงพยายามพิจารณาตัวเองดูอย่างสุดชีวิต กู้ซีจิ่วก็อยากจะเข้าไปปลุกสาวน้อยคนนี้ให้ตื่น อยากเข้าไปโอบกอดนาง…
วันคืนที่หลานไว่หูถูกกลั่นแกล้งเหล่านั้น กู้ซีจิ่วยังคงติดอยู่ในตาค่ายแห่งนั้น
ปีนั้นหากว่าตอนที่เธออยู่ด้านนอก ขอเพียงจิ้งจอกน้อยใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อเธอสักสองสามครั้ง เธอคงสามารถคาดเดาสิ่งที่สาวน้อยคนนี้ประสบพบพาน เสนอความเห็นให้นาง และสร้างฉากพลิกสถานการณ์อันงดงามให้ได้ คงไม่ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้…
สุดท้ายแล้วหลานไว่หู่พบพานอะไรเข้า? ถึงทำให้นางหักใจตัดสัมพันธ์กับเยี่ยนเฉินอย่างเด็ดขาด แล้วมาหมั้นกับหลานเยวี่ยแทน?
กู้ซีจิ่วอดทนมองต่อไป
ในฉากสุดท้าย เหลิ่งอู๋ซวงได้ออกโรงมากขึ้น
น่าจะเป็นเพราะมารดาเยี่ยนรู้สึกว่าถึงอย่างไรเหลิ่งอู๋ซวงก็มีชาติตระกูลกว่าหลานไว่หู่ จึงเริ่มเปิดใจรับเหลิ่งอู๋ซวงมาเป็นสะใภ้ของพวกเขาแล้ว
ต้องกล่าวเลยว่ามารดาเยี่ยนเป็นผู้เชี่ยวชาญการแก่งแย่งชิงดีในครอบครัวโดยแท้ มีชั้นเชิงในการเล่นงานคนยิ่งนัก ช่ำชองกระบวนท่าสังหารคนโดยไม่ต้องหลั่งโลหิต
เพื่อกระตุ้นหลานไว่หู่ นางจึงเริ่มเชิญเหลิ่งอู๋ซวงมาเที่ยวเล่น ส่วนเหลิ่งอู๋ซวงก็ถูกตาต้องใจเยี่ยนเฉิน ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
——————————————————————————