ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1608+1609
บทที่ 1608 คนที่ผ่านทางมา 3
เพียงแต่หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายใจของปวงชนก็ตกต่ำลงไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าเขาก็แค่นี้ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เลยสักนิด
….
ไม่อาจลงมือกับกับผู้ที่ยิ้มแย้มได้[1] ไม่ว่าอย่างไรทูตสวรรค์ทั้งสองก็มาเพื่อมอบของขวัญยินดี ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงยังคงเชื้อเชิญพวกเขาเข้าไปนั่งในจวน
ด้วยเหตุนี้ทูตสวรรค์ทั้งสองจึงเข้าไปในจวน
คนที่ช่างสังเกตพบว่า ยามที่เข้าจวนไปท่าทีที่กู้ซีจิ่วปฏิบัติต่อทูตสวรรค์ทั้งสองต่างกันอยู่บ้าง สำหรับรถม้าคันนั้นของเทียนจี้เยวี่ย กู้ซีจิ่วจูงเพรียกวายุเข้าจวนไปด้วยตัวเอง ไม่ยอมปล่อยมือจากมัน
สำหรับเห็ดหลินจือดอกนั้นของตี้ฝูอี หลังจากเธอโยนให้หลัวจั่นอวี่แล้วก็ไม่เหลือบแลอีกเลย ส่วนหลัวจั่นอวี่ก็เฉียบขาดยิ่งนัก เขายัดใส่มือของเด็กรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เอา มอบให้เจ้า”
เด็กรับใช้คนนั้นก็ดูไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งนี้เช่นกัน หลังจากรับมาก็เพียงแค่อุ้มเอาไว้
เสียงของพวกเขาไม่เบาเลย หลายคนที่เดินอยู่ด้านหน้าย่อมได้ยินเสียง ฝีเท้าของตี้ฝูอีชะงักเล็กน้อย
ส่วนกู้ซีจิ่วแค่หันหน้าไปคุยกับเทียนจี้เยวี่ย ราวกับว่าไม่ได้ยิน และไม่ใส่ใจเลย
ฝูงชนที่เดิมทีรู้สึกคับข้องใจแทนกู้ซีจิ่ว เมื่อได้เห็นฉากนี้รู้สึกว่าในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้ว
คนที่หักหน้าผู้อื่นย่อมต้องถูกหักหน้ากลับ!
ท่านทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินของพวกเขาโต้กลับอย่างเงียบเชียบ! งดงามนัก!
ฝีเท้าของเทียนจี้เยวี่ยก็ชะงักไปเช่นกัน มองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ฝีเท้าตี้ฝูอีชะงักไปเพียงเล็กน้อย กลับสู่สภาพปกติในทันใด เขาเริ่มกวาดตามองทิวทัศน์ภายในจวนแล้ว “จวนของทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินไม่เลวเลย พาพวกเราไปเที่ยวชมรอบๆ หน่อยได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร หลัวจั่นอวี่ที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวขึ้นอย่างหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้มแล้ว “นี่ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ท่านทูตสวรรค์ของพวกเรายังมีภารกิจอีกมากที่ต้องสะสาง ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย…”
แล้วหันไปเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งมา “กุยเฉวียน เจ้าพาท่านทูตสวรรค์ไปเดินดูรอบๆ สิ”
“ขอรับ ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เชิญทางนี้ขอรับ”
สายตาของตี้ฝูอีเบนไปที่ใบหน้าของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย กุยเฉวียนคนนี้รู้จักสภาพภูมิศาสตร์ของจวนแห่งนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถบอกเล่าความเป็นมาของต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นได้ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกายท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเท่าเขาอีกแล้ว”
ไม่ว่าเขาจะมาโดยโอบอุ้มจุดประสงค์อันใดเอาไว้ กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะไปพัวพันกับเขาอีกแล้ว ยิ่งไม่อยากอยู่ข้างกายเขาให้หัวใจตนไม่เป็นสุขอีก
ในเมื่อตัดขาดแล้วก็ต้องตัดขาดอย่างสิ้นเชิง! หากว่าเป็นไปได้ เธอหวังเพียงว่าชั่วชีวิตนี้อย่าได้เกี่ยวข้องกับเขาอีกเลย! หนทางกว้างไกล ทางใครทางมันเถิด!
เธอไม่คิดจะสนใจตี้ฝูอี หันไปถามเทียนจี้เยวี่ยที่อยู่ข้างกายเสียเลย “ข้าเห็นว่าในรถคันนั้นมีกลไกอยู่มากมายนัก มีอยู่สองสามจุดที่ยังไม่เข้าใจ มิสู้ท่านมาสอนให้ข้าเสียหน่อยล่ะ?”
เทียนจี้เยวี่ยมองตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีสายสายตาผ่านร่างสองคนนั้นแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร หันหลังแล้วให้กุยเฉวียนนำทาง เขาไปชมทิวทัศน์แล้ว
เทียนจี้เยวี่ยสาธิตให้ดูรอบหนึ่งจากนั้นก็ให้เธอลองควบคุมดู “มาเถอะ เจ้ามาลองดูสักหน่อย”
“…ได้!” กู้ซีจิ่วก้าวเข้าไปควบคุม สิ่งนี้สำหรับกู้ซีจิ่วแล้วไม่นับว่ายากเย็นอะไร
แต่วันนี้เธอไม่อยู่ในสภาวะที่มั่นคงเท่าไหร่ ขณะที่ควบคุมกลไกอย่างที่สองอยู่ ไม่ทันระวังถูกใบมีดที่ดีดออกมาจากกลไกบาดข้อมือเข้า
เห็นได้ชัดว่าใบมีดนี้มิใช่ใบมีดธรรมดา คมกริบเป็นอย่างยิ่ง เส้นเอ็นตรงข้อมือกู้ซีจิ่วหวิดจะถูกตัดขาดแล้ว! โลหิตสดๆ ไหลรินออกมาทันที
เทียนจี้เยวี่ยสะดุ้งโหยง คว้าข้อมือเธอทันที “ให้ข้าดูหน่อย”
ทว่ากู้ซีจิ่วปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว ชักข้อมือตนกลับมาทันที สกัดชีพจรบนข้อมือตนไว้ จากนั้นก็ใส่ยาอย่างว่องไวหาใดเทียม…
———————————————————————
บทที่ 1609 คนที่ผ่านทางมา 4
เธอเคลื่อนไหวปราดเปรียวว่องไว จัดการบาดแผลเสร็จเสร็จแทบจะในชั่วพริบตาเท่านั้น พรูลมหายใจเบาๆ และยิ้มแวบหนึ่ง “เลินเล่อไปชั่วขณะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
เทียนจี้เยวี่ยมองนางแวบหนึ่ง เห็นดวงตานางหยีโค้งเล็กน้อย ริมฝีปากแดงเรื่อจิ้มลิ้มหยักขึ้นนิดๆ คล้ายว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดวงหน้าเฉิดฉันกลับซีดเซียว น่าจะเจ็บจากการถูกบาด
เขาถอนหายใจ กลไกในรถคันนี้ว่ากันตามเหตุผลแล้วสมควรยิ่งที่จะออกไปด้านนอก ขอเพียงควบคุมให้ดี ต่อให้มีคนหลายสิบคนเข้ามาจู่โจมรถม้าคันนี้ในเวลาเดียวกัน ก็อาจถูกกลไกที่ซุกซ่อนอยู่ในรถม้าคันนี้ยิงใส่ร่างจนกลายเป็นเม่นได้!
มีดนี้ล้วนเป็นมีดเหล็กไหลทั้งสิ้น แถมบนมีดยังเคลือบตัวยาที่ทำให้คนเจ็บปวดไว้ด้วย นางถูกบาดเป็นแผลต้องเจ็บปวดยิ่งนักแน่นอน
หากว่านางขมวดคิ้วร้องว่าเจ็บเทียนจี้เยวี่ยคงไม่รู้สึกอะไร แต่การฝืนทำเป็นเข้มแข็งของนางกลับทำให้เขาปวดใจไปด้วย…
“เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ข้าไม่หัวเราะเจ้าหรอก” เทียนจี้เยวี่ยถอนหายใจ “เจ้าไม่จำเป็นต้องอดทนไว้”
ความสามารถในการอดทนของเด็กสาวผู้นี้เกินไปแล้ว! ส่วนมือน้อยๆ ของนางก็เย็นเฉียบอยู่ตลอดด้วย
ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเพราะเสียเลือดมากไปหรือเป็นเพราะจิตใจไม่สงบ มือเท้าถึงได้เย็นนัก
กู้ซีจิ่วกะพริบตาปริบๆ ไม่เพียงแต่ไม่เอ่ยโต้แย้งเท่านั้นยังยิ้มแวบหนึ่งด้วย “ไม่เป็นไรหรอก แผลเล็กแค่นี้เอง ไม่เจ็บเท่าไหร่”
ความเจ็บเล็กน้อยนี้เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่หัวใจแล้วไม่นับว่าเป็นอย่างไรเลยจริงๆ ความเจ็บปวดบนข้อมือที่เสียดแทงไปถึงหัวใจ กลับทำให้เธอมีสมาธิจดจ่อมากขึ้น
ยาสมานแผลที่เธอพกติดตัวในปัจจุบันนี้ล้วนเป็นยาที่มีประสิทธิภาพยิ่งนัก เมื่อป้ายลงไปเลือดก็หยุดไหลแทบทันที อีกอย่างเธอก็ถูกบาดเพียงผิวเนื้อเท่านั้น ไม่ได้ตัดถูกกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ดูอันตราย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เธอสะบัดข้อมือ สูดหายใจเบาๆ ลองควบคุมต่อ
เทียนจี้เยวี่ยที่อยู่ด้านข้างเกรงว่าเธอจะถูกบาดอีก มองอย่างเป็นกังวลอยู่ตลอด
โชคดีที่ครั้งนี้กู้ซีจิ่วควบคุมอย่างเอาจริงเอาจังยิ่งนัก จับจุดได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้รับบาดเจ็บอีกเลยสักครั้ง…
กู้ซีจิ่วควบคุมไปด้วยสนทนากับเทียนจี้เยวี่ยไปด้วย ขอให้เขาสอนหลักการติดตั้งกลไกต่างๆ และจุดสำคัญภายในรถม้าให้
เทียนจี้เยวี่ยเมื่อถูกถามก็เอ่ยตอบ ขอเพียงเกี่ยวข้องกับกลไกในรถม้าคันนี้ ไม่ว่ากู้ซีจิ่วจะถามอะไร เขาล้วนท่องออกมาได้เสมือท่องตำรามา
หลังจากกู้ซีจิ่วจับจุดสำคัญของกลไกในรถม้าคันนี้ได้สมบูรณ์แล้ว กู้ซีจิ่วก็ถามคำถามที่สามารถถามได้ออกได้หมดแล้ว
ในที่สุดเธอก็ได้ทราบแล้ว รถม้าคันนี้เทียนจี้เยวี่ยสร้างขึ้นด้วยตัวเอง และมิใช่ผู้อื่นยืมมือเขาให้นำมาส่งมอบแก่เธอ…
เธอยิ้มขื่นอยู่ในใจ นี่ตนกำลังคาดหวังอะไรอยู่หรือว่าอยากยืนยันอะไรกันแน่?
สมองบอกให้เธอถอดใจได้แล้ว แต่ว่าจิตใต้สำนักกลับต้องการพิสูจน์อะไรอยู่เสมอ ถึงแม้จะผิดหวังทุกครั้งที่พิสูจน์ก็ตาม…
เมื่อผิดหวังบ่อยครั้งเข้า เธอก็ไม่แยแสอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้เธอจงใจให้เด็กรับใช้ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนตี้ฝูอี ยังนึกอยู่ว่าด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของเขา คงสะบัดแขนเสื้อจากไปแน่ กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะไปเยี่ยมชมจวนของเธอจริงๆ
คนผู้นี้กระทำการใดล้วนไตร่ตรองมาก่อนแล้วเสมอ ดูเหมือนจะเดินเอ้อระเหยทว่าระมัดระวังทุกย่างก้าว วางแผนรอบคอบ ถ้าไม่ระวังแม้เพียงนิดก็จะตกหลุมพรางของเขา ถูกเขาเล่นงานจนเลือดอาบหน้า
เดิมทีเธอเดินอยู่บนทางสายเดียวกับเขา เมื่อเห็นเขาใช้กลอุบายกับผู้อื่นมักจะชมอย่างตื่นตะลึงอยู่เสมอ ยามนั้นยังรู้สึกโชคดีอย่างยิ่งที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา แต่ตอนนี้…
เขามาเดินเล่นในจวนของเธอทำไมกัน? มีจุดประสงค์อะไร?
….
วันนี้ตี้ฝูอีคล้ายว่าจะสนอกสนใจยิ่งนัก เดินเล่นไปทั่วจวนทูตสวรรค์รอบหนึ่ง ภายใต้การนำทางของกุยเฉวียนผู้นั้น จะซอกหลืบมุมใดก็ล้วนไม่พลาดเลย ยามที่เดินจนเหนื่อยแล้วเขาก็เรียกม้านั่งตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งพักสักครู่ สนทนาสัพเพเหระกับกุยเฉวียน
ยามกุยเฉวียนจะมาได้ถูกหลัวจั่นอวี่ลอบสั่งการเอาไว้ ว่าให้เขาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ระวังอีกฝ่ายเล่นเล่ห์ ดังนั้นกุยเฉวียนจึงตั้งท่าระวังอย่างยิ่งอยู่ตลอด ดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลนแล้ว
————————————————————————-
[1] ไม่อาจลงมือกับกับผู้ที่ยิ้มแย้มได้ อุปมาถึง เมื่อต้องการจะเอาผิดอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแย้มไม่สะทกสะท้าน ก็ไม่ควรดึงดันจะเอาผิดให้ได้