ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1816+1817
บทที่ 1816 วันนี้ท่านช่างจู้จี้เสียจริง
แดนเพลิงพุทธะเป็นเขตหวงห้ามที่ถูกผนึกไว้ สามารถเปิดผนึกได้ที่วังมรกตแห่งนี้
ตี้ฝูอีพานางกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองมาภายในสวนดอกไม้ด้านหลัง ตรวจสอบอาภรณ์และสิ่งของทั้งหมดที่ติดตัวนางมาด้วยตัวเอง เขาตระเตรียมสิ่งของให้นางไม่น้อย มีทั้งอาวุธวิเศษชนิดต่างและอาหารนานาชนิด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด
ตี้ฝูอีละเอียดรอบคอบเหนือธรรมดา ตรวจสอบสิ่งของเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนอีกรอบหนึ่ง เพื่อยืนยันว่านางนำสิ่งของทุกอย่างติดตัวไปแล้วจริงๆ ถึงวางใจลงได้
สี่ทูตยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์ออกคำสั่ง พวกเขาจะเปิดประตูเขตหวงห้ามบานนั้นทันที
“ซีจิ่ว เจ้าต้องระวังทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเข้าไปถึงด้านใน ความปลอดภัยของเจ้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ต่อให้ตามหาเห็ดมรรคาม่วงไม่เจอ ก็ไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ภายในนั้น นานที่สุดหกวัน นานกว่านั้นไม่ได้…” ตี้ฝูอีสั่งการ
“ได้!” กู้ซีจิ่วรับปาก
“เจ้าหอยยักษ์ อยู่ด้านในเจ้าต้องใช้วิชาเยือกแข็งพิทักษ์คอยทำให้เปลือกของเจ้าเย็นตลอดเวลา ด้านในมีสัตว์ร้ายธาตุไฟชนิดหนึ่ง เจ้าใช้วิชาแยกวายุต้านทานไว้ได้…”
เจ้าหอยยักษ์ไม่ได้เสี่ยงอันตรายมานานมากแล้ว ยามนี้ใบหน้าเปี่ยมความตื่นเต้น “ได้เลย ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านคอยดูได้เลย!”
“ลู่อู๋น้อย เจ้าถนัดใช้วิชาไฟ ไฟของเจ้าแตกต่างจากไฟในเขตหวงห้าม เมื่อเจ้าใช้วิชาไฟ สามารถ…” ตี้ฝูอีหันหน้ามาสั่งการลู่อู๋น้อย
ความจริงลู่อู๋น้อยค่อนข้างทนไม่ไหว มันมีนิสัยใจร้อน “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ วาจานี้ท่านเคยสั่งการแล้ว”
ยามนี้กู้ซีจิ่วต้องการไปใจจะขาด อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านไม่จำเป็นต้องสั่งการแล้ว ถ้อยคำเหล่านี้ พวกมันจวนจะท่องจำได้แล้ว วันนี้ท่านช่างจู้จี้เสียจริง”
ตี้ฝูอีกชะงักงันเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โง่งม ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้ามากไปเท่านั้นเอง”
“อื้ม ข้ารู้แล้วว่าท่านเป็นห่วงจนกระวนกระวายใจ วางใจเถิด ข้ารับรอง ข้าไม่เพียงแต่จะเก็บเห็ดมรรคาม่วงนั้นมาได้ อีกทั้งยังจะกระโดดโลดเต้นอย่างมีชีวิตชีวา ไม่มีบาดแผลแม้เพียงน้อย! ส่วนท่าน ช่วงนี้ท่านต้องบำรุงรักษาร่างกายให้ดี ห้ามตรากตรำใช้สมองและแรงกายหนักอีก” กู้ซีจิ่วตบบ่าสั่งการเขา
ตี้ฝูอียกแขนขึ้นรั้งนางเข้าสู่อ้อมกอด “ไม่อยากเลยจริงๆ…ไม่อยากให้เจ้าเข้าไปเพียงลำพัง”
ความอบอุ่นในอ้อมกอดเขายังคงเดิม กู้ซีจิ่วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ หากไม่ใช่ว่าบุรุษไม่อาจเข้าไปข้างในได้ ข้าก็จะพาท่านไปกับข้าด้วยแล้ว”
เจ้าหอยยักษ์และลู่อู๋น้อยที่อยู่ด้านข้างตัวสั่นสะท้าน มองหน้าสบตากันแวบหนึ่ง เจ้าหอยยักษ์เอ่ยขึ้นเสียงอ่อน “บุรุษไม่อาจเข้าไป? เจ้านาย เทพศักดิ์สิทธิ์ ข้ากับลู่อู๋น้อยต่างก็เป็นตัวผู้…”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “พวกเจ้าเป็นสัตว์ เป็นตัวผู้แต่ก็ไม่ใช่บุรุษ จะกลัวอะไร?”
เจ้าหอยยักษ์ปิดปากเงียบสนิท
กู้ซีจิ่วตบมือของเขาที่ยังโอบเอวเธอไว้ “เอาล่ะ เวลากระชั้นชิด ข้าควรไปแล้ว ท่านให้พวกเขาเปิดประตูเขตหวงห้ามเถิด”
ตี้ฝูอีจุมพิตบนริมฝีปากนางคราหนึ่ง “ดูแลตัวเองด้วย!” จากนั้นจึงยอมปล่อยนางไป แล้วส่งสัญญาณมือไปทางสี่ทูต
อันที่จริงสี่ทูตก็ร้อนรนเช่นกัน พวกเขารู้เรื่องเห็ดมรรคาม่วงจากปากกู้ซีจิ่วแล้ว และคาดหวังว่านางจะเก็บของสิ่งนั้นกลับมาได้โดยเร็ว ทำให้เทพศักดิ์สิทธิ์มีชีวิตยืนยาวได้…
เวลาของเทพศักดิ์สิทธิ์มีไม่มาก ยิ่งกู้ซีจิ่วเข้าไปเร็วเท่าใดยิ่งดี ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาได้รับคำสั่งก็เปิดประตูลึกลับของแดนเพลิงพุทธะนั้นทันที
ด้วยวิธีการของสี่ทูต ลำแสงวงแหวนขนาดใหญ่สีแดงทองปรากฏขึ้นกลางอากาศ ภายในคล้ายมีไฟลุกโชน
การเปิดประตูนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่ง ซ้ำยังประคับประคองอยู่ได้ไม่นาน กู้ซีจิ่วจึงไม่กล้าละเลย ดึงเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยเหินทะยานไปในลำแสงวงแหวนนั้น วินาทีที่เข้าไป กู้ซีจิ่วหันหลังกลับมาเล็กน้อย มองเห็นตี้ฝูอียืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผย กำลังจ้องมองเธออยู่
เนื่องจากระยะทางที่ไกล กู้ซีจิ่วมองไม่เห็นนัยน์ตาเขาว่าเป็นอย่างไร
————————————————————————-
บทที่ 1817 ตามหาโอสถ
เนื่องจากระยะทางที่ไกล กู้ซีจิ่วมองไม่เห็นนัยน์ตาเขาว่าเป็นอย่างไร เพียงแค่มองเห็นว่าเขายิ้ม โบกมือมาทางเธอ และในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เธอก็ร่อนลงสู่แดนเพลิงพุทธะแล้ว เงาร่างพลันหายวับไปในทันใด
…
หลังจากกู้ซีจิ่วเหินทะยานเข้าไป ลำแสงวงแหวนนั้นค่อยๆ จางหาย มู่เฟิงและคนอื่นๆ ต่างโล่งใจ
แม่นางกู้เป็นคนที่เก่งในการสร้างปาฏิหาริย์ บางทีคราวนี้นางก็อาจยังสร้างปาฏิหาริย์ได้!
มู่เตี้ยนค้อมศีรษะไปทางตี้ฝูอีในทันที “นายท่าน ท่านได้รับบาดเจ็บไม่น้อย รีบไปพักผ่อนเสียจะดีกว่า”
เขาอยู่เคียงข้างนายท่านยามที่ได้รับบาดเจ็บ ย่อมรู้หนักเบาเป็นอย่างดี ทว่านายท่านไม่ให้เขาเอ่ยถึง เขาจึงไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้กับผู้ใด ได้แต่เป็นกังวลมาโดยตลอด
“นายท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?!” สีหน้ามู่เฟิงแปรเปลี่ยน
มู่เตี้ยนกำลังจะอธิบาย ตี้ฝูอีก็ทำท่าทางห้ามปราม “ไม่เป็นไร ข้ามีเรื่องสำคัญให้พวกเจ้ารีบไปทำ” เขาหยิบหนังสือกองโตออกจากในช่องมิติเก็บของ แจกจ่ายให้พวกเขาทั้งสี่ “พวกเจ้าต้องคัดลอกหนังสือเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นภายในสี่วัน ไม่อาจล่าช้าได้แม้เพียงวันเดียว!”
สี่ทูตมองหนังสือกองโตในมือของเขาด้วยความงุนงง หนังสือเหล่านี้ครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง มีทั้งหนังสือเคล็ดคาถา โหราศาสตร์ หลอมโอสถ ค่ายกล…ทุกอย่างพร้อมมูล ดูจากชื่อหนังสือแล้วคล้ายจะเป็นวิชาลับที่มีเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เรียนรู้ได้
ตัวอักษรของหนังสือเหล่านี้เหมือนกันทุกเล่ม เป็นลายมือของตี้ฝูอีทั้งหมด เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าเขาเป็นคนเขียนมัน
มู่เฟิงเอ่ยถามอย่างกล้าหาญ “นายท่าน วรยุทธ์ในหนังสือนี้น่าจะเป็นวิชาลับกระมัง…ให้พวกข้าทั้งสี่คัดลอกจะไม่เหมาะสมหรือไม่?”
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม พวกเจ้าคัดลอกไปตามนั้นก็พอ คัดลอกเสร็จแล้วส่งไปที่ห้องหนังสือของข้า เอาล่ะ เวลาเร่งรัด รีบไปเถิด”
สี่ทูตมองหน้ากันและกัน รู้ว่านายท่านของพวกเขาไม่เคยทำสิ่งใดตามกฎเกณฑ์ปกติ ดังนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรอีกแล้ว รีบหอบหนังสือเหล่านั้นไป
หนังสือจำนวนสิบสองเล่มต่อคน คัดลอกให้แล้วเสร็จภายในเวลาสี่วัน ช่างเป็นงานใหญ่เสียเหลือเกิน! เกรงว่าพวกเขาจะต้องอดหลับอดนอนถึงจะทำได้สำเร็จ
สี่ทูตจากไปแล้ว ตี้ฝูอียืนอยู่ตรงที่เดิมเพียงลำพัง มองจุดที่กู้ซีจิ่วหายตัวไป เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน แสนนาน
เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เกศาดำน้ำหมึกเปลี่ยนเป็นขาวดุจหิมะ…
นางไม่ชอบเขาที่มีผมสีขาว ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาจะยังคงไว้ซึ่งผมสีดำแม้ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณแค่ไหนก็ตาม ยามนี้ไม่มีความจำเป็นแล้ว ย่อมทำให้มันกลับไปเป็นปกติ…
…
เปลวเพลิงลุกโพลงทั่วทั้งสี่ทิศ ภายในสีแดงเพลิงแฝงสีทองจางๆ แม้แต่ผืนดินและหินภูเขาเบื้องล่างก็กำลังลุกเป็นไฟ
กู้ซีจิ่วสวมใส่เสื้อคลุมคุน บวกกับการจรดมุทราเคล็ดคาถากันไฟ แต่ยังคงรู้สึกร้อนระอุเมื่ออยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง!
สี่วัน! เธอตามหาอยู่ด้านในสี่วันเต็มๆ แล้ว! ยังคงไม่มีวี่แววของเห็ดมรรคาม่วง
เขตหวงห้ามนี้กว้างใหญ่เหนือธรรมดา เสมือนภูเขาเสียดเวหาในตำนาน เธอเดินผ่านภูเขาลูกหนึ่งก็เป็นภูเขาอีกลูกหนึ่ง ทว่าเบื้องหน้าก็ยังคงเป็นภูเขาต่อกันเป็นทิวแถว…
เดิมทีเธอคิดว่าจะมีเส้นทางที่เคยเดินผ่านในความฝันเป็นจุดสังเกตได้ หลังจากเข้ามาขอเพียงแค่ตามหาทิวทัศน์ในความฝันพบก็จะตามหาสถานที่ที่มีเห็ดมรรคาม่วงเติบโตพบได้อย่างง่ายดาย
นึกไม่ถึงว่าลักษณะภูเขาในที่แห่งนี้กลับคล้ายกันยิ่งนัก!
ภูเขาทุกลูกที่เธอเดินผ่านล้วนเหมือนกับภูเขาในความฝัน เพียงแต่ไม่มีที่โล่งผืนนั้นที่แบกความหวังของเธอไว้!
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?
หรือว่านั่นคือความฝันที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆ? ไม่ใช่ของจริง?
“เจ้านาย พวกเราต้องเดินหน้าต่อไปอีกหรือไม่?” เจ้าหอยยักษ์ติดตามข้างกายนางทุกย่างก้าว มันรู้สึกว่าเปลือกของมันใกล้จะถูกเปลวเพลิงนี้แผดเผาจนไหม้เกรียมแล้ว! หากไม่ได้ใช้วิชาระบายความร้อนที่ตี้ฝูอีสอนให้มาตลอด มันแทบจะสงสัยว่าตัวเองในยามนี้จะกลายเป็นหอยปรุงสุกไปแล้ว!
————————————–