ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1484+1485
บทที่ 1484 มารดาเยี่ยนมาเยือน 4
เรื่องราวหลังจากนี้เธอไม่ต้องดูก็ทราบผลลัพธ์แล้วกระมัง? เยี่ยนเฉินมาหานางไม่ทันเวลา มิเช่นนั้นจิ้งจอกน้อยคงไม่ต้องประกาศเรื่องหมั้นหมายกับหลานเยวี่ย และคงไม่ก้าวมาถึงจุดนี้…
หลานไว่หู่ที่อยู่ในห้วงฝันมีหยาดน้ำตาซึมตรงหางตา “ทำไมล่ะ…ทำไมถึงไม่มาหาข้า? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าข้ารีบกลับมาทันที…แต่ท่านกลับไม่มา…”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจเบาๆ มิน่าเล่าจิ้งจอกน้อยถึงไม่ยอมเล่าเรื่องพวกนี้ ประการแรกคืออย่างไรเสียนางก็เป็นเด็กที่น้ำใจงาม ไม่อยากว่าร้ายพ่อแม่ของอีกฝ่าย ประการที่สองคือรักษาคำสัตย์ที่มีกับหลานเยวี่ย ถ้าพูดมากไป เกรงว่าจะเป็นการเปิดเผยฐานะของหลานเยวี่ยเอาได้
ไม่นึกเลยว่าหลานเยวี่ยจะมีฐานะเช่นนี้ เป็นรัชทายาทเผ่าจิ้งจอกคราม…
เขามาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์สามปีเต็มแล้ว กล่าวก็คือการแตกหักของหลานไว่หู่กับเยี่ยนเฉินเกิดสองปีครึ่งแล้ว
ถ้าว่ากันตามเหตุผล เขาหาหลานไว่หูพบ หมั้นหมายกันไว้แล้ว ก็น่าจะพาหลานไว่หู่กลับเผ่าจิ้งจอกครามสิ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นรัชทายาทผู้สูงส่ง มีฐานะเป็นรัชทายาทของเผ่าทว่าปกปิดตัวตนอยู่ที่โลกภายนอกนานๆ ก็ไม่ดีกระมัง? ถ้างั้นเขาทำแบบนี้ทำไมกัน?
หรือว่าจิ้งจอกน้อยจะไม่ยอมไปกับเขา? ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ที่นี่เพื่อสร้างความประทับใจให้นางหรือ?
ไม่คล้ายว่าจะใช่!
หลานเยวี่ยมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง ไม่ใช่คนสมถะเรียบง่าย แถมเขาไม่เพียงแต่ปกปิดฐานะไว้เท่านั้นยังซ่อนเร้นไว้ไม่น้อยด้วย…
มารดาเยี่ยนใส่ใจฐานะของหลานไว่หู่ ข้อนี้กู้ซีจิ่วเข้าใจ แต่ที่เยี่ยนเฉินชอบพอจิ้งจอกกลับไม่เกี่ยวข้องกับฐานะเลย
ส่วนหลานเยวี่ย เขาอาจจะไม่จริงใจต่อจิ้งจอกน้อยก็ได้ อันที่จริงเขาตามตื๊อจิ้งจอกน้อยก็เพราะฐานะของนางเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เห็นในความฝัน สายเลือดของจิ้งจอกน้อยเมื่ออยู่ที่เผ่าจิ้งจอกครามก็จะสูงส่งอย่างยิ่งเช่นกัน ทำให้หลานเยวี่ยที่เย่อหยิ่งจองหองเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา…
กู้ซีจิ่วมองจิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างกาย เด็กน้อยคนนั้นนางขดตัวเป็นก้อน ดูเหมือนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งนัก
เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วมองไม่ออกเลยว่าความรู้สึกที่จิ้งจอกน้อยมีต่อเยี่ยนเฉินจะลึกล้ำยิ่งนัก เรื่องราวที่พบเห็นในความฝัน บ่งบอกว่าจิ้งจอกน้อยมีความรู้สึกต่อเขาอย่างลึกซึ้งยิง ยิ่งรู้สึกลึกล้ำเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บหนักมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงก่อตัวเป็นฝันร้ายที่นางสลัดทิ้งไม่หลุด
นัยน์ตาของกู้ซีจิ่วฉายแววเยียบเย็นแวบหนึ่ง จิ้งจอกน้อยเป็นคนที่นางใส่ใจ ได้รับความอยุติธรรมหนักหนาถึงเพียงนี้ ไม่อาจปล่อยให้ถูกรังแกเปล่าๆ ได้! บัญชีแค้นนี้เธอจะช่วยนางทวงกลับมาเอง! เห็นทีว่าเธอคงต้องหาเวลาไปเยือนเมืองเยี่ยนจื่อสักคราแล้ว ไปพบมารดาเยี่ยนผู้นั้นกับเหลิ่งอู๋ซวง ประชันศึกแก่งแย่งชิงดีภายในเรือนกับสองคนนี้…
กู้ซีจิ่ววางแผนไว้ยอดเยี่ยมนัก แต่มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่าถ้าไม่บังเอิญก็ไม่ใช่นิยายแล้ว เธอไม่ทันหาเวลาไปเยี่ยนเยือนถึงเรือนชาน พอเช้าตรู่นางก็ได้รับข่าว มารดาเยี่ยนกับเหลิ่งอู๋ซวงมาที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว!
ยามที่ได้รับข่าวนี้ จิ้งจอกน้อยกำลังแต่งตัวอยู่ เด็กคนนี้เก็บเรื่องราวไว้กับตัวเอง ในฝันได้รับความอยุติธรรมจนกลายเป็นเช่นนั้น ทว่าหลังตื่นนอนก็กลายเป็นดอกทานตะวัน เดินวนเวียนอยู่รอบกายกู้ซีจิ่วอย่างสุขสันต์เบิกบาน
เมื่อได้ยินเด็กรับใช้มารายงานเช่นนี้ หวีในมือของจิ้งจอกน้อยก็หลุดมือร่วงลงพื้น ดวงหน้าน้อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตู! ดีเหลือเกิน!
เธอฉวยมือจิ้งจอกน้อยทันที “ไปเถอะพวกเราไปพบพวกนางกัน”
เท้าของหลานไว่หูดั่งหยั่งรากไว้ “ข้าไม่อยากพบพวกนาง…”
กู้ซีจิ่วแกล้งทำเป็นไม่รู้ปมในใจของนาง “ทำไมไม่ไปล่ะ? ไปเถอะ ถึงอย่างไรตระกูลเยี่ยนก็เลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ มารดาของเยี่ยนเฉินก็นับว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเจ้าเช่นกัน ถ้าเจ้าไม่ไปพบก็คงไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเจ้าก็ไม่ได้ติดค้างอะไรพวกนาง ไปเถอะน่า ไปกัน!”
พลางลากนางไปโดยไม่พูดไม่จา
จิ้งจอกน้อยเชื่อฟังกู้ซีจิ่วเสมอมา ยามนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงติดตามไป
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไม่อนุญาตให้แขกจากภายนอกเข้ามาง่ายๆ เพียงแต่เยี่ยนเฉินเป็นศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของสำนัก เมื่อมารดาของเขามากู่ฉานโม่จึงไว้หน้ายิ่งนัก เชื้อเชิญไปที่โถงรับรองโดยตรง
————————————————————————
บทที่ 1485 มารดาเยี่ยนมาเยือน 5
เมื่อกู้ซีจิ่วกับจิ้งจอกน้อยไปถึง มีผู้คนมากมายรวมตัวกันภายในห้องโถง เยี่ยนเฉินมีสหายที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มากมาย ผู้ร่วมฝึกฝนก็ไม่น้อย คนเหล่านี้ล้วนมาเยี่ยมเยียนรุ่นพี่สักหน่อย
เสียงปีติยินดีคับคั่งในห้องโถง บรรยากาศคึกคักเป็นที่สุด
กู้ซีจิ่วเคยเห็นมารดาเยี่ยนในภาพความทรงจำของจิ้งจอกน้อยแล้ว บัดนี้พบว่ารูปลักษณ์ของหญิงผู้นี้กลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเสียเท่าใด บุคลิกก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าใดเช่นกัน
มารดาเยี่ยนเป็นคนงดงาม อากัปกิริยาสง่างามดังดอกกล้วยไม้ ทุกท่วงท่ากิริยาล้วนแฝงความสง่างามมีชาติตระกูล อีกทั้งยังอ่อนโยนยิ่งนัก ยามมองฝูงชนรุ่นเยาว์ สายตาเต็มเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดู ใครจะไปคิดว่าคนเช่นนี้จะเป็นมีดอ่อนนุ่มทิ่มแทงคนไม่ชดใช้ชีวิต?
ส่วนเหลิ่งอู๋ซวง รูปลักษณ์งดงามเช่นกัน อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์พลิ้วไหว เผยให้เห็นกลิ่นอายของหญิงสาวมีชาติตระกูล
เยี่ยนเฉินไม่ได้อยู่ที่นี่ เหนือความคาดหมายของกู้ซีจิ่วสักเล็กน้อย
เมื่อกู้ซีจิ่วกับหลานไว่หู่เข้ามา ศิษย์พี่ศิษย์น้องของสำนักศึกษาชุมสวรรค์เหล่านั้นต่างลุกขึ้นยืน ในตอนนี้กู้ซีจิ่วคือความภาคภูมิใจของพวกเขา และก็เป็นผู้นำเจตนารมณ์ของพวกเขา บารมีสูงส่งกว่ากู่ฉานโม่เล็กน้อย
ผู้คนเหล่านี้พบเจอนางย่อมกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้นเป็นเรื่องธรรมดา
แน่นอนว่าจิ้งจอกน้อยมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี คนมากมายพูดคุยกับนางเช่นกัน
มารดาเยี่ยนกับเหลิ่งอู๋ซวงก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน สายตาของมารดาเยี่ยนร่อนลงบนมือกู้ซีจิ่วกับจิ้งจอกน้อยที่จับกุมกันไว้ แย้มยิ้มยินดี “เจ้าก็คือแม่นางกู้? ข้าได้ยินเฉินเอ๋อร์พูดถึงเจ้าอยู่บ่อยๆ ช่างเป็นหงสาในหมู่มวลชนจริงๆ…” เอ่ยคำพูดมากมายในสถานการณ์ที่เหมาะสม
สายตามารดาเยี่ยนหันเหกลับมาบนร่างของจิ้งจอกน้อยอย่างสงบเยือกเย็น ใบหน้ายังคงเป็นใบหน้าที่รักใคร่เอ็นดูนั้นไม่เปลี่ยนแปลง “ไว่หู่ ไม่เจอเสียนานเลย ให้อาสะใภ้ดูเจ้าชัดๆ หน่อยสิ สูงขึ้นมาไม่น้อยเลยนี่”
ฝ่ามือจิ้งจอกน้อยเย็นเฉียบ นางแทบไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อฮูหยินที่รอยยิ้มซ่อนมีดผู้นี้อย่างไรดี เพียงแต่ขบเม้มริมฝีปากไม่ตอบโต้อันใด กุมมือเล็กของกู้ซีจิ่วแน่นขึ้น ราวกับต้องการหาที่พึ่งพิง
กู้ซีจิ่วตบมือเล็กๆ ของนาง สายตาพลันตกลงบนร่างของมารดาเยี่ยน “เยี่ยนฮูหยินชมเกินไปแล้ว” แล้วยิ้มอีกครา “เรียนฮูหยินตามตรง ตอนนั้นกู้ซีจิ่วก็เคยเป็นนกกระจอกที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างในสายตาของฝูงชน ถูกผู้คนกลั่นแกล้ง ต่อว่าข้าอยู่จวนแม่ทัพก็เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่บินเข้ามาในหมู่หงสา…”
เยี่ยนฮูหยินรีบกล่าว “นั่นเป็นเพราะพวกนางมีตาหามีแววไม่ แม่นางถึงจะเป็นพญาหงส์ที่แท้จริง”
เหลิ่งอู๋ซวงก็เยินยอนาง “ใช่แล้ว แม่นางกู้มีความสามารถเพียงนี้ ตอนนั้นพวกนางกล่าวเยี่ยงนั้นช่างตาบอดเสียจริง”
กู้ซีจิ่วอมยิ้ม “ก่อนหน้าที่เป็ดขี้เหร่จะกลายเป็นหงสา บนโลกใบนี้มีผู้ใดบ้างเล่าที่ตามีแวว? มองหงสาเป็นเป็ดขี้เหร่ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ท่านว่าใช่หรือไม่? เยี่ยนฮูหยิน คุณหนูเหลิ่ง?”
เยี่ยนฮูหยินกับเหลิ่งอู๋ซวงมองหน้ากันแวบหนึ่ง พวกนางดูมีเลศนัย รู้สึกว่ากู้ซีจิ่วกำลังต่อว่าพวกนาง อีกทั้งยังทำให้นางไม่มีโอกาสโต้เถียง ทำได้เพียงเอ่ยว่าใช่
พวกนางสงสัยอย่างยิ่งว่าจิ้งจอกน้อยฟ้องอันใด อดไม่ได้ที่จะมองหลานไว่หู่อีกหลายครา
เยี่ยนฮูหยินพลันหันเหสายตาไปทางหลานไว่หู่ กวักมือเรียกนาง “ไว่หู่ มานี่สิ ไม่ได้เจอกันเสียนาน อาสะใภ้คิดถึงเจ้ามากจริงๆ”
หลานไว่หู่ไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน โดยเฉพาะการปฏิสัมพันธ์กับคนที่รังเกียจ ยิ่งไม่อยากเห็นใบหน้าตีสองหน้าของอีกฝ่าย ดังนั้นฝีเท้านางเสมือนหยั่งราก ยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เยี่ยนฮูหยินถือโอกาสทอดถอนใจเบาๆ “เด็กคนนี้ผูกใจพยาบาทแล้ว…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “เอ๊ะ? ไว่หู่ใสซื่อจิตใจดีงามเสมอมา ไม่เคยผูกใจพยาบาทกับผู้ใด นางจะผูกใจพยาบาทกับผู้มีพระคุณเลี้ยงดูนางมาอย่างเยี่ยนฮูหยินได้อย่างไรเล่า? เยี่ยนฮูหยินคงเข้าใจผิดแล้วกระมัง?”
เยี่ยนฮูหยินทอดถอนใจ “แม่นางกู้ไม่รู้อะไร เมื่อสองปีก่อนไว่หู่มีเรื่องเข้าใจผิดกับข้านิดหน่อย ความจริงก็ต้องโทษข้าด้วยที่ข้าเข้มงวดไม่มากพอ ทำให้มีคนซุบซิบนินทาไว่หู่ นางได้ยินเข้าจึงโกรธมากและให้บทเรียนกับพวกนาง…”
————————————————————————