ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1794+1795
บทที่ 1794 วิวาห์
กู้เซี่ยเทียนเคยคัดค้านเสียงอ่อน แต่ก็จนปัญญาเพราะบุตรสาวตัดสินใจแน่วแน่ เขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
ทำได้เพียงเจรจาดีๆ กับนาง เช้าตรู่ของวันแต่งงานจะต้องกลับมา เนื่องจากยังต้องสวมชุดวิวาห์ใส่มงกุฎหงส์ด้วย!
……
วันที่สามเดือนสาม แสงอาทิตย์สดใส
เหมาะแก่การปลูกสร้าง เหมาะแก่การสมรส
วันนี้เป็นวันที่ทั่วทั้งทวีปเทียนซิงอิ่มเอมเปรมปรีดิ์เป็นที่สุด และก็เป็นวันที่ประชาชนทั้งทวีปตั้งตารอมานานที่สุด
ถนนทอดยาวสิบลี้ประดับประดาด้วยสีแดง สองข้างทางมีหมู่ประชาสวมอาภรณ์ตัวใหม่สีแดงสดใสประหนึ่งบรรยากาศฉลองข้ามปี
เชียนหลิงอวี่ เยี่ยนเฉิน หลานไว่หู ไป๋หลี่เช่อ กู่ฉานโม่…รวมถึงสหายเหล่านั้นที่ถูกพาออกมาจากเขตหวงห้ามต่างก็มาถึงกันอย่างพร้อมเพรียง พวกเขามาในนามแขกคนสำคัญของฝ่ายเจ้าสาว
ฐานะของคนเหล่านี้ไม่ต่ำต้อย ปกติต่อให้กู้เซี่ยเทียนกราบสามคำนับเก้าก็ไม่แน่ว่าจะเชิญมาเป็นเกียรติได้ บัดนี้ทั้งหมดต่างเดินทางมากันเองแล้ว อีกทั้งแต่ละคนยังช่วยงานโน่นนี่ ทำเอากู้เซี่ยเทียนทั้งกริ่งเกรงทั้งภูมิใจ เรื่องดีใจนั้นย่อมมีอยู่แล้ว…
เขาเข้าใจดี คนเหล่านี้มาร่วมงานได้เพราะเห็นแก่หน้าของบุตรสาว
ในโลกนี้ คงจะไม่มีงานแต่งงานของผู้ใดยิ่งใหญ่อลังการเทียมทัดของบุตรสาวเขาแล้ว!
ข้างนอกแว่วเสียงขลุ่ยบรรเลงมาตามสายลม เสียงขลุ่ยนั้นไพเราะและรื่นเริงเป็นที่สุด กลมกลืนเข้ากันดีกับเสียงฆ้องเสียงกลองเฉลิมฉลอง สร้างความปีติออกมาจากใจของผู้คน…
เสียงบรรเลงเพลงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พ่อบ้านวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “มาแล้ว! มาแล้ว!”
ด้านในเรือนนอน กู้ซีจิ่วแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มีสี่เหนียง[1]ที่ดีที่สุดของราชวงศ์มาช่วยแต่งหน้าให้ ชุดวิวาห์บนร่างเป็นชุดที่ตี้ฝูอีสั่งให้คนนำมาให้ไว้แต่แรก แน่นอนว่าต้องเป็นชุดที่ดีที่สุด เมื่อเธอสวมอาภรณ์นี้แล้วเบาสบายดั่งสายหมอก ราวกับร่างกายลอยล่องอยู่ในปุยเมฆสีแดง เดิมทีเธอก็งดงามมาแต่กำเนิด ยามนี้ยิ่งเจิดจรัสงามสง่า ทำเอาคนอดจ้องมองไม่ได้ บรรดาสาวใช้เพื่อนเจ้าสาวข้างกายต่างพากันเหม่อมองด้วยความตกตะลึง!
แม้แต่หลานไว่หูยังอึ้งงัน มองกู้ซีจิ่วด้วยนัยน์ตาพร่างพราว ใบหน้าเปี่ยมความเลื่อมใสและภาคภูมิใจ
กู้ซีจิ่วนั่งรออยู่ตรงนั้น ทว่าจิตใจกลับว้าวุ่น ตอนนี้แค่เธอไม่ได้เห็นหน้าเขาเพียงเสี้ยววินาทีก็ไม่มั่นใจแล้ว…
เสมือนลูกน้อยที่หย่านมแม่ไม่ได้!
เธอประณามตัวเองอยู่ในใจ
ไม่มีสตรีคนใดไม่วาดหวังว่าตัวเองจะมีงานวิวาห์แห่งศตวรรษที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้ กู้ซีจิ่วเองก็ไม่ต่างกัน ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่เธอเคยมีก็คือได้แต่งงานกับเขาอย่างสง่างาม ได้เป็นภรรยาของเขา ใช้ชีวิตร่วมสุขและทุกข์ไปด้วยกัน…
ในที่สุดตอนนี้ความปรารถนาก็จะเป็นจริงแล้ว!
หากไม่ใช่เพราะตี้ฝูอีใกล้จะดับสูญ เธอคงจะเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้
เธอส่ายหน้าสลัดความคิดนี้ทิ้งไป! ในวันมงคลสำคัญเช่นนี้เธอไม่ควรคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนครึ่ง ไม่แน่ว่าเธออาจจะหาวิธีได้!
เธอเป็นพวกไม่ถึงแม่น้ำเหลืองก็ไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ของตี้ฝูอี ต่อให้เธอกระโดดลงแม่น้ำเหลืองแล้วก็จะไม่วางมือ! ไม่ถึงเสี้ยวเวลาสุดท้ายเธอไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด!
เสียงดนตรีจากด้านนอกค่อยๆ ดังเข้าหู เดิมทีในห้องนี้มีคนอยู่ไม่น้อย ครึกครื้นเป็นพิเศษ ดังจ๊อกแจ๊กจอแจ แต่เสียงขลุ่ยนี้กลับกลบทุกเสียงอื้ออึงลงไปได้อย่างน่าประหลาด ประหนึ่งสายน้ำต้นวสันตฤดูไหลเข้าสู่หัวใจเธอ…
มาแล้ว! เขามาแล้ว! เขาเป่าขลุ่ยบรรเลงบทเพลงวิวาห์ด้วยตัวเอง! นี่คงจะเป็นคนเดียวในใต้หล้าที่กระทำเช่นนี้!
ตี้ฝูอีชอบเล่นอะไรพิเรนทร์ตลอด ครั้งนี้ก็สร้างความตื่นตกใจให้คนทั้งหมด…
หัวใจเธอดุจมีโลหิตร้อนกำลังพลุ่งพล่าน แทบอยากจะวิ่งออกไปดูแล้ว!
หมู่มวลประชาด้านนอกก็แทบจะบ้าคลั่งกันหมด!
ขบวนเกี้ยวรับตัวเจ้าสาวของตี้ฝูอีไม่ได้เคลื่อนมาทางพื้นดิน แต่ขับเคลื่อนมากลางอากาศ
ด้านหน้าขบวนเป็นการรวมตัวกันของนักดนตรีที่เลื่องชื่อที่สุดในทวีปนี้ ในหมู่พวกเขา แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือนักดนตรีดีดบรรเลงที่มีชื่อเสียงระบือไกล
—————————————————————————
บทที่ 1795 วิวาห์ 2
ต่อให้ราชวงศ์ออกหน้าก็เชิญมาไม่ได้ เลือกส่งๆ ออกมาสักคนล้วนสามารถสร้างเสียงฮือฮาไปได้ทั้งอาณาจักรแล้ว!
แต่ยามนี้พวกเขาเหล่านี้กลับมารับหน้าที่เป็นมือกลองในงานวิวาห์…
สิ่งที่คนเหล่านี้ควบขี่อยู่คือสิงโตเวหาสีขาวปลอด เห็นได้ชัดว่าสิงโตเวหาเหล่านี้ได้รับการฝึกสอนมาอย่างดี บินเรียงแถวเป็นระเบียบ บนร่างพวกมันก็ประดับพู่แดงอันเป็นมงคลเช่นกัน เมื่อประกอบเข้ากับร่างกายมหึมาสง่างามของพวกมันแล้ว ยามที่พวกมันบินมาจากที่ไกลๆ ดูโดดเด่นสะดุดตาคนอย่างยิ่ง!
และด้านหลังนักดนตรีเหล่านี้ก็คือเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนหน้าตาคมสัน หล่อเหลาเย้ายวนใจ วรยุทธ์ของพวกเขาเห็นได้ชัดว่าสูงสงยิ่ง พวกเขาล้วนโดยสารกระเรียนมงกุฎแดงมา เพียงแต่พวกเขาไม่ได้นั่งอยุ่บนกระเรียนมงกุฎแดง แต่ยืนอยู่บนนั้น กระเรียนมงกุฎแดงสยายปีกร่อนบิน อาภรณ์ของพวกเขาปลิวไสว สะดุดตายิ่งนักเช่นกัน
ในกลางสุดคือราชรถคันหนึ่งที่เทียมด้วยอาชาเวหา ตัวรถเป็นสีแดงเพลิง ไม่ทราบเช่นกันว่าสร้างขึ้นจากวัสดุใด เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงตะวันจะเปล่งแสงสีรุ้งพร่างพราว
รูปร่างของรถม้าคล้ายดอกโบตั๋นสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ดอกหนึ่ง เบ่งบานอยู่กลางนภา เจิดจ้าแยงตาผู้คน
หรูหรายิ่งนัก สะดุดตายิ่งนัก ทำให้คนมองแวบเดียวก็อยากกลั้นหายใจไปทันที!
ส่วนตี้ฝูอีกลับมิได้อยู่ในรถ แต่ควบอยู่บนอาชาเวลาขาวพิสุทธิ์ที่สี่เท้าห้อทะยาน อาชาเวหาตัวนั้นทั้งร่างปกคลุมด้วยขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ เรือนกายปราดเปรียวว่องไว ทุกเส้นสายทุกมัดกล้ามเนื้อล้วนสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง!
อาชาเวหาเป็นสัตว์วิเศษเลื่องชื่อที่สุดของโลกนี้ ฝูงชนมากมายส่วนใหญ่เพียงเคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็น ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นแล้ว!
งดงาม! งดงามทรงอำนาจเหลือเกิน!
สิงโตเวหาเหล่านั้นว่างดงามแล้ว แต่เมื่อเทียบกับอาชาเวหาตัวนี้ พวกมันล้วนกลายเป็นฉากหลังที่ช่วยขับเน้น!
อาชาเวลาเชิดหน้าเหยียดอก ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายใต้หล้านี้ข้าคือที่หนึ่ง ถ้าพวกเจ้าไม่ยอมก็เข้ามาสู้เลย อยู่ท่ามกลางสิงโตเวหาแล้วดั่งนกกระสาในฝูงไก่
มันโดดเด่นสะดุดตายิ่ง!
แต่มันจะสะดุดตาอย่างไรก็ยังสู้เจ้านายของมันไม่ได้!
สิงโตเวหาเหล่านั้นเมื่อเทียบกับมันแล้วเปรียบดั่งตัวประกอบ ตัวมันเมื่อเทียบกับผู้เป็นนายแล้ว ก็เป็นได้เพียงตัวประกอบเช่นกัน
วันนี้ตี้ฝูอีสวมชุดแดงอย่างที่พบเห็นได้ยากยิ่ง!
และได้ถอดหน้ากากอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาออกจากหน้าแล้ว เผยรูปโฉมที่แท้จริงของเขา
ชุดแดงนั้นเป็นสีแดงดั่งกองเพลิงเมื่อสวมอยู่บนร่างเขาแล้วกลับไม่ขัดตาเลยสักนิด อาภรณ์ชุดนั้นมิใช่เครื่องแต่งกายของเจ้าบ่าวดาษดื่นสามัญ ชุดแดงชุดนั้นของเขางดงามพลิ้วไหวยิ่งนัก เสื้อคลุมกระเพื่อมดั่งกระแสน้ำ พลิ้วไหวดั่งระลอกคลื่น
เกศาดำอาภรณ์แดง เครื่องหน้ามิอาจใช้คำว่างดงามหล่อเหล่ามาบรรยายได้อีกแล้ว นักกวีที่เลิศล้ำที่สุดบนโลกนี้ก็ไม่เพียงพอจะใช้บรรยายรูปลักษณ์ของเขาได้ จิตรกรที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ไม่อาจวาดบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
เขาบรรเลงขลุ่ย เมื่อสายลมนภาพัดผ่านเรือนผมดำขลับ อาภรณ์แดงของเขา ฉากนั้นสั่นคลอนจิตใจผู้คนอย่างเหนือธรรมดา ทำให้ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างเหล่านั้นกลั้นหายใจกันไปหมด!
ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าหญิงสาวที่เงยหน้ามองอย่าลุ่มหลงอยู่ท่ามกลางฝูงชนเลย แม่กระทั่งบุรุษเหล่านั้นเมื่อได้เห็นฉากนี้เขาก็มองตาค้างไปเลยเช่นกัน
ที่แท้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็งดงามปานนี้!
มิน่าล่ะเขาถึงสวมหน้ากากไว้ชั่วนาตาปี มิเช่นนั้นแล้วต่อให้เขามิได้อาศัยทักษะความสามารถ อาศัยเพียงดวงหน้านั้นไม่ว่าจะเดินไปที่ใดล้วนสามารถดึงดูดชาวมุงผู้บ้าคลั่งได้!
น่าชื่นชมบูชา! น่าริษยา!
ชื่นชมบูชาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ริษยากู้ซีจิ่ว….
นี่คือความรู้สึกที่เหล่าสตรีทั้งหมดในที่นี่มีร่วมกัน หญิงสาวมากมายนับไม่ถ้วนริษยาที่กู้ซีจิ่วได้สามีประเสริฐเช่นนี้ หญิงสาวนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกว่า อย่าว่าแต่ออกเรือนกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เลย ขอเพียงเขามองพวกนางมากขึ้นสักแวบหนึ่ง พวกนางก็ยินยอมพร้อมตาย!
สี่เทวทูตก็ควบขี่สัตว์พาหนะของตนขนาบอยู่สองฟากของตี้ฝูอี อารักขาคุ้มกันเขา
คนกลุ่มนี้เหินทะยานตรงไปสู่ท้องนภาเหนือจวนทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดิน จากนั้นก็ร่อนสู่พื้นตามลำดับ รูปขบวนยังเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม ชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบๆ ต่างสูดปากอยู่ไม่หยุด อุทานอยู่ไม่ขาด
—————————————————————
[1] สี่เหนียง คือ สตรีที่ออกเรือนแล้ว ทำหน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าสาวในวันวิวาห์ คอยช่วยเหลือและแนะนำเจ้าสาวตอนเข้าพิธี