ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1480+1481
บทที่ 1480 หากฝ่ายหนึ่งตายจาก โลงศพจะถูกฝังไว้ข้างๆ
หลานไว่หู่จับต้นชนปลายไม่ถูก หลานเยวี่ยจึงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าจิ้งจอกครามให้นางฟัง
บุคคลผู้สูงศักดิ์ในเผ่าจิ้งจอกครามย่อมต้องเป็นประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม ทว่าผู้มีอำนาจ มีความสามารถมากที่สุดกลับเป็นราชครู ซึ่งเทียบเท่ากับบทบาทของสมเด็จพระสังฆราช สามารถตัดสินใจปลดและแต่งตั้งประมุขเผ่าจิ้งจอกครามได้
อีกทั้งเผ่าจิ้งจอกคราม บุรุษมากสตรีน้อย มีกฎเกณฑ์ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างหนึ่งคือ สตรีที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของเผ่าจิ้งจอกครามแต่งงานกับคนนอกได้ ทว่าบุรุษของเผ่าจิ้งจอกครามกลับไม่ได้รับอนุญาตให้มีความสัมพันธ์กับสตรีนอกเผ่า
ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าจิ้งจอกครามยังมีกฎผัวเดียวเมียเดียว ทั้งชีวิตแต่งงานได้เพียงกับแค่คนเดียวเท่านั้น หากฝ่ายหนึ่งตายจาก โลงศพจะถูกฝังไว้ข้างๆ เพื่อแสดงความรักใคร่ทั้งหมด
ฐานะราชครูหลานสูงส่ง ว่ากันตามเหตุผล เขาควรแต่งงานกับองค์หญิงสูงศักดิ์ที่สุดของเผ่าจิ้งจอกคราม ทว่าเขากลับจับพลัดจับผลูไปตกหลุมรักมนุษย์หญิงผู้หนึ่ง หญิงผู้นั้นก็คือมารดาของหลานไว่หู่
ราชครูหลานได้พบมารดาของหลานไว่หู่โดยบังเอิญขณะที่เขาปกปิดฐานะตนเองเดินทางไปนอกเผ่า และเป็นรักแรกพบ
ราชครูหลานย่อมรู้ดีว่าเรื่องนี้จะก่อให้เกิดการต่อต้านทั้งเผ่าจิ้งจอกคราม ทว่าอย่างไรเสียเขาก็มีวิธี หาทางเปลี่ยนสายเลือดของนางอันเป็นที่รัก ให้นางมีรูปลักษณ์คล้ายคนเผ่าจิ้งจอกคราม พาเข้าไปภายในดินแดนของเผ่าจิ้งจอกครามแล้วแต่งงานกันอย่างราบรื่น
ยามมารดาหลานตั้งครรภ์ ราชครูหลานทราบเพศของลูกตนเองล่วงหน้า เพื่อให้ลูกของตนมีที่พึ่งพิงสุดท้ายที่ดีที่สุด เขาตั้งใจเสนอเรื่องการแต่งงานนี้กับประมุขเผ่าจิ้งจอกครามเป็นพิเศษ ตอนนั้นหลานเยวี่ยอายุแปดขวบ โดดเด่นเป็นสง่า เผยให้เห็นพรสวรรค์มากมาย ถูกแต่งตั้งให้เป็นทายาท หากไม่มีเหตุการณ์ใดผิดพลาด เขาจะเป็นประมุขเผ่าจิ้งจอกครามในอนาคต
ประมุขเผ่าจิ้งจอกครามย่อมต้องการเกี่ยวดองกับราชครูหลานเช่นกัน เขาพึงพอใจกับการหมั้นหมายนี้เป็นอย่างมาก จึงตอบตกลงและจัดพิธีหมั้นหมายพิเศษของเผ่าจิ้งจอกครามให้เด็กทั้งสองล่วงหน้า ดังนั้นหลานไว่หู่ที่ยังอยู่ในครรภ์มารดากับหลานเยวี่ยในวัยเยาว์จึงหมั้นหมายกัน บนร่างกายของแต่ละคนจึงมีสัญลักษณ์พิเศษ
ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ตัวตนของมารดาหลานถูกเปิดเผย ก่อให้เกิดการต่อต้านจากทั้งเผ่าจิ้งจอกคราม ตำแหน่งราชครูหลานจึงเริ่มสั่นคลอน
หลังจากนั้นมารดาหลานหนีไปในค่ำคืนจันทรามืดมิด พายุลมโหม ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวคราว ไม่มีใครรู้ว่านางไปไหนแล้ว
ส่วนราชครูหลานกลับสูญเสียความทรงจำอย่างแปลกประหลาด จดจำเรื่องราวของมารดาหลานไม่ได้ จึงไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขา เขายังคงเป็นราชครูหลานผู้สูงส่ง ช่วยเหลือประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม
จนกระทั่งก่อนหน้านี้หนึ่งปี ราชครูหลานฝึกฝนจนถูกธาตุไฟเข้าแทรก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าความทรงจำฟื้นคืนกลับมาในช่วงเวลาก่อนสิ้นลมหายใจ จดจำมารดาหลานขึ้นได้ เขาจึงเรียกหลานเยวี่ยเข้าไปพบเพื่อบอกเรื่องราวเหล่านี้ให้ทราบ ฝากฝังให้ตามหาภรรยากับบุตรสาวของตน และใช้วิชาลับของราชครูบนร่างหลานเยวี่ย ขอเพียงแค่หลานเยวี่ยตามหาบุตรสาวเขาพบ พานางกลับมาอย่างปลอดภัยและรับนางเป็นภรรยา เขาจึงจะได้รับสืบทอดเป็นประมุขเผ่าจิ้งจอกคราม มิเช่นนั้น ชั่วชีวิตนี้เขาก็อย่าได้คิดจะได้สืบทอดตำแหน่งประมุขเผ่าจิ้งจอกครามอีกเลย
ยามหลานเยวี่ยรับทราบเรื่องการหมั้นหมายนี้ก็รู้สึกดุจมีเสียงฟ้าผ่ากลางศีรษะไปแล้ว ซ้ำยังถูกราชครูหลานใช้สัญญานี้บีบบังคับ ยิ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยว จึงถามราชครูกลับ “เวลาล่วงเลยไปเนิ่นนานเช่นนี้แล้ว บางทีลูกสาวของท่านอาจออกเรือนไปแล้วก็ได้ หรือว่าหากนางออกเรือนแล้วข้าก็ต้องยื้อแย่งนางมาแต่งงานให้ได้งั้นหรือ?”
ราชครูหลานกล่าว “หากนางออกเรือนหรือมีคนในใจอยู่แล้ว เจ้าก็ปรึกษากับนางให้ยกเลิกการหมั้นหมายนี้ได้ ขอเพียงแค่พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายต่างยินยอม สัญญาการหมั้นหมายนี้ย่อมยกเลิกได้โดยอัตโนมัติ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ถูกกฎเกณฑ์นี้ผูกมัดอีกต่อไป”
เมื่อราชครูพูดจบก็วางใจตายตาหลับ หลงเหลือเรื่องราวอุรุงตุงนังเช่นนี้รอให้หลานเยวี่ยไปจัดการ
เพื่อตำแหน่งประมุขเผ่าในอนาคต เพื่อฟื้นคืนอิสรภาพของร่างกาย หลานเยวี่ยจึงได้ฝืนทนอดกลั้นออกตามหาหลานไว่หู่…
——————————————————————–
บทที่ 1481 มารดาเยี่ยนมาเยือน
แต่คลื่นมนุษย์กว้างใหญ่ไพศาล ต้องการตามหาคนที่ยามนั้นยังอยู่ในครรภ์มารดาอยู่เลยย่อมยากเย็นเข็ญใจยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือราชครูหลานผู้นี้พึ่งพาไม่ค่อยได้เลยจริงๆ เขากับมารดาหลานครองรักกันจนแม้กระทั่งบุตรก็ใกล้จะลืมตาดูโลกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่ทราบเลยว่าบ้านเกิดของมารดาหลานคือที่ไหน บอกเพียงว่าปีนั้นทั้งสองคนบังเอิญพบกันยามที่ท่องอยู่ในยุทธภพ…
หลานเยวี่ยตามหาคู่หมั้นในตำนานผู้นี้มาปีครึ่งแล้ว หากมิใช่ตรานี้บนร่างเขายังอยู่ตลอดมา เขาแทบนึกว่าคู่หมั้นผู้นี้ลาโลกไปเสียแล้ว!
หลานเยวี่ยเล่าอย่างฉาดฉาน ในที่สุดก็อธิบายทุกอย่างนี้จนกระจ่างแล้ว จากนั้นก็มองจิ้งจอกน้อย “ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะว่าข้าเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร? มีอะไรอยากพูดไหม?”
ปฏิกิริยาตอบสนอของจิ้งจอกน้อยในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเชื่องช้าไปหลายจังหวะ เอ่ยถามไปตามสัญชาตญาณ “อะไรนะ…ความเห็นอะไร?”
หลานเยวี่ยมองนางโดยไม่พูดอะไร
ปฏิกิริยาตอบสนองของกู้ซีจิ่วกลับมาแล้ว “อันที่จริงเจ้าตามหาข้าเพื่อถอนหมั้นสินะ? ง่ายมาก ข้าเห็นด้วย”
หลานเยวี่ยกระอักกระอักอยู่ครู่หนึ่ง หรี่ตามองนาง “แค่นี้หรือ?”
จิ้งจอกน้อยนิ่งไปพักหนึ่ง ช้อนตามองเขา “บิดาข้าเป็นราชครูเผ่าจิ้งจอกครามจริงๆ หรือ?”
“ของแท้แน่นอน”
“เจ้าไม่ได้จำผิดใช่ไหม? บนร่างข้านอกจากปานนี้แล้วไม่มีสัญลักษณ์อื่นๆ ของเผ่าจิ้งจอกครามเลยนะ บางทีอาจเป็นแค่ปานที่ดูคล้ายกันเท่านั้น…”
หลานเยวี่ยส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ “ถึงอย่างไรเจ้าก็มีสายเลือดของมนุษย์อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือมารดาของเจ้าก็ไม่ธรรมดายิ่งนัก นางเคยเรียนกรู้เวทวิชาเฉพาะของเผ่าจิ้งจอกครามกับราชครูหลานมาบ้าง นางปกปิดอย่างมิดชิดเพื่อไม่ให้ผู้ใดหาพบ จึงผนึกสัญลักษณ์พิเศษของเผ่าจิ้งจอกครามบนร่างเอาไว้โดยเฉพาะเท่านั้น”
“เจ้ารู้ได้ยังว่ามิใช่เดิมทีข้าก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่เป็นถูกผนึกไว้?”
หลานเยวี่ยมองนาง “เจ้าคิดว่าตัวข้าที่จับสังเกตเจ้ามานานถึงเพียงนี้เป็นคนตาบอดหรืออย่างไร? คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่อย่าได้ฝันว่าจะเล็ดรอดจากสายตาของข้าได้! หากเจ้าไม่เชื่อ รัชทายาทอย่างข้าสามารถปลดผนึกบนร่างเจ้าให้ได้นะ”
เขาทำมุทรา มีแสงสีครามห่อหุ้มจิ้งจอกน้อยเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เก็บมือ “เรียบร้อยแล้ว”
หลานไว่หู่มองตัวเอง ไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไป จึงมองเขาอย่างสงสัย
หลานเยวี่ยถอนหายใจ “ดูท่าเจ้าคงไม่รู้ว่าสัญลักษณ์ของเผ่าจิ้งจอกครามคืออะไร” เขาลุกขึ้นยืน หมุนตัวเบาๆ คราหนึ่ง รอบกายคล้ายมีแสงสีครามห่อหุ้มไว้ เมื่อแสงสีครามสลายไป รูปโฉมของเขาก็เปลี่ยนไป
นัยน์ตาดอกท้อคงเดิมหางตาเรียวเฉี่ยวขึ้นมา ม่านตากลายเป็นแนวตั้ง มีระลอกแสงเย้ายวนดั่งภูตมาร จมูกโด่งกว่าเก่า ริมฝีปากฉ่ำวาวยิ่งขึ้น อาภรณ์บนร่างก็กลายเป็นสีครามสมุทร บนอาภรณ์มีลายจิ้งจอกเลี้ยวลดคดเคี้ยว ราวกับหางจิ้งจอกที่โบกพลิ้ว
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ายังคงเป็นคนผู้นั้น ทว่ากลิ่นอายกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนเป็นทรงเสน่ห์เย้ายวน งดงามจนทำให้คนหยุดหายใจ
ยามที่เขาเป็นหลานเยวี่ยมนุษย์ธรรมดา จะอ่อนน้อมสง่างาม สุภาพดุจหยก
ยามนี้เป็นเปลี่ยนเป็นรัชทายาทเผ่าจิ้งจอกครามแล้ว กลับแฝงความงามเย้ายวนที่ล่อลวงใจคนได้เอาไว้ ราวกับถ้ามองเขามากไปสักแวบก็จะถูกเขาดูดวิญญาณเอาได้ และกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นมากนัก มีท่วงท่าของผู้เป็นราชันประการหนึ่ง
“คนเผ่าจิ้งจอกครามทราบวิชาเปลี่ยนร่าง นี่เป็นรูปโฉมที่แท้จริงของประมุขอย่างข้า หล่อเหลายิ่งนักใช่ไหม?”
หลานไว่หู่พยักหน้า “งดงามที่สุด” พลางมองตัวเอง “ข้าก็ใช้วิชาเปลี่ยนร่างได้หรือ?”
หลานเยวี่ยหัวเราะเบาๆ “ข้าผู้เป็นรัชทายาทจะคืนร่างเดิมให้เจ้าก่อนแล้วกัน อันที่จริงข้าก็สนใจใคร่รู้ยิ่งนักว่าร่างเดิมของเจ้าจะเป็นเช่นกัน” พลางสะบัดแขนเสื้อเบาๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อจิ้งจอกน้อยได้เห็นตัวเองในกระจกก็เหม่อลอยไปพักหนึ่ง
รูปโฉมของนางที่อยู่ในกระจกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลนัก นัยน์ตาที่เดิมทีกลมโตเป็นรูปผลซิ่งก็กลายเป็นนัยน์ตาจิ้งจอกเรียวเฉี่ยวเช่นเดียวกัน ม่านตาเป็นขีด นัยน์ตาสีไพลินส่องประกาย จมูกโด่งริมฝีปากแดง เดิมทีรูปร่างของนางค่อนข้างแบนราบ ทรวงอกค่อนข้างเล็ก ยามนี้กลับอกผายเอวคอด โค้งเว้าเย้ายวน เรียกขานว่านางมารได้เลย
——————————————————————————