ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1810+1811
บทที่ 1810 ความหวัง 4
“เขตหวงห้ามอะไร?”
“แดนเพลิงพุทธะ”
ช่วงนี้ตี้ฝูอีไม่เพียงแต่สอนวิชาโหราศาสตร์ให้เธอ อีกทั้งยังสอนกฎการเปิดและการเข้าสู่เขตหวงห้ามแต่ละที่ รวมถึงลักษณะการทำงานพิเศษของเขตหวงห้ามต่างๆ
สมองของกู้ซีจิ่วจดจำไว้มากมาย ทว่าแดนเพลิงพุทธะแห่งนี้ เธอเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก เธอเอนกายนอนลงบนขาเขา “พูดให้ละเอียดหน่อยสิ!”
ตี้ฝูอีกลับไม่ได้ปิดบังนาง บอกเล่าสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมดให้นางฟัง
ที่แท้แดนเพลิงพุทธะเป็นสถานที่ที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในแปดเขตหวงห้ามที่ตี้ฝูอีรู้จัก
มันเหมือนกันกับที่กู้ซีจิ่วเห็นในความฝัน ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นเปลวเพลิง ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นภูเขาหัวโล้นแดงเพลิง ไม่มีพืชชนิดใดเจริญเติบโต อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังมีลักษณะพิเศษที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง มีเพียงสตรีที่เข้าไปได้ หากบุรุษบุกเข้าไปด้านในโดยมิได้ตั้งใจ สถานหนักคือถึงแก่ความตาย สถานเบาคือถูกเปลวเพลิงภายในเผาไหม้
หลายปีก่อนตี้ฝูอีเคยอาศัยพลังยุทธ์ของตัวเองเข้าไปครั้งหนึ่ง แต่อยู่ด้านในได้ไม่กี่เค่อก็ทนไม่ไหวแล้ว!
ภายในช่วงเวลาหนึ่งเค่อนี้เขาตระเวนดูภูเขาหลายลูกภายใน พบว่าด้านในนอกจากเปลวเพลิงแล้วก็มีแต่ภูเขาหิน ไม่เห็นว่ามีสิ่งอื่นใด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เข้าไปอีก
จู่ๆ เมื่อได้ยินกู้ซีจิ่วเอ่ยถามขึ้นในยามนี้ เขาคล้ายประหลาดใจอยู่บ้าง “เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยถามคำถามนี้ขึ้นมา? เจ้าเคยไปสถานที่ผีสางนั่นหรือ?”
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวราวกับไม่ใช่หัวใจของตัวเอง เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ “เมื่อกี้ข้าฝัน ในฝันข้าไปสถานที่แห่งนั้น จากนั้นก็พบกับเห็ดมรรคาม่วงภายในนั้น…”
เธอบอกเล่ารายละเอียดในความฝันของตัวเองให้ตี้ฝูอีฟังทั้งหมดโดยไม่มีตกหล่น ท้ายที่สุดจึงเอ่ย “ท่านว่าภายในที่แห่งนั้นจะมีเห็ดมรรคาม่วงจริงหรือไม่? สวรรค์รับรู้ได้ถึงความจริงใจของข้าใช่หรือไม่ จึงตั้งใจมาดลบันดาลเข้าฝันข้า?”
ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง
เขาหายใจเข้าเบาๆ “เดิมทีความฝันก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง บางทีเจ้าอาจจะยึดติดกับมันมากเกินไป…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่! หากข้าเพียงแค่ยึดติดมากเกินไป เหตุใดจึงฝันถึงสถานที่ที่ตัวเองไม่เคยไปได้? อีกทั้งสถานที่แห่งนั้นยังมีอยู่จริง!”
เธอกุมมือตี้ฝูอีในทันที “ข้าอยากไปลองดู ไปลองเสี่ยงโชคดู!”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “ที่นั้นค่อนข้างอันตราย แม้แต่ข้ายังไม่เคยย่างกรายลึกเข้าไปเลย…”
“ท่านบอกเองนี่ เพลิงพุทธะที่นั่นมีความพิเศษ อนุญาตให้สตรีเข้าเท่านั้น ข้าก็คือสตรีนี่ อีกทั้งข้าก็ยังมีพลังยุทธ์ เข้าไปไม่มีทางเกิดเรื่องใดเป็นอันขาด!” สายตากู้ซีจิ่ววาบไหว ไม่ง่ายเลยที่เธอจะพบเจอความหวังรำไร ย่อมไม่มีทางปล่อยมันไป!
ตี้ฝูอีมองสีหน้านาง รู้ว่านางตัดสินใจแล้ว วัวเก้าตัวก็ฉุดรั้งนางกลับมาไม่ได้
เนื่องจากมีความหวังใหม่อีกครั้ง กู้ซีจิ่วจึงเปลี่ยน ‘ความตายซาก’ ในหลายวันมานี้ ให้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนพลังงานเข้าไปในร่างกายที่อ่อนเยาว์อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ดวงตาเธอเป็นประกาย ทั้งตัวราวกับสว่างไสวขึ้นมา
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย “เข้าสู่เขตหวงห้ามนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวัน…”
กู้ซีจิ่วหายใจเข้าเบาๆ “ไม่เป็นไร อายุขัยของท่านน่าจะเหลืออีกสิบสองวัน ยังทันเวลา!”
ตี้ฝูอีไม่วางใจ “ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ต้อง! ยามนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการดูแลร่างกายของท่าน ไม่อาจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยได้อีกเป็นอันขาด ยิ่งไม่อาจฝืนตัวเอง…ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด!”
เธอเป็นพวกใจร้อน กล่าวถึงตรงนี้ก็ไม่มีกะใจจะนอนอีกแล้ว ลุกขึ้นนั่งในทันที แล้วแต่งตัวลงจากเตียง “เขตหวงห้ามนั้นไปอย่างไร? ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
ตี้ฝูอีดึงรั้งนางเอาไว้ นวดคลึงหว่างคิ้วอย่างจนปัญญา “เจ้ายังมีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อนเสียจริง เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ ข้าต้องเตรียมตัวให้เจ้าเป็นอย่างดี”
กู้ซีจิ่วค่อนข้างร้อนรน “ยังต้องเตรียมตัวอะไรอีกเล่า? เวลาของพวกเราในตอนนี้กระชั้นยิ่งนัก ไม่อาจสิ้นเปลืองได้แม้สักนาทีหรือวินาที!”
———————————————————————–
บทที่ 1811 บทลงโทษของเขา
ตี้ฝูอีทอดถอนใจพลางเอ่ย “วางใจเถอะ ไม่ทำให้เจ้าล่าช้านานเกินไปหรอก ให้เวลาข้าหนึ่งวันเถิด การเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นไม่อาจบุ่มบ่ามบุกเข้าไปได้ ต้องสวมเสื้อผ้าที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ ซ้ำยังต้องร่ายเคล็ดกันไฟที่เข้ากันด้วย”
กู้ซีจิ่วคำนวณเวลาดู เตรียมตัวหนึ่งวัน เข้าออกเป็นห้าวัน รวมทั้งหมดเป็นหกวัน หากว่าเธอว่องไวอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าสี่ห้าวันก็ออกมาได้แล้ว…
เมื่อคำนวณเวลาเช่นนี้แล้วก็นับว่ายังเหลือเฟือ
ในเมื่อนี่คือความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่เธอสามารถไขว่คว้าได้ในยามนี้ ย่อมต้องรอบคอบกันสักหน่อย เมื่อลงแรงช่วงชิงจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น!
เธอเชื่ออย่างหมดใจว่านี่คือคำใบ้ที่สวรรค์มอบให้เธอ ไม่แน่ว่าวิธีนี้อาจรั้งตี้ฝูอีให้อยู่ต่อไปได้จริงๆ!
เธอเซื่องซึมมาหลายวัน ตอนนี้ในที่สุดก็ฮึกเหิมมีพลังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
เธอมองตี้ฝูอีที่กำลังเขียนบางสิ่งอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเคล็ดฝึกฝนอะไรสักอย่าง
ตัวอักษรของเขาและตัวเขาเองสวยสง่างดงามอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน แต่ละแถวดั่งธาราไหลรินเมฆาเคลื่อนคล้อย เจริญตายิ่งนัก
กู้ซีจิ่วซบไหล่เขามองอยู่ครู่หนึ่ง ทราบว่านี่เป็นเคล็ดวิชาที่เขาคัดไว้ให้ตน เดิมทีเธอต่อต้านเรื่องนี้ยิ่งนัก เนื่องจากการที่เขาทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตรียมพร้อมไว้ให้หลังสิ้นชีพไป เป็นไปได้ว่าจะทิ้งมรดกเอาไว้ให้เธอ
ดังนั้นขอเพียงเธอเห็นเขาเขียนสิ่งเหล่านี้ในใจก็จะไม่พอใจขึ้นมา หาเหตุมาทะเลาะกับเขาอยู่ไม่กี่ครั้ง ต่อมาเขาจึงไม่เขียนต่อหน้าเธออีกเลย มักจะอาศัยเวลาช่วงที่เธอไม่อยู่ข้างกายมาเขียนเป็นประจำ…
ตอนนี้เนื่องจากได้เห็นความหวังอันยิ่งใหญ่แล้ว กู้ซีจิ่วจึงอารมณ์ดียิ่งนัก มองเขาเขียนสิ่งเหล่านั้นโดยไม่รู้สึกต่อต้านเลย
เพียงแต่เธอยังคงไม่อยากให้เขาเขียนอยู่ดี ดึงพู่กันไปจากมือเขา “เคล็ดวิชาเหล่านี้วันหน้าท่านค่อยสอนให้ข้าด้วยตัวเองก็ได้นี่ ไม่ต้องเขียนหรอก เสียแรงเปล่าๆ น่า ท่านยังต้องพักผ่อนให้ดีๆ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง”
ตี้ฝูอีไม่ได้โต้เถียงกับเธอ รวบรวมกระดาษที่เขาเขียวแล้วไว้ด้วยกัน แล้ววางบนโต๊ะ “ได้ ไม่เขียนก่อนก็ได้ มา ข้าจะสอนเคล็ดพิเศษในการเข้าสู่ด้านในนั้นให้เจ้าก่อน…”
ครั้งนี้กู้ซีจิ่วร่ำเรียนได้ว่องไวเหนือธรรมดา เรียนได้รวดเร็วยิ่งนัก
ตี้ฝูอีไม่วางใจ ให้เธอลองซ้อมดูต่อหน้าตน เขาสอนอย่างเข้มงวดจริงจัง เธอทำผิดพลาดเล็กน้อยก็ถูกเขาจับได้ทันที จากนั้นก็จะให้เธอแก้ไขใหม่อีกครั้ง…
จวบจนเห็นว่าเธอทำได้เกือบสมบูรณ์แล้ว เขาถึงปล่อยให้เธอฝึกฝนด้วยตัวเองไปก่อนชั่วคราว เขาจะไปจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดพิเศษให้เธอ
กู้ซีจิ่วย่อมไม่ขัดขวาง ทำความเข้าใจให้ปรุโปร่งด้วยตัวเองอยู่ที่เรือน
เธอฝึกฝนอยู่กว่าสองชั่วยามเต็มๆ รู้สึกว่าน่าจะพอใช้ได้แล้ว ถึงได้เดินออกมา
เดินเตร่อยู่ด้านนอกรอบหนึ่ง คิดจะตามหาตี้ฝูอีดู แต่มู่เฟิงบอกเธอว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจะออกจากวังมรกตไปกับมู่เหล่ยมู่เตี่ยน
กู้ซีจิ่วไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ จึงใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อหาเขาเสียเลย
ในใจเธอยังคงกระวนกระวายอยู่บ้าง เนื่องจากในอดีตทุกครั้งยามที่ตี้ฝูอีเดินทางไปเสี่ยงภัยที่ใดด้วยตัวเอง ล้วนติดนิสัยชอบปิดยันต์ถ่ายทอดเสียง ทำให้เธอกระวนกระวายอย่างยิ่ง
ถึงแม้หลังจากเธอกับเขาคืนดีกันแล้ว เขาจะไม่มีช่วงเวลาที่ติดต่อไม่ได้อีก แต่ถึงอย่างไรก็เคยมีตัวอย่างมาก่อนหลายครั้ง เธอจึงค่อนข้างพะว้าพะวงอยู่เสมอ เกรงว่าจะติดต่อไม่ได้อีก
ค่อยยังชั่ว เธอเพิ่งติดต่อผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงได้ครู่เดียว ด้านนั้นก็รับสายแล้ว น้ำเสียงกระจ่างรื่นหูเช่นที่ผ่านมาของเขาแว่วขึ้น ‘ซีจิ่ว มีตรงไหนในวิชายุทธ์นั้นที่ไม่เข้าใจงั้นหรือ?’
หัวใจของกู้ซีจิ่วสงบลงแล้ว “ไม่มีหรอก ท่านไปไหนหรือ? จะกลับมาเมื่อไหร่?”
“รอข้าอีกหนึ่งชั่วยามเถิด เจ้าฝึกฝนไปก่อนนะ พอกลับไปข้าจะตรวจสอบระดับความเชี่ยวชาญของเจ้าดู หากว่าทำให้ข้าพอใจไม่ได้ ข้าจะลงโทษเจ้า!”
กู้ซีจิ่วหน้าแดงเล็กน้อย บทลงโทษของเขาอยู่บนเตียงเสมอ…
———————————————