ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1828+1829
บทที่ 1828 ท่านอยู่ที่ไหน 4
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้นแล้ว เบื้องหน้ามืดมัวเป็นพักๆ มือเท้าเยียบเย็นเป็นระยะๆ ทว่าร่างกายกลับอ่อนยวบ
เธอกลับมาสายเกินไป…
เธอเก็บสมุนไพรวิญญาณได้แล้วชัดๆ แต่สวรรค์กลับไม่มอบโอกาสให้เธอได้ช่วยเขา…
ในสมองเธอว่างเปล่าขาวโพลน ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น
มีเพียงประโยคเดียวที่ก้องอยู่ในสมอง เขาตายแล้ว! เขาตายแล้วจริงๆ! ต่อไปเธอจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว…
การพบหน้าครั้งสุดท้ายของเขากับเธอคือตอนที่เธอจะเข้าสู่แดนเพลิงพุทธะ การโอบกอดการจุมพิตอย่างเร่งร้อนนั้นก็คือการบอกลา…
เธอก็ไม่ทราบเช่นกันว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว ตัวคนเสมือนถูกสูบลมออกไป
จวบจนมีเสียงห่วงใยของมู่เฟิงแว่วมาจากด้านนอก “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์? ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ? ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
เธอเงยหน้ามองนภาดาษดาราอย่างทึ่มทื่อ ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
สุดท้ายแล้วมู่เฟิงก็ไม่วางใจ ในที่สุดก็บุกเข้ามา เห็นเธอนั่งอยู่บนพื้น แหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าซีดเซียว แน่นิ่งปานหุ่นไม้
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์?” มู่เฟิงปวดใจ ก้าวเข้าไปหา “ท่านกลับไปพักสักหน่อยดีไหมขอรับ?”
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คงจะเหนื่อยล้าเกินไป ถึงได้เสาะแสวงหาคนที่ไม่มีตัวตนผู้หนึ่งไปจนทั่ว…
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดสายตาของกู้ซีจิ่วก็ค่อยๆ หันเหไปที่ดวงหน้าของเขา “มู่เฟิง เจ้าจำเขาไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ? เขาเคยเป็นนายของเจ้า เป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าจงรักภักดียิ่งชีพ เจ้าติดตามเขามาหลายร้อยปีแล้ว…เขามีนามว่าตี้ฝูอี และมีนามว่าหวงถู…”
น้ำเสียงเธอแหบแห้งยิ่งนัก ดวงตาแดงก่ำ ทว่าไม่มีน้ำตาเลยสักหยด “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาดีต่อพวกเจ้าถึงเพียงนั้น ทำไมพวกเจ้าถึงลืมเขาได้เล่า? เขาจัดการเรื่องราวเพื่อโลกนี้มากมายถึงเพียงนั้น…เหตุใดต้องลบเขาทิ้งด้วย?”
มู่เฟิงขมวดคิ้วนิดๆ ยามที่กู้ซีจิ่วเอ่ยถึงสองนามนี้ เขายังคงนึกอะไรไม่ออกเช่นเดิม ทว่ากลับปวดใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด!
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีก ในที่สุดก็ลุกขึ้น ฝีเท้าของเธอเลื่อนลอย เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพื้นราบเรียบยิ่งนักทว่าเธอกลับก้าวอย่างหนักบ้างเบาบ้าง…
เธอตระเวนไปทั่ววังมรกต!
ทว่าไม่พบสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีเลยแม้สักเศษเสี้ยว
อักษรที่เธอจารึกไว้เหล่านั้น ในส่วนที่เกี่ยวพันถึงตี้ฝูอี ล้วนเลือนหายไปทั้งหมด ราวกับว่าวังมรกตแห่งนี้ไม่เคยมีคนผู้นี้มาก่อน
ราวกับว่าตี้ฝูอีคนนี้เป็นคนที่เธอจิตนาการขึ้นมาในความฝัน ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในโลกของความเป็นจริงเลย
แม้แต่เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ก็ลืมเลือนตัวตนของเขาไปแล้ว คล้ายว่าจะมีเพียงตัวเธอเท่านั้นที่จดจำคนผู้นี้ได้…
ในทรวงอกเธอราวกับมีไฟกองหนึ่งสุมอยู่!
เป็นไปได้ไหมว่าตี้ฝูอีกลัวว่าเธอจะเสียใจจนเกินไป ดังนั้นก่อนที่จะดับขัน์ไปจึงได้ลงอาคมอันใดกับวังมรกตแห่งนี้? ทำให้คนหรือสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ลืมเลือนเขาไป ลบทุกอย่างของเขาทิ้งไปจนสิ้น!
บางทีสิ่งที่เขาต้องการจะลบที่สุดอาจจะเป็นความทรงจำของเธอ แต่เกิดจับพลัดจับผลูขึ้น เหลือเพียงเธอคนเดียวที่ยังคงจำได้ ไม่ได้รับผลกระทบจากอาคมนั้น…
บางทีคนที่โลกภายนอกอาจจะยังจำได้!
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา เธอก็นั่งไม่ติดแล้ว ออกจากวังไปในทันใด…
….
ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีถูกลบทิ้งไปจากโลกใยนี้แล้วจริงๆ!
กู้ซีจิ่วสุ่มสอบถามคนบางส่วนดู คนกลุ่มนี้มีทั้งชาวบ้าน มีทั้งพ่อค้า มีทั้งขุนนาง ถึงขั้นที่มีกษัตริย์ของอาณาจักรหนึ่งด้วย แต่ว่า…ไม่มีสักคนเลยที่จำได้ว่าโลกนี้เคยมีคนชื่อตี้ฝูอีอยู่…
ในเวลาเดียวกับที่เธอกำลังสอบถามข่าวของตี้ฝูอีไปทั่วก็ได้ยินข่าวหนึ่งมา หนึ่งวันก่อนมีฝนอุกกาบาตตกลงมา ตกไปทั่วแผ่นดินนี้ ทว่าถูกคลื่นแสงสี่สายสี่สีสันสกัดกั้นไว้กลางอากาศอย่างน่าประหลาด สุดท้ายก็มอดไหม้เป็นจุณไป…
และหลังจากเกิดปรากฏการณ์ฝนอุกกาบาตครั้งใหญ่นี้ขึ้น เชียนเยวี่ยหร่านเจ้าสำนักเก้าดารา ฮวาอู๋เหยียนเจ้าสำนักหยินหยาง ทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ย รวมถึงหลานจิ้งอี๋แห่งเผ่าเงือกล้วนหายสาบสูญไปพร้อมกัน…
———————————————————————–
บทที่ 1829 ท่านอยู่ที่ไหน 5
มีคนร่ำลือกันว่าพวกเขาได้รับบัญชาจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ใช้พลังยุทธ์ทั้งชีวิตเพื่อยับยั้งฝนอุกกาบาต ป้องกันภัยพิบัติล้างโลกา เพียงแต่พวกเขาก็สูญสิ้นพลังวิญญาณไปเช่นกัน ดับสูญไปจากโลกนี้ทันที
ในใจของคนเหล่านี้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยังคงลึกลับยิ่งนัก ไม่ทราบชื่อแซ่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเทพศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนคนไปแล้ว…
กู้ซีจิ่วไปที่จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาแล้วเช่นกัน แต่ในยามที่ตี้ฝูอีพากู้ซีจิ่วจากไป จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ถูกตี้ฝูอียุบทิ้งไป ที่นั่นว่างเปล้าร้างผู้คน ไม่เห็นเงาของผู้ใดเลยสักคน
ร่องรอยการมีชีวิตอยู่ที่นี่ของตี้ฝูอีถูกลบทิ้งไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่เหลือสิ่งใดอยู่เลย
กู้ซีจิ่วเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่เนิ่นนานปานผีเร่ร่อน สุดท้ายก็จากไปอย่างสิ้นหวัง…
ในใจเธอเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง จิตใจเต็มไปด้วยความสับสน ทว่าไม่มีแม้แต่ผู้ที่จะให้ระบายด้วยเลยสักคน
ทุกคนต่างลืมตี้ฝูอีไปหมดแล้ว เหลือเพียงเธอคนเดียวที่ยังจำได้…
อันที่จริงเธอต้องการจะไปหาคนรู้จักที่คุ้นเคยกับเธอและตี้ฝูอียิ่งนัก ไปพูดคุยเรื่องตี้ฝูอีดีๆ เพียงเพื่อยืนยันว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่ เพียงเพื่อลบล้างความอ้างว้างมหาศาลในหัวใจ…
แต่ว่าไม่มีใครจำเขาได้แล้ว!
เธอโอบอุ้มความหวังเสี้ยวสุดท้ายไปหาหลงซือเย่ เมื่อหลงซือเย่เห็นเธอมาก็ดีใจยิ่งนัก แต่ยามที่ได้ยินเธอเอ่ยถึงตี้ฝูอีขึ้นมา เขาพลันมีสีหน้างุนงง เห็นได้ชัดว่าเขาก็จำไม่ได้เช่นกัน!
เป็นอันชัดเจนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีถูกลบทิ้งไปจากโลกใบนี้อย่างหมดจดแล้ว!
คนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นกลับถูกกำจัดไปจากโลกใบนี้ แม้แต่นามก็ไม่มีผู้ใดจดจำได้…
กู้ซีจิ่วไม่สนใจการรั้งให้อยู่ต่อของหลงซือเย่ ออกจากสำนักถามสวรรค์อย่างรวดเร็ว
เธอตามหาทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีเสมือนบ้าคลั่งไปแล้ว แม้จะเป็นอักษรไม่กี่แถวที่เขาทิ้งไว้ก็ยังดี แต่ว่า…ไม่มีเลย!
เธอรอนแรมไปทั่วแผ่นดินอย่างไร้ชีวิตจิตใจอยู่เนิ่นนาน ท้ายที่สุดแล้วก็นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาได้…วังแก้วผลึกใต้สมุทร!
สถานที่แห่งนั้นอยู่ใต้มหาสมุทรลึก บางทีอาจจะยังไม่ถูกลบล้างไป อาจจะเหลือข้าวของของเขาอยู่ไม่น้อย…
….
ด้วยพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเธอ การเข้าสู่ตำหนักแก้วผลึกใต้สมุทรลึกเป็นเรื่องง่ายดายนัก
ในที่สุดเธอก็กลับมาที่ตำหนักแก้วผลึกแห่งนั้นอีกครั้ง…
ตำหนักแก้วผลึกตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ประหนึ่งภาพมายาที่งดงามที่สุดก็มิปาน แบกรับความหวังอันน้อยนิดของกู้ซีจิ่วไว้
สถานที่แห่งนี้คือบ้านที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดเป็นส่วนตัวที่สุดของเขากับเธอ เขาเคยตกแต่งเรือนหอเอาไว้ที่นี่ เคยพลอดรักอย่างร้อนแรงกับเธอที่นี่ เคยจับจูงมือเธอเดินไปทั่วทุกซอกทุกมุมของตำแหนักแห่งนี้…
ตอนนี้ตำหนักหลังนี้ยังอยู่ สิ่งปลูกสร้างทุกอย่างยังคงวิจิตรงดงามเช่นเดิม
แต่ว่าอักษรเหล่านั้นที่ตี้ฝูอีเคยจารึกไว้หายไปหมดแล้ว!
อักษรที่เธอเคยจารึกไว้บนหินปะการัง บนต้นไม้ บนราวกั้นเหล่าก็แหว่งวิ่นไปไม่สมบูรณ์แล้ว จุดที่เคยมีนามของเขาสลักอยู่ล้วนว่างเปล่าทั้งสิ้น…
เธอเคยจารึกชื่อของคนทั้งสองลงบนแผ่นศิลาก้อนหนึ่ง จากนั้นก็วาดหัวใจหนึ่งดวงไว้ตรงกลาง มีศรกามเทพดอกหนึ่งเสียบทะลุหัวใจ แต่ตอนนี้ชื่อของเธอ หัวใจดวงนั้น ลูกสรดอกนั้นล้วนอยู่ครบ อย่างเดียวที่หายไปแล้วคือชื่อของเขา…
เธอวนเวียนไปทั่วอย่างไม่ถอดใจ สุดท้ายยังคงสิ้นหวังขึ้นเรื่อยๆ…
ตี้ฝูอี! ตี้ฝูอี!
สวรรค์ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว! ทำไมต้องลบเขาทิ้งไปเลยด้วยล่ะ?! แม้แต่นามก็เหลือไว้ไม่ได้หรือ?
เธอค่อยๆ ก้าวไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง เก้าอี้โยกสองตัวนั้นยังคงอยู่ในสวนดอกไม้ สายตาเธอพร่าแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็เห็นตี้ฝูอีนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกตัวนั้น ยิ้มน้อยให้เธอ กางแขนมาทางเธอ น้ำเสียงแว่วเลือนรางสายหนึ่งคล้ายจะแว่วผ่านหู “เด็กน้อย มานี่สิ”
กระบอกตากู้ซีจิ่วร้อนผ่าว มองเขาอย่างทึ่มทื่อ ริมฝีปากสั่นระริก “ตี้ฝูอี…ที่แท้ ที่แท้ท่านก็มาซ่อนอยู่ที่นี่!”
เธอพุ่งเข้าไป หมายจะโอบกอดเขา คิดจะโผเข้าหาอ้อมกอดเขา สัมผัสถึงอุณหภูมิของเขา สัมผัสตัวเป็นๆ ของเขา
กลับคาดไม่ถึงว่าร่างกายเธอก็โผลงบนเก้าอี้โยกตัวนั้น ตี้ฝูอีหายไปแล้ว สิ่งที่เธอโอบกอดคือพนักพิงของเก้าอี้โยก…
————————————–