ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1556+1557
บทที่ 1556 สรุปแล้วเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
“มู่เฟิง นายของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ยะ…อยู่ข้างๆ ข้าน้อยขอรับ รอสักครู่ เขาจะคุยกับท่านด้วยตัวเอง”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจโล่งอก เธอยังนึกอยู่ว่าช่วงนี้ตนดวงไม่ค่อยดี อาจจะตามตัวเขาได้ยากยิ่งก็ได้ คงต้องมีอุปสรรคมากมาย นึกไม่ถึงว่าจะกาพบในทีเดียว
เห็นได้ว่ายันต์ถ่ายทอดเสียงด้านนั้นเปลี่ยนคนแล้ว “กู้ซีจิ่ว?” ในน้ำเสียงดึงดูดแฝงความหมางเมินเย็นชาไว้
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าเขาจะมีน้ำเสียงเช่นนี้ แข็งทื่อไปครู่หนึ่งก็ถามเข้าประเด็นเลย “ตี้ฝูอี ท่านเล่นบ้าอะไรอยู่?”
ด้านนั้นเงียบไปพักหนึ่ง คล้ายค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้า…เจ้าจำข้าได้?”
กู้ซีจิ่วเงียบไป
เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ! ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ล่ะ? ต่อให้เธอลืมเลือนคนทั้งโลกไปก็ไม่มีทางลืมเขา! ทำไมเขาถึงถามแบบนี้กัน?
ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ ท่านคงไม่นึกว่าพอข้าสลับร่างแล้วจะความจำเสื่อมกระมัง? ที่ครั้งก่อนข้าสลับร่างแล้วความจำเสื่อมเป็นเพราะหลงฟั่นเล่นเล่ห์ ไม่ใช่ความจำเสื่อมเพราะสลับร่าง…”
ด้านนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวอยู่พักหนึ่ง
กู้ซีจิ่วค่อนข้างฉงน “นี่ ท่านฟังอยู่หรือเปล่า?”
ในที่สุดทางนั้นก็เปิดปาก คล้ายจะข่มกลั้นอยู่บ้าง “เจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ป่าแสงจันทร์ที่อาณาจักรเฟยซิง ริมทะเลสาบที่ท่านพาข้าไปเผ่าเงือกครั้งแรก…” กู้ซีจิ่วบอกตำแหน่งที่อยู่ของตน
“รออยู่ที่นั้น ข้าจะไปหา”
ยันต์ถ่ายทอดเสียงถูกตัดไปแล้ว กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนตอไม้ มองยันต์ถ่ายทอดเสียงอย่างตกตะลึงครู่หนึ่ง
ตี้ฝูอีไม่ได้แทนตัวว่าข้า (เปิ่นจั้ว) ต่อหน้าเธอมานานมากแล้ว…
ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น?
สรุปแล้วเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
กู้ซีจิ่วที่เฉลียวฉลาดเสมอมา ยามนี้ค่อนข้างสับสนงุนงงแล้วเช่นกัน
ป่าแสงจันทร์ริมทะเลสาบแสงจันทร์ งดงามดั่งภาพวาด
เธอเคยร้องเพลงให้ตี้ฝูอีที่นี่ ดึงดูดให้ชาวเงือกมารับ…
ความจำของกู้ซีจิ่วดีมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ปรากฏชัดเจนอยู่ในสมองเธอราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้เมื่อหวนนึกถึงมุมปากก็หยักโค้งขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
‘เจ้านาย สามารถพูดคุยกับท่านอีกครั้งช่างดีจริงๆ ข้านึกว่าชาตินี้ข้าจะต้องเป็นใบ้ไปตลอดชีวิตซะแล้ว’ หยกนภารำพัน
กู้ซีจิ่วลูบมัน ‘ข้าก็คิดถึงความจู้จี้ของเจ้าเหมือนกัน’
หยกนภาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วมีน้ำโหขึ้นมา ‘จู้จี้อะไรกัน? ยายแก่สิถึงจะจู้จี้ ทุกวาจาของข้าคือลิขิตสวรรค์! เป็นสิ่งที่ผู้อื่นมีหมื่นตำลึงทองก็ซื้อหาไม่ได้ทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะบอกว่าข้าจู้จี้…’
กู้ซีจิ่วตบมันเบาๆ หยอกมันเล่น ‘เอาล่ะๆ เช่นนั้นต่อไปก็อย่าเรียกเจ้าว่าหยกนภาเลย เรียกหยกลิขิตสวรรค์แล้วกัน กล่าวกันว่าลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย นี่เจ้าแพร่งพรายลิขิตสวรรค์ไปมากน้อยเพียงใดแล้ว? ระวังอัสนีสวรรค์จะผ่าเจ้าเป็นจุณ’
หยกนภาเงียบทันที
กู้ซีจิ่วจึงถามมัน ‘ใช่แล้ว เจ้าเล่าสิว่าดินแดนเบื้องบนเป็นอย่างไร? เทพเซียนของดินแดนเบื้องบนล้วนเป็นผู้ที่ฝึกฝนจนกลายเป็นเซียนใช่หรือไม่?’
หยกนภาเงียบไปครู่หนึ่ง ‘ว่ากันตามทฤษฎีดินแดนเบื้องบนของโลกใบนี้ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ผู้คนของดาวเคราะห์ฝึกฝนจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ถึงจะสามารถเหินทะยานขึ้นไปได้ ค่อนข้างคล้ายแดนสวรรค์ในยุคนั้นของท่าน ผู้คนที่นั่นมีทั้งเซียนสวรรค์ที่เป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิม มีคนที่ทะยานขึ้นไปในภายหลัง คนที่ไปถึงที่นั่นได้จึงล้วนเป็นอัจฉริยะผู้เลิศล้ำของโลกผู้บำเพ็ญ ข้ารับใช้ที่มีระดับต่ำที่สุดก็ยังบรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชนชั้นสูงเลย’
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
เธอขมวดคิ้ว มิน่าเล่าเซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นถึงได้วางท่าสูงส่งเหนือปวงชน ทำตัวเหนือกฎเกณฑ์ยิ่งนัก ที่แท้ดินแดนเบื้องบนก็มีกฎเช่นนี้
เพียงแต่ คนของดินแดนเบื้องบนยิ่งใหญ่มากหรือ? สามารถเหยียบย่ำทุกอย่างบนโลกเบื้องล่างได้ตามแต่ใจปรารถนาเลย?
เธอไม่เชื่อเรื่องชั่วๆ เช่นนี้หรอก!
————————————————————————————-
บทที่ 1557 ดินแดนเบื้องล่างอิสระเสรีจะตาย!
‘เจ้านาย เซียนหญิงลี่หวางผู้นั้นเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมของดินแดนเบื้องบน เป็นน้องสาวห่างๆ ของจักรพรรดิแห่งดินแดนเบื้องบน เนื่องจากกระทำความผิดจึงถูกลดขั้นลงมาดินแดนเบื้องล่าง เพื่อให้นางทำคุณงามความดีก่อนแล้วค่อยกลับขึ้นไป เวลาที่นางลงมาอยู่ดินแดนเบื้องล่างค่อนข้างยาวนาน จักรพรรดิดินแดนเบื้องบนจึงอนุญาตให้นางแต่งกับผู้สูงศักดิ์ที่สุดของดินแดนเบื้องล่างได้ และด้วยเหตุนี้นางถึงได้เรียกขานตัวเองว่าฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์’ หยกนภาสมกับที่เป็นผู้รอบรู้ลิขิตสวรรค์ รู้เบื้องลึกเบื้องหลังมากมายที่กู้ซีจิ่วไม่รู้
จักรพรรดิดินแดนเบื้องบนยุ่งวุ่นวายไปหน่อยกระมัง ยังจะจัดแจงงานแต่งงาน? คิดว่าตัวเองเป็นตาเฒ่าจันทราหรืออย่างไร?
‘สังหารคนของดินแดนเบื้องบนต้องรับทัณฑ์สวรรค์จริงหรือ?’
‘เจ้านาย คนของดินแดนเบื้องบนมองผู้คนของดินแดนเบื้องล่างดังมดปลวก อย่าว่าแต่คนของดินแดนเบื้องล่างสังหารคนของดินแดนเบื้องบนเลย ต่อให้สังหารสุนัขตัวหนึ่งของดินแดนเบื้องบนก็ต้องได้รับทัณฑ์สวรรค์ เพียงแต่เส้นทางของดินแดนเบื้องบนกับเบื้องล่างแยกกัน บุคคลหรือสิ่งมีชีวิตของดินแดนเบื้องบนไม่มีทางลงมาได้โดยง่าย ต่อให้ลงมาก็เพื่อมาปฏิบัติภารกิจลับ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับขึ้นไป คนของดินแดนเบื้องล่างไม่มีทางพบเจอคนของดินแดนเบื้องบนได้ง่ายๆ ต่อให้พบเจอส่วนใหญ่ก็จะถูกทารุณโหดร้าย เรื่องคนดินแดนเบื้องล่างทำร้ายคนดินแดนเบื้องบนจึงมีน้อยนัก คนส่วนมากไม่รู้กัน ดังนั้นจึงไม่รู้กฎเกณฑ์ข้อนี้…’
‘เทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้งั้นหรือ?’
‘เรื่องนี้ข้าไม่ทราบ อย่างไรเสียเขาก็มีตัวตนอยู่พิเศษยิ่งนัก อันที่จริงหกพันกว่าปีก่อน ดินแดนเบื้องบนเคยส่งคนกลุ่มหนึ่งมาเพื่อปกครองดินแดนเบื้องล่างอย่างเบ็ดเสร็จ ทว่ากลับถูกเขานำคนไปกวาดล้างทันที แม้แต่ดวงวิญญาณก็แตกสลาย ผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อคนของดินแดนเบื้องบนทราบข่าวถึงกับกราดเกรี้ยว เคยลงโทษทัณฑ์สวรรค์เขาอย่างรุนแรงยิ่ง ผลสุดท้ายก็ถูกเขาคลายลงได้อย่างง่ายดาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคนของดินแดนเบื้องบนก็ไม่ลงมาอีกต่อไป เพียงปล่อยสัตว์เลี้ยงลงมาบ้างเป็นครั้งคราว หากคนของดินแดนเบื้องล่างบังเอิญสังหารมันก็จะถูกทัณฑ์สวรรค์ลงโทษ ทว่าก็เป็นแค่กรณีตัวอย่าง ไม่มีทางเกิดขึ้นในหลายร้อยปี…’
กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว
อย่างไรเสีย ยุคสมัยนี้ก็ไม่มีอินเทอร์เน็ต หากมีคนเสียชีวิตจากทัณฑ์สวรรค์ในรอบหลายปีย่อมไม่มีผลกระทบใดต่อความรู้สึก แน่นอนว่าไม่มีทางมีผู้ใดล่วงรู้ มิน่าคนส่วนมากถึงไม่รู้เรื่อง
‘คนของดินแดนเบื้องล่างต้องมีพลังวิญญาณเท่าใดถึงจะเหินทะยานขึ้นไปเบื้องบนได้?’ เธออยากขึ้นไปดูยิ่งนัก อยากรู้ว่าคนที่นั้นจะเยี่ยมยอดสักแค่ไหน
‘ต้องขั้นสิบเต็ม’
กู้ซีจิ่วส่งเสียงชิคราหนึ่ง ‘ข้าก็ขั้นสิบนี่ เหตุใดยังไม่เห็นทะยานขึ้นไปเลย?’
‘เจ้านายต้องฝึกฝนจนเต็มขั้นสิบ ถึงจะเลื่อนขั้นถัดไปได้ เมื่อฝึกฝนขั้นสิบจนสมบูรณ์แล้วจะมีเคราะห์สวรรค์ปรากฏขึ้น เมื่อผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ได้สำเร็จก็จะกลายเป็นเซียน เหินทะยานสู่ดินแดนเบื้องบนได้’
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!
กู้ซีจิ่วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถาม ‘ตี้ฝูอียังไม่บรรลุขั้นนั้นใช่หรือไม่?’
‘เขาบรรลุขั้นนั้นไปตั้งนานแล้ว! คงเป็นเพราะเขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ จึงไม่ได้ขึ้นไป’
โชคดีที่ไม่ได้เหินทะยานขึ้นไป! คนอย่างเขาคุ้นชินกับการอยู่เหนือผู้อื่น จะขึ้นไปให้คนของดินแดนเบื้องบนเหล่านั้นกดขี่ข่มเหงได้อย่างไร? คิดแล้วเป็นไปไม่ได้หรอก!
คนของดินแดนเบื้องบนออกจะมีคุณธรรมเสียขนาดนั้น หากเธอฝึกฝนจนถึงขั้นก็ไม่มีวันเหินทะยานขึ้นไป เบื้องล่างอิสระเสรีจะตาย!
กู้ซีจิ่วกำลังพูดคุยกับหยกนภา
หยกนภาพบว่าวันนี้เจ้านายพูดจ้อเป็นพิเศษ นางถามคำถามมากมาย ขอเพียงไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับลิขิตสวรรค์ที่แท้จริง หยกนภาก็จะตอบทีละคำถาม แต่ละอย่างล้วนเป็นความลับสุดยอด
หยกนภาคิดว่ากู้ซีจิ่วจะตื่นเต้นและฮึกเหิมเมื่อได้ยิน นึกไม่ถึงว่านางคล้ายมีเรื่องในใจ ทั้งที่กำลังฟังมันพูดอยู่นางกลับเหม่อลอยเป็นครั้งคราว ราวกับใช้วิธีการพูดคุยกลบเกลื่อนความสับสนแปลกๆ ในใจนาง…
นางเหมือนกำลังหลีกเลี่ยงสิ่งใดอยู่ หรือกำลังต้องการหยั่งเชิงอันใดอยู่
ยามพูดคุยกับมัน นางกวาดสายตาออกไปภายนอกป่าแสงจันทร์อยู่บ่อยครั้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังรอใครบางคนปรากฏกาย
————————————————————————————