ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1482+1483
บทที่ 1482 มารดาเยี่ยนมาเยือน 2
อาภรณ์บนร่างที่เดิมทีเป็นสีขาวก็กลายเป็นสีครามสดใส ตรงชายกระโปรงปักลายหางจิ้งจอกฟูฟ่องไว้ หางจิ้งจอกนั้นดูทรงเสน่ห์มากชั้นเชิงกว่าหางจิ้งจอกบนอาภรณ์ของหลานเยวี่ยเสียอีก ยามที่ร่างกายนางเคลื่อนไหวเล็กน้อย ชายกระโปรงจะกระเพื่อมเบาๆ ราวกับหางจิ้งจอกที่โบกสะบัดไปตามสายลม
หลานเยวี่ยค่อยๆ กวาดสายตาเพ่งพิศนาง จดจ้องที่ม่านตาขีดสีไพลินของนาง หางจิ้งจอกตรงชายกระโปรง…ความประหลาดใจพาดผ่านนัยน์ตาแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงเลย…” กล่าวถึงตรงนี้ก็นิ่งไป
จิ้งจอกน้อยยังคงประหม่าอยู่บ้าง “นึกไม่ถึงอะไรหรือ?”
“นึกไม่ถึงเลยว่าสายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามของเจ้าจะบริสุทธิ์ยิ่งนัก”
จิ้งจอกน้อยเม้มริมฝีปาก “บริสุทธิ์กว่าเหลิ่งอู๋ซวงอีกหรือ?”
หลานเยวี่ยดูหมิ่น “นางไม่อาจเทียบกับเจ้าได้ ไม่คู่ควรจะยกรองเท้าให้เจ้าเลยด้วยซ้ำ นางมีสายเลือดของเผ่าจิ้งจอกครามเพียงน้อยนิดเท่านั้น ส่วนเจ้ากลับเป็น…สายเลือดเผ่าจิ้งจอกครามที่บริสุทธิ์ที่สุด…ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นธิดาของราชครูหลาน รูปโฉมจึงคล้ายคลึงเขาที่สุด”
ที่เผ่าจิ้งจอกคราม สายเลือดที่สูงส่งที่สุดก็คือสายเลือดของราชครูหลาน ถึงขั้นสูงส่งกว่าประมุขเผ่าเสียอีก
ราชครูหลานมีอิทธิฤทธิ์สูงส่งโดยกำเนิด ไม่นึกเลยว่าถึงเขาจะครองคู่กับมนุษย์ สายเลือดของเด็กที่กำเนิดออกมาก็ยังคงบริสุทธิ์ปานนี้อยู่ ที่หาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือพลังวิญญาณก็บริสุทธิ์ยิ่งนักเช่นกัน เด็กที่มีสายเลือดเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก!
หากนางกลับสู่เผ่าจิ้งจอกครามด้วยรูปโฉมที่แท้จริง คาดว่าชายโสดทั้งเผ่าจิ้งจอกครามคงคลั่งไคล้นางกันหมด ปรารถนาจะแต่งนางเป็นภรรยา!
หลานไว่หู่ไม่รู้เลยว่าสายเลือดของตนก่อให้เกิดระลอกคลื่นบางอย่างขึ้นในใจหลานเยวี่ยแล้ว นางหลุบตาลง “แต่มารดาของเขากลับบอกว่าข้าชั้นต่ำที่สุด…”
“นั่นเป็นนางตาบอดเอง!” น้ำเสียงหลานเยวี่ยอ่อนโยน
“นางบอกว่าบุตรชายของนางมีเพียงคนที่เชื้อสายสูงส่งเท่านั้นถึงจะคู่ควร ข้าเป็นนกกระจอกที่เข้าไปในรังพญาหงส์…บอกว่าข้าชั้นต่ำ ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นสาวใช้ของเหลิ่งอู๋ซวงด้วยซ้ำ ยามที่ข้าจมอยู่ในสระเหลิ่งอู๋ซวงยังส่งกระแสเสียงมาหาข้าด้วย ให้ข้าสำเหนียกเสียบ้าง ชาตินี้พี่เยี่ยนเฉินเป็นเพียงของนางเท่านั้น เนื่องจากมีแต่นางเท่านั้นที่คู่ควรกับเขา…”
หล่านไว่หู่บ่นกับตัวเอง จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “หากว่ามารดาเขาทราบฐานะของข้าเข้าต้องสำนึกเสียใจเป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจมาขอความเมตตาจากข้า ไม่ดูแคลนข้าอีก…”
ใบหน้าหล่อเหาของหลานเยวี่ยเคร่งขรึมขึ้นมา “อะไรกัน? เจาคิดจะใช้ฐานะของเจ้าไปสั่นคลอนนางอีกครั้ง ให้นางยอมรับเจ้าหรือไง?”
หลานไว่หู่ส่ายศีรษะ “ไม่เอา!”
หลานเยวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นเจ้าจะทำยังไงต่อ?”
หลานไว่หู่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์”
หลานเยวี่ยยิ้ม ทว่าแววตากลับไม่ได้ยิ้มสักเท่าใด “เจ้ารู้สึกว่าเยี่ยนเฉินไม่ใช่คนเช่นนั้น เขาจะต้องไปตามหาเจ้าที่สำนักใช่ไหม?”
หลานไว่หู่หลุบตาลงไม่พูดอะไร เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ความรักที่บ่มเพาะมามิใช่จะตัดขาดได้ง่ายดายปานนั้น นางชิงชังมารดาของเยี่ยนเฉิน แต่กลับชังเยี่ยนเฉินไม่ลง เพียงแค่ผิดหวังยิ่งนัก คับข้องหมองใจมาก…
หบานเยวี่ยต้อนถามต่อ “หากว่าเขาไปหาเจ้าที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เจ้ายังจะไปกับเขาอีกไหม?”
คราวนี้หลานไว่หู่ส่ายหน้าอย่างรวดเร็วนัก “ข้าจะไม่ไปจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อีกแล้ว!” นางไม่คิดจะล่วงเข้าประตูใหญ่ตระกูลเยี่ยนอีกแล้ว เอาเกี้ยวแปดคนหามมาเชิญนางก็ไม่ไป!
หลานเยวี่ยหรี่ตาเล็กน้อย นางบอกว่าจะไม่ไปจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ แต่ไม่ได้บอกว่าจะตัดขาดกับเยี่ยนเฉินอย่างแน่นอน…
“ไว่หู่ เจ้ายังคงคาดหวังในตัวเยี่ยนเฉินอยู่ใช่หรือไม่? ยังคงหวังให้เขามาหาเจ้าสินะ?” หลานเยวี่ยถามออกมาตรงๆ
จิ้งจอกน้อยตะลึงงัน ไม่พูดอะไร
น้ำเสียงหลานเยวี่ยเยียบเย็นเล็กน้อย “เจ้าเป็นคนเผ่าจิ้งจอกคราม เด็กสาวเผ่าจิ้งจอกครามล้วนแต่มีเกียรติ เจ้าไม่มีความเด็ดเดี่ยวขนาดนี้เชียวหรือ? ถ้าเขาเอ่ยขอโทษเจ้าแค่ไม่กี่ประโยค เจ้าก็จะอภัยให้เขาอย่างปรีดาแล้วใช่ไหม?”
—————————————————————————
บทที่ 1483 มารดาเยี่ยนมาเยือน 3
หลานไว่หู่สูดหายใจนิดๆ ส่ายหน้าให้ “ไม่!” นางรู้ว่าเยี่ยนเฉินจะมาหานางแต่บาดแผลของนางสาหัสเกินไป ไม่อยากพบเขาชั่วคราว
หลานเยวี่ยแย้มยิ้ม “เจ้ามั่นใจว่าเยี่ยนเฉินจะมาหาเจ้าโดยเร็วสินะ?”
หลานไว่หู่เชิดหน้า “เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?” นางมั่นใจจริงๆ เยี่ยนเฉินชอบนาง ไม่ทิ้งขว้างไม่ไยดีนางเนิ่นนานถึงเพียงนั้นหรอก จะโทษก็ต้องโทษคนในครอบครัวของเขาที่ไม่ดี บ้าอำนาจเกินไป
หลานเยวี่ยดีดเล็บทีหนึ่ง “เด็กน้อยที่น่าสงสาร ข้าพนันได้เลยว่าเขาจะไม่มาหาเจ้าภายในสิบวัน ในใจของเขาวางบิดามารดาไว้เป็นที่หนึ่ง บิดามารดาจะขัดขวางไม่ให้เขาไปตามหาเจ้าที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ และเขาก็เป็นลูกกตัญญูคนหนึ่ง ย่อมต้องเชื่อฟัง รอให้ความโกรธของบิดามารดาทุเลาลง ไม่แน่ว่าเขาถึงคิดจะไปรับเจ้ากลับมา ไปหาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์สักหน่อย เขาเห็นเจ้าเป็นของตาย รู้ว่าเจ้าชอบเขา ไม่ว่าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร แค่ปลอบโอ๋นิดหน่อยก็ไม่มีอะไรแล้ว…รอจนกล่อมเจ้าได้ ก็จะพาเจ้ากลับไปที่ตระกูลเยี่ยนอีก เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับมารดาเยี่ยนเช่นเดิม อ้อ แน่นอน หากว่าเจ้าไม่ต้องการให้มารดาเยี่ยนปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น เจ้าก็สามารถเปิดเผยฐานะของเจ้าได้ ใช้ฐานะแลกเปลี่ยนกับความรักของเจ้า…”
วาจานี้ทำร้ายคนยิ่งนัก หลานไว่หู่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ เขาจะมาหาข้าทันทีแน่นอน!”
หลานเยวี่ยส่ายหน้า “เจ้ายังไม่เข้าใจบุรุษ…เจ้ากล้าพนันกับข้าไหมล่ะ?”
‘พนันหรือ? พนันอะไร?”
“พนันว่าเขาจะไปหาเจ้าภายในสิบวันหรือไม่ หากว่าเขามาหาจริงๆ นับว่าข้าแพ้ สัญญาหมั้นหมายของพวกเราจะสิ้นสุดลง และข้าจะช่วยออกสินเจ้าสาวให้เจ้าในฐานะที่เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกครามด้วย หากว่าเจ้าแพ้ เช่นนั้นก็ต้องประกาศให้ทั้งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ทราบว่าเจ้ากับข้ามีสัญญาหมั้นหมายกัน เจ้าต้องตัดขาดกับเขา และต้องไม่ไปมาหาสู่กันอีก” หลานเยวี่ยสบตาหลานไว่หู่ “เจ้ากล้าพนันไหมล่ะ?”
หลานไว่หู่นิ่งงันไปพักใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “กล้า!”
ระยะทางจากเมืองเยี่ยนจื่อไปถึงสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ สามวันก็ไปถึงแล้ว หากว่าไม่มาภายในสิบวัน นั่นแสดงว่าในใจเขานางไม่มีความสำคัญเลยจริงๆ…เช่นนั้นเหตุใดนางต้องยึดติดกับความรักครั้งนี้ไม่ยอมปล่อยวางด้วยเล่า?
เพียงแต่ นางมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเยี่ยนเฉินจะมาหานางทันเวลา ถึงเวลานั้นนางจะเล่าความอยุติธรรมทั้งหมดที่นางได้รับออกมา เยี่ยนเฉินจะต้องเชื่อนางแน่…
ทั้งสองกำหนดสัญญาเดิมพันขึ้น หลานไว่หู่ก็ไม่สนใจจะผิงไฟแล้ว กระโดดผลุงขึ้นมา “พวกเรากลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กันเถอะ!” เลี่ยงไม่ให้เยี่ยนเฉินไปถึงแล้วหานางไม่พบ…
อย่างไรเสียจิ้งจอกน้อยก็ไร้เดียงสา ความคิดแทบจะเขียนไว้บนหน้าแล้ว หลานเยวี่ยย่อมทราบว่านางคิดอะไรอยู่ นัยน์ตามืดดำ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมเล็กน้อย ทว่ากลับยิ้มออกมา “ได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไป เพียงแต่เจ้าก็ต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่งด้วย ฐานะของข้าเป็นความลับ เจ้าต้องสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดทราบ ยังมีอีก ฐานะของเจ้าก็อย่าเพิ่งเปิดเผยในยามนี้ด้วยเช่นกัน เจ้าจะได้เห็นว่าถ้าไม่มีฐานะนี้อยู่ เยี่ยนเฉินจะจริงใจต่อเจ้าหรือไม่…”
หลานไว่หู่ตอบรับ เพียงแต่นางยังคงฉงนอยู่บ้าง “การพนันเช่นนี้มีผลดีกับเจ้าตรงไหนกัน?”
เขามาหานางเพื่อถอนหมั้นมิใช่หรือ? ถ้านางชนะดังว่า เขาก็ต้องมอบสินเจ้าสาวให้ ถ้านางแพ้ สิ่งที่เขาจะได้ก็คือพันธะชั่วชีวิตเขา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะเขาก็ไม่ได้รับผลดีอะไรเลย…
หลานเยวี่ยยิ้มนิดๆ “มีผลดีสิ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ระหว่างเจ้ากับข้าก็นับว่ามีผลตัดสินเพียงอย่างเดียว อาจจะอยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต หรือไม่ก็ตัดขาดกัน”
หลานไว่หู่เงียบไปแล้ว
นางไม่กังวลเลยว่าตัวเองจะแพ้ เนื่องจากมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเยี่ยเฉินจะมาหานางได้ทันเวลา…
หากว่าชนะพนันนครั้งนี้เรื่องการวิวาห์กับหลานเยวี่ยก็จะถูกเพิกถอน นับว่าเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
กู้ซีจิ่วที่ชมเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ด้านข้างมาโดยตลอดอดถอนหายใจไม่ได้
—————————————————————————