ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1550+1551
บทที่ 1550 เด็กน้อย เจ้าควรกลับบ้านแล้ว
กู้ซีจิ่วจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วงกับคำพูดประโยคนี้ของเธอ ทำให้เธอเข้าใจว่าอะไรคือค่ำคืนสุขสันต์มิอาจลืมเลือน…
เธอใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเขาบนเตียง ไม่ได้ลงจากเตียงเลย!
ลาจากเพียงครู่ความรักยิ่งหวานชื่น คืนนี้ตี้ฝูอีผ่อนคลายเป็นพิเศษ และดุเดือดเลือดร้อนเป็นพิเศษ ทักษะต่างๆ มากมายปรากฏขึ้นไม่ขาดสาย…
เมื่อก่อนที่กู้ซีจิ่วและเขาใกล้ชิดแนบแน่น เนื่องจากเป็นการบำเพ็ญร่วม ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยร่างกายก็ไม่อ่อนแอเลย ส่วนมากจะตื่นขึ้นอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา
ทว่าครานี้เธอเหนื่อยล้ายิ่งนัก ท้ายที่สุด เมื่อตี้ฝูอียอมปล่อย เธอเหนื่อยจนแทบไม่อยากขยับปลายนิ้ว นอนหลับไปในทันที
“เด็กน้อย ข้าครอบครองเจ้าได้หรือไม่?” เธอได้ยินคำถามของตี้ฝูอีภายใต้ความงุนงง
“อืม ได้ ครอบครองได้เกินไปแล้ว…”
“ลุกขึ้นมาสู้ใหม่สิ…”
“ไม่เอา!”
“เด็กดี ลุกขึ้นมาใหม่สิ…”
“ไม่เอา…”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าลืมข้า…มาเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก…”
“ออกไป!”
ตี้ฝูอีพูดคุยกับเธออีกตั้งมากมาย ทว่าเธอไม่ได้ยินสักคำ ทั้งยังบ่นว่าเขาพึมพำไม่รู้จบสิ้น เธอขมวดคิ้วเบาๆ ผลักเขาออกไปแล้วงึมงำ “อย่าส่งเสียงดัง อย่าส่งเสียงดัง…”
เธอนอนหลับไปแล้ว หลับสนิทยิ่งนัก แม้แต่ฟ้าร้องก็ไม่มีทางตื่น
ความตื่นตัวของสายลับที่กระโดดขึ้นได้ทันทีที่อะไรเพียงเล็กน้อยมาสะกิด ยามนี้ล้วนเป็นเมฆาลอยล่อง
ตี้ฝูอีชำระล้างให้นาง กอดนางไปมา นางก็ไม่ตื่น ถึงขั้นแม้แต่ละเมอก็ไม่ได้ละเมอออกมา
หลังจากตี้ฝูอีชำระล้างให้นางเรียบร้อยก็เอนกายนอนลงข้างกายนาง
เขายกแขนรั้งนางไว้ในอ้อมกอด ฟู่จิ่วนอนในอ้อมแขนเขาอย่างเชื่อฟัง เสมือนลูกแมวที่ว่านอนสอนง่าย
ตี้ฝูอีไม่ได้นอนหลับเลย เพียงรั้งนางไว้ในอ้อมกอดเช่นนี้ ราวต้องการรั้งนางไว้ในอ้อมกอดอย่างนี้ไปชั่วนิจนิรันดร์
กาลเวลาไม่อาจหยุดนิ่ง เดือนปียังคงหมุนเวียน ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด ตี้ฝูอีรู้สึกถึงการรั่วไหลของพลังวิญญาณอีกครั้งหนึ่ง…
เขารู้ว่าถึงเวลาแล้ว ไม่อาจยืดเยื้อได้อีกต่อไป
เขาปล่อยนาง ลุกขึ้นยืนสวมเสื้อคลุม ก้มลงมองนางครู่หนึ่ง นัยน์ตาเผยให้เห็นความเจ็บปวด เขาหลับตาลงเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้นก็กลับมานิ่งสงบอีกครั้งหนึ่ง ก้นบึ้งดวงตากระจ่างใส
พิณคันหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา ส่วนปลายของพิณเป็นสีดำเกรียม ลักษณะไม่โดดเด่น ทว่าเต็มไปด้วยแสงหลากสีเลือนราง เพิ่มความลึกลับให้กับพิณคันนี้หลายส่วน
เขาใช้นิ้วมือบรรเลงท่วงทำนองแรก…
เสียงพิณเริ่มบรรเลง ดุจผืนเมฆาเลื่อนลอย ไม่มีตำแหน่งตายตัว ไร้ซึ่งทิศทาง บทเพลงไม่เป็นบทเพลง ทำนองเพลงไม่เป็นทำนองเพลง
เสียงพิณค่อยๆ รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ท่วงทำนองที่บรรเลงกลับก่อตัวขึ้นเป็นลำแสงหลากสีดังแพรบางกลางอากาศ ลำแสงหลากสีนั้นหมุนวนรอบตัวกู้ซีจิ่ว ค่อยๆ ปกคลุมร่างกายนางไว้…
จากนั้นไม่นาน ร่างหลากสีร่างหนึ่งลอยล่องออกจากศีรษะของกู้ซีจิ่ว…
ร่างนั้นยังนอนหลับอยู่อย่างสงบ แสงหลากสีบนร่างกายสว่างไสว นี่คือวิญญาณที่นางฝึกฝนออกมา ซึ่งมีแก่นแท้แล้ว กำลังลอยอยู่เหนือฝ่ามือเขา นอนหลับราวกับเด็กน้อย
การดึงดวงวิญญาณของนางออกมา ทำให้ร่างนั้นที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนถูกดูดพลังชีวิตจนหมดสิ้น สลายกลายเป็นเถ้าธุลีอย่างรวดเร็ว
ตี้ฝูอีเหลือบมองแวบหนึ่ง จากนั้นพลันสะบัดชายเสื้อ ร่างนั้นค่อยๆ เลือนรางและจางหายไปในที่สุด
“เด็กน้อย เจ้าควรกลับบ้านแล้ว” ตี้ฝูอีจุมพิตลงตรงหว่างคิ้วของดวงวิญญาณนั้นอย่างอ่อนโยน จากนั้นคลุมมันไว้ในแขนเสื้อ ร่างกายวาบไหว พลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
…
กู้ซีจิ่วรู้สึกคล้ายตัวเองอยู่ในห้วงความฝันอันยาวนาน
มีเสียงพิณคลออยู่ห้วงความฝันนี้ตลอดเวลา ประหนึ่งมีใครบางคนบรรเลงท่วงทำนองเพื่อห้วงความฝันนี้
ในห้วงความฝัน มีศึกสงคราม มีความอาลัยรักความอ่อนโยน มีความลุ่มหลงและเกลียดชัง มีความสุขใจและโศกเศร้า…ความฝันนี้ราวกับสมบัติที่เธอเก็บทะนุถนอมไว้เป็นอย่างดีตลอดชีวิต
————————————————————————————-
บทที่ 1551 ใครบอกเธอได้บ้างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?!
ความฝันนี้ราวสมบัติที่เธอเก็บทะนุถนอมไว้เป็นอย่างดีตลอดชีวิต เป็นสิ่งล้ำค่าของเธอ ลอยล่องไปตามเสียงพิณซึ่งบรรเลงวนหลายรอบ แล้วค่อยๆ เงียบลง
ความฝันของเธอเสมือนค่อยๆ เลือนรางหายไปพร้อมกับเสียงพิณ หัวใจพลันตื่นตระหนก และวิ่งไล่ตามโดยสัญชาตญาณ ถึงขนาดที่ใช้วิชา…
ยามเธอพยายามดึงรั้งความฝันให้อยู่ จิตใจพลันเจ็บปวด มีความรู้สึกในช่วงหนึ่งว่าความทรงจำที่ไม่ได้เป็นของตนพยายามรุกล้ำกล้ำกรายเข้ามาในห้วงความฝัน
และไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด ในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นจากฝัน วินาทีที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอพลันตกตะลึง!
เธอนอนอยู่ภายในโลงแก้วผลึกที่งดงามละเอียดอ่อน ภายในโลงมีสิ่งของล้ำค่าบางอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนหมุนวนรอบกาย อย่างเช่นมาลัยดอกไม้
ไม่ว่าจะมองลักษณะนี้อย่างไรก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก เป็นภาพฉากที่ผู้คนอำลาอาลัยต่อบุคคลสูงศักดิ์ผู้ล่วงลับ
สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งไร้ซึ่งวาจาก็คือ มีใบหน้าคนสองคนก้มลงมองเหนือโลง…
ใบหน้าทั้งสองนั้นเป็นบุรุษหนึ่งสตรีหนึ่ง หล่อเหลางดงามยิ่งนัก อีกทั้งยังเป็นใบหน้าที่กู้ซีจิ่วคุ้นเคยอย่างดี
เป็นประมุขเงือกหลานเหยากวงและน้องสาวของเขาหลานจิ้งอี๋!
กู้ซีจิ่วสบตาพวกเขา ยังคงนิ่งเงียบ ใบหน้าของหลานเหยากวงกับหลานจิ้งอี๋เผยความเปรมปรีดิ์ ประหนึ่งมีความสุขทว่าก็ไม่เชื่อ เอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน “พี่หญิง!”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
ในหัวของเธอมีเสียงระเบิดดังขึ้น ประหนึ่งความทรงจำช่วงหนึ่งผลุบโผล่ในหัวสมอง
ความทรงจำนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง ราวกับเป็นอดีตชาติที่เดิมทีเธอหลงลืมไป แล้วถูกใครบางคนขุดมันขึ้นมาโดยไม่ทันได้ระวัง ภายในความทรงจำนั้นเธอคือประมุขหญิงท่านหนึ่ง…
อันที่จริงความทรงนั้นกระจัดกระจาย ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ราวกับถูกใครบางคนพยายามผสานมันเข้าไว้ด้วยกัน
หากกู้ซีจิ่วไม่เคยได้ยินเรื่องราวช่วงนี้ เธอคงแทบจะปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้
ภาพฉากในชิ้นส่วนความทรงจำเหล่านั้นฉายขึ้นมาทีละฉากๆ กู้ซีจิ่วปะติดปะต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันโดยไม่รู้ตัว แทบไม่แตกต่างจากเรื่องประมุขหญิงที่ตี้ฝูอีเคยเล่าให้เธอฟัง…
ความจริงเรื่องราวนั้นค่อนข้างเศร้าสลด หากเป็นผู้ประสบเหตุด้วยตัวเอง ในใจจะต้องเจ็บปวดยิ่งนักแน่
โดยเฉพาะตอนที่ประมุขหญิงฝากฝังก่อนล่วงลับ หิมะหมุนวนกับโลหิตหลั่งทั่วท้องนภา…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าประมุขหญิงในตอนนั้นคงจะเสียดายเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่เคยได้พบหน้าคนรักเลยสักครั้งก่อนจากไป…
ทว่าเมื่อภาพความทรงจำเหล่านี้ฉายผ่านความคิด เธอกลับรู้สึกเหมือนดูภาพยนตร์สามมิติเรื่องหนึ่ง เหมือนมองดูเรื่องราวของผู้อื่นอยู่ภายนอกตลอดเวลา แน่นอนว่าเธอไม่อาจเข้าใจจิตใจของประมุขหญิงยามจากไป
“พี่หญิง! ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว!” ดวงตาหลานเหยากวงแดงก่ำ “พวกข้ารอท่านมาห้าพันปีแล้ว!”
“พี่หญิง…” หลานจิ้งอี๋ย่นจมูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านคือพี่หญิงจิ้งเคอของข้าจริงหรือ?!”
“นางต้องใช่แน่นอน!” หลานเหยากวงกล่าวอย่างหนักแน่น “ในที่สุด พี่หวงก็ตามหาดวงวิญญาณของนางครบหมดแล้ว ร่างกายนี้ก็รองรับวิญญาณนางกลับมาได้ บัดนี้นางตื่นขึ้นมาแล้ว ย่อมเป็นพี่หญิงหลานจิ้งเคอ”
หลานเหยากวงยื่นมือจับกู้ซีจิ่วที่นอนมึนงงอยู่ตรงนั้น พลางมองนางอย่างอบอุ่น “พี่หญิง ท่านคงจำข้าได้กระมัง? ข้าคือเหยากวง! น้องชายที่ท่านรักมากที่สุด!” และชี้ไปที่หลานจิ้งอี๋ “นางคือน้องจิ้งอี๋ ตอนท่านจากไปนางยังเด็กอยู่ ยังเป็นแค่ทารก แต่ตอนนั้นท่านก็รักนางมาก…”
กู้ซีจิ่วพูดอันใดไม่ออก
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? กำลังทำบ้าอะไรอยู่?!
มีใครบอกเธอได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
เธอไม่สนใจหลานเหยากวงที่ส่งเสียงโหวกเหวกผู้นั้น สงบจิตใจลงเล็กน้อย จากนั้นก็เหมือนนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ในฉับพลัน จึงยกมือขึ้น นิ้วมือทั้งห้างดงาม เรียวยาวดุจหยก…
ทันใดนั้นสายตาของเธอจับจ้องไปที่ข้อมือ
บนข้อมือนั้นมีกำไลหลากสีส่องแสงรางๆ วงหนึ่ง
————————————————————————————-