ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1570+1571
บทที่ 1570 หัวใจของเธอได้ตายลงแล้ว
ข้อมือเจ็บปวดยิ่งนัก! ทว่าหัวใจเจ็บปวดยิ่งกว่า!
เธอหาทางถอดมันออกเสมือนเป็นพวกชอบความเจ็บปวด ราวกับการทำเช่นนี้จะสามารถมองข้ามความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงอยู่ในหัวใจได้…
ไม่รู้เช่นกันว่าเธอตรากตรำอยู่นานแค่ไหน จนกระทั่งหลานเหยากวงฟื้นขึ้นมา พอลืมตาขึ้นก็มองเห็นกู้ซีจิ่วกำลังเคี่ยวกรำกำไลวงนั้นอยู่ตรงนั้นด้วยเหงื่อที่ชุ่มไปทั่วศีรษะ เขาสะดุ้งโหยง รีบถลาเข้าไป “พี่ ท่านทำอะไรน่ะ?!”
เขาคว้าข้อมือกู้ซีจิ่ว “สิ่งนี้ถอดไม่ออกหรอก ท่านอย่าทำแบบนี้เลย…”
กู้ซีจิ่วสะบัดเขาออกทันที “ข้าไม่ใช่พี่สาวเจ้า!”
นี่เป็นร่างกายของเธอ เป็นวิญญาณของเธอชัดๆ เหตุใดคนเหล่านี้จึงอยากให้เธอกลายเป็นใครอีกคนกัน?!
หลานจิ้งเคอ หลานจิ้งเคอ ใครๆ ก็เห็นเธอเป็นหลานจิ้งเคอ เช่นนั้นตัวเธอกู้ซีจิ่วอยู่ที่ไหนกัน?
ในสายตาของคนเหล่านี้ ตัวเธอกู้ซีจิ่วมิใช่ตัวตนที่เป็นเอกราชสินะ สมควรจะถูกสังเวยไปเสียใช่หรือไม่?!
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกชั่ววูบที่อยากจะทำลายทุกสิ่งที่นี่ไปให้หมด!
หลานเหยากวงถอยหลังสองสามก้าว ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ เขามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง ทว่าหาเงาร่างของตี้ฝูอีไม่พบแล้ว จึงโอดครวญอยู่ในใจ
คนผู้นั้นหนีไปเช่นนี้ ทิ้งปัญหายุ่งเหยิงเช่นนี้ไว้แล้วเขาจะเก็บกวาดอย่างไร?
ถึงแม้เขาจะมีประสบกาณ์ในการปลอบโยนสตรียิ่งนัก แต่การโอ๋เด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะระงับโทสะนางได้…
เขาก็อยากวิ่งหนีเหมือนกันนะ…
แต่ว่าเขาหักใจทิ้งพี่หญิงไว้ที่นี่คนเดียวไม่ลง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พี่หญิงกลับมา…
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลองกล่าวหยั่งเชิงดู “พี่ หากว่าท่านอารมณ์ไม่ดี จะพังข้าวของให้มากหน่อยก็ได้นะ ข้าวของในตำหนักนี้ท่านทำลายได้ตามสบายเลย…”
ยามที่คนโมโหสุดขีด การทำลายข้าวของสามารถระบายอารมณ์ได้จริงๆ หลานเหยากวงก็เคยทำเช่นนี้มาแล้ว เขามีประสบการณ์ยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วหลับตาลงเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา
ต่อให้เธอทำลายข้าวงของทั้งห้องนี้ไปแล้วอย่างไรเล่า? ความรู้สึกที่สูญเสียไปของเธอจะเอากลับคืนมาได้หรือ? เวลาที่เสียไปจะย้อนกลับมาได้หรือ?
“ออกไป! ให้ข้าอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก”
หลานเหยากวงนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงออกไป
แน่นอน เขาเกรงว่า ‘พี่หญิง’ จะหนีหายไปเงียบๆ อีกครั้ง จึงลอบส่งคนไปจับตามองทุกทางเข้าออกของวังเงือกไว้
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเป็นวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา แต่ที่นี่คือใต้สมุทรลึก ถ้านางต้องการออกจากทวีปหลานเฟิงก็ต้องผ่านเส้นทางเข้าออกโดยเฉพาะเท่านั้น
ปล่อยให้นางได้ระบายอารมณ์เถิด มิเช่นนั้นถ้าเก็บงำไว้ในใจไม่แน่ว่าอาจก่อให้เกิดอาการป่วยได้
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ในห้องนั้นเงียบๆ ผ่านไปครึ่งค่อนวันในที่สุดถึงได้มีความเคลื่อนไหว เรือนกายวูบไหว หายลับไปในชั่วพริบตา
….
เธอค่อยๆ ขดตัวเข้าหากันเสมือนเด็กทารก ฝังใบหน้าไว้ในฝ่ามือ
ในฐานะสายลับเธอมีความอดทนเสมอมา ความอดทนถูกสลักลงในกระแสเลือดของเธอ แม้จะอยู่ในสถานที่ไร้ผู้คนเช่นนี้ เริ่มแรกเธอก็ยังร้องไห้อย่างข่มกลั้นเอาไว้ยิ่งนัก เสมือนลูกสัตว์น้อยที่บาดเจ็บและสิ้นหวังตัวหนึ่ง ร้องคร่ำครวญเบาๆ พลางเลียบาดแผลตัวเองไปด้วย
น้ำตาค่อยๆ อาบเต็มหน้า หยาดน้ำตาร่วงพรูดั่งสร้อยไข่มุกสายขาด ไหลซึมออกมาจากมือ ทำให้อาภรณ์เปียกชื้น เธอเงยหน้าขึ้นหมายจะบังคับน้ำตาให้กลับเข้าไป ทว่าน้ำตากลับไหลลงจากหางตา เช็ดอย่างไรก็ไม่เช็ดไม่หมด ความคับข้องอยุติธรรมและความทุกข์ตรมในใจสะกดกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ในที่สุดเธอก็ร้องไห้โฮอย่างไร้สุ้มเสียง
เธอรู้ดี ในวันธรรมดาๆ เช่นนี้ ในซอกหลืบที่ไร้ผู้คนเช่นนี้ หัวใจของเธอได้ตายลงแล้ว
….
ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ สีหน้าซีดขาวอย่างยิ่ง ราวกับซากหินบรรพกาล จ้องมองนางอยู่อย่างนั้น
————————————————————————————-
บทที่ 1571 ไม่อาจสงบใจได้แม้ในห้วงนิทรา
มองเงาร่างที่ขดตัวกลมอยู่ไกลๆ อยากเดินเข้าไป ทว่าทำได้เพียงสะกดกลั้นเอาไว้ ทำได้เพียงมองนางร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น ร้องไห้เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
นางร้องไห้อยู่เนิ่นนาน เขาก็มองอยู่เนิ่นนาน
นางจากไปแล้ว เขากลับยังยืนอยู่ตรงนั้น มองกำไลบนข้อมือ ราวกับตกอยู่ในภวังค์
ไม่ทราบว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ในที่สุดเขาก็มีความเคลื่อนไหว ค่อยๆ ปล่อยแขนเสื้อที่ถูกขยุ้มจนยับย่นออก
….
กู้ซีจิ่วไม่ได้ไปจากทวีปเฟิงหลาน เธอสุ่มหาตำหนักหลังหนึ่ง แล้วซุกหัวนอน
ตำหนักหลังนั้นเปลี่ยวร้างวังเวงยิ่งนัก คล้ายจำพวกตำหนักเย็น ไม่มีผู้คนย่างกรายมาหลายปีแล้ว เธอนอนที่นี่จึงไม่มีผู้ใดมารบกวน
ตำหนักหลังนั้นมีเพียงเตียงเปลือกหอยเย็นๆ หลังหนึ่งบนเตียงแม้แต่เครื่องนอนก็ไม่มี ผิวหน้าถึงขั้นที่มีฝุ่นปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง
ยามนี้เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว นอนลงบนเตียงทันที
ทวีปหลานเฟิงสภาพอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะตำหนักหลังนี้ที่เย็นเป็นพิเศษ อุณหภูมิเพียงสามสี่องศาเท่านั้น
สัญชาตญาณในร่างกายเธอยังคงอยู่ ระหว่างที่หลับใหลคงจะรู้สึกหนาวเย็น เธอจึงขดตัวเป็นก้อนกลมๆ กอดตัวเองแน่น
ด้วยเสียใจจนเกินไป สมองเธอจึงหนักอึ้ง ไม่อาจสงบใจได้แม้ในห้วงนิทรา
รับรู้ได้เพียงความวิงเวียนมึนงง เธอได้ยินเสียงถอนหายใจสายกนึ่ง เสียงนั้นราวกับภาพฝันอันหลอนลวงฉากหนึ่ง แฝงความเศร้าระทมไม่สร่างซาเอาไว้ด้วย
ข้อมือที่ร้อนผ่าวมาโดยตลอดพลันสัมผัสถึงความเย็นเล็กน้อยได้ ความเย็นนั้นค่อยๆ ซึมลงบนข้อมือ และคล้ายว่ามีพลังวิญญาณสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ไหลเวียนไปตามแขนขาของเธอรอบหนึ่ง ชีพจรที่เดิมทีไหลย้อนทวนกระแสอยู่บ้าง ทำให้ชีพจรทั่งร่างเธอที่เดิมทีคล้ายจะร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวด แต่พลังวิญญาณสายนี้ราวกับสายลมพิสุทธิ์ที่โชยผ่าน ชำระล้างทั้งร่าง ทำให้เลือดลมที่พลุ่งพล่านสงบลงอีกครั้ง ถึงขั้นที่แม้กระทั่งความหนาวเย็นก็ไม่รู้สึกถึงอีกแล้ว…
ระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่ราวกับเธอถูกคนกอดไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดนั้นอบอุ่น เสมือนอ้อมกอดของมารดา สามารถค้ำยันผืนนภาเพื่อลูกน้อยได้…
ไม่ทราบเช่นกันว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ยามที่กู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนยังคงอยู่ในตำหนักหลังนั้น บนกายมีผ้านวมคลุมไว้ผืนหนึ่ง แสงสว่างจากด้านนอกส่องลอดหน้าต่างเข้ามา
เป็นวันใหม่แล้ว รุ่งอรุณวันใหม่
เธอจ้องมองแสงสว่างด้านนอกอยู่เนิ่นนานยิ่ง จากนั้นสายตาก็ร่อนลงที่ผ้านวมบนร่างตน หรี่ตาเล็กน้อย
ใครห่มผ้าให้เธอ?
พลันนึกถึงฉากในความฝันก่อนหน้าขึ้นมา ตัวเธอแข็งทื่อทันที เขามาหรือ? หรือว่าเธอฝันไป?
เธอหลุบตามองข้อมือ เมื่อวานเนื่องจากเธอพยายามถอดกำไลออกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ตลอด ข้อมือจึงบวมแดงยิ่งนัก ยามนี้ข้อมือไม่มีอาการบวมแล้ว ขาวผุดผาดดังเดิม กลมกลึงดุจรากบัว
มีเสียงกรอกแกรกแว่วมาจากด้านนอก บานประตูถูกผลักเปิด ดวงหน้าเฉิดฉันของหลานเหยากวงโผล่เข้ามา “พี่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว! ท่านหลับไปสองวันเต็มๆ เลย!”
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เธอมองผ้าห่มบนร่าง “ผ้าห่มผืนนี้เป็นเจ้าห่มให้ข้าหรือ?”
หลานเหยากวงกระแอมคราหนึ่ง “ข้าเกรงว่าพี่หญิงอยู่ที่นี่แล้วจะหนาว อีกทั้งไม่กล้าเคลื่อนย้ายท่านไปยังสถานที่อื่น ดังนั้นจึงนำผ้าห่มมาให้…” จากนั้นก็มองตาเธอ ถามอย่างระมัดระวัง “พี่ ท่านไม่เป็นไรแล้วกระมัง?”
กู้ซีจิ่วจ้องมองเขา ทำเอาหลานเหยากวงขนลุกอยู่บ้าง “พี่หญิง?”
“เจ้ามั่นใจว่าข้าคือพี่สาวของเจ้าปานนั้นเชียว?” กู้ซีจิ่วถามด้วยเสียงแหบพร่า
“แน่นอน! ไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด! บนร่างท่านมีกลิ่นอายพี่หญิงของข้าอยู่ แถมท่ายก็เคยจดจำพวกเราได้จริงๆ เพียงแต่…เพียงแต่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยขึ้น จึงทำให้ท่านลืมพวกเราไปอีก”
กู้ซีจิ่วหลับตาลง ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่
บนร่างเธอมีไอเยียบเย็นเหินห่างกับผู้คนอย่างหนึ่งอยู่ โดยเฉพาะหลังจากตื่นขึ้นมาหนนี้ ไอนี้ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
————————————————————————————-