ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1878+1879
บทที่ 1878 เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เดิมทีกู้ซีจิ่วรู้สึกว่าสองคนนี้คล้ายว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่ตนกำลังตามหาอยู่บ้าง หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงเข้าไปทักทาย พลางเชื้อเชิญทั้งสองคนนั้นมาดื่มกันสักจอกแล้ว
แต่ดูจากท่าทางของสองคนนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีทีให้ผู้อื่นสอดเท้าเข้าไปแทรกได้เลย
กู้ซีจิ่วย่อมไม่คิดจะรบกวนคนทั้งสอง และไม่คิดจะทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเช่นนี้ด้วย หลังจากกล่าวขออภัยว่าเพียงผ่านทางมา ก็หันหลังจากไป
เธอเพิ่งจะเหาะทะยานออกมา จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา ในความเงียบคล้ายว่าจะสิ่งของจำพวกลูกแก้วอันใดมองมาทางเธออยู่!
เธอกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง มองไปยังทิศทางหนึ่งตามสัญชาตญาณ กลับมองเห็นเพียงประชาชนที่กำลังไชโยโห่ร้องยิ่งดีที่รอดพ้นหายนะมาได้อยู่ด้านล่าง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เธอสับสนงงงวย
ใคร่ครวญแวบหนึ่ง ร่อนลงไป หาเหลาสุราสักแห่ง แล้วเข้าไปดื่มสุรา พลางสืบถามข่าวคราวไปด้วย
เหลาสุราแห่งนี้เป็นแหล่งข่าวที่เฉียบไวที่สุดอีกทั้งเธอมีใจหมายสืบหาข่าวคราว หลังจากกินอาหารไปมื้อหนึ่ง เธอก็เข้าใจเรื่องราวพอสมควรแล้ว
ที่แท้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนจู่ๆ ทวีปนี้ก็ถูกมรสุม ‘พิษร้าย’ เข้าปกคลุมอย่างกระทันหัน ทั้งสามภพแทบจะกลายเป็นขุมนรกแล้ว มาหาเทพกับจอมมารรวมถึงจักรพรรดิเซียนตลอดจนผู้นำของภพที่เหลือร่วมกันผนึกพิษร้ายสีม่วงนี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์ แต่มหาเทพเสินจิ่วหลี่ก็ดับขันธ์ลงด้วยสาเหตุนี้ ตัวแทนมหาเทพจึงถือกำเนิดขึ้น
ตัวแทนมหาเทพคิดจะรวมสามภพให้เป็นหนึ่ง กลายเป็นผู้ปกครองสามภพ จักรพรรดิเซียนกับตัวแทนมหาเทพสมคบกัน ปองร้ายต่อจอมมารหนิงเสวี่ยโม่แม่ลูก ในช่วงเวลาที่คับขัน หนิงเสวี่ยโม่ได้โต้กลับครั้งใหญ่ ทำให้จักรพรรดิเซียนและตัวแทนมหาเทพพ่ายแพ้ จักรพรรดิเซียนถูกถอดตำแหน่ง ตัวแทนมหาเทพหายสาบสูญไป
ตัวแทนมหาเทพไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ คิดจะลักพาตัวบุตรชายของจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ ทว่าไม่สำเร็จ เขาหนีไปซ่อนตัวในยมโลก ก่อเหตุขึ้นในยมโลก ล่อให้หนิงเสวี่ยโม่กับท่านยมบาลเข้าไปติดกับ ในช่วงวิกฤตมหาเทพเสินจิ่วหลี่ได้หวนกลับมา ร่วมมือกับจอมมารหนิงเสวี่ยโม่กำจัดตัวแทนมหาเทพไปให้สิ้นซาก คืนความผาสุกให้แก่ทวีปเสินโม่แห่งนี้
ที่กู้ซีจิ่วเห็นมหาเทพกับจอมมารก่อนหน้านี้ พวกเขาเพิ่งกำจัดตัวแทนมหาเทพเสร็จสิ้นพอดี…
อันที่จริงกู้ซีจิ่วไม่สนใจความเป็นไปของทวีปนี้สักเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ยินดียินร้อนอะไรกับจักรพรรดิเซียนด้วย
อย่างเดียวที่เธอเป็นห่วงคือเพื่อนสนิทของตนปลอดภัยจากภัยพิบัติครั้งนี้หรือไม่? ยังมีอีก อวิ๋นเยียนหลีที่หายตัวไปสรุปแล้วหาตัวเจอหรือเปล่า?
กู้ซีจิ่วจึงไปหาหลงซือเย่ก่อน ในช่วงเวลาสองร้อยปีมานี้ เธอกับหลงซือเย่ได้กลายเป็นสหายกันอีกครั้ง ซ้ำยังเป็นสหายสนิทที่พูดคุยกันได้ทุกเรื่องอีกด้วย
ต่อให้อยู่ที่ดินแดนเบื้องบนแห่งนี้ หลงซือเย่ก็ยังเป็นอัจฉริยะเช่นเดิม ในยะเวลาสั้นๆ เพียงสองร้อยปี จากเสี่ยวเซียนชุดฟ้าในคราแรกเขาได้บำเพ็ญจนบรรลุเป็นเสินจวินชุดชาวซีดแล้ว
ตอนที่กู้ซีจิ่วมาหนก่อน ได้ไปเยี่ยมเยือนเดินเล่นรอบจวนของเขามาแล้วรอบหนึ่ง จวนแห่งนั้นไม่ใหญ่โต มีเพียงหนึ่งห้องโถง สองห้องข้างเท่านั้น
เมื่อกู้ซีจิ่วไปหาเขาครั้งนี้ ได้พบว่าเรือนน้อยหลังนั้นหายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยคฤหาสน์ใหญ่โตโอ่อ่าหลังหนึ่ง แม้แม้ป้ายเหนือประตูก็เปลี่ยนไปด้วย
หากมิใช่ว่าป้ายนั้นยังคงเป็นลายมือของหลงซือเย่อยู่ละก็ เธอแทบนึกว่าสถานที่ของเขาถูกผู้อื่นยึดครองไปแล้ว!
เห็นทีว่ายามนี้เขาจะได้เลื่อนขั้นแล้วกระมัง?
เธอเคาะประตู ผู้ที่มาเปิดประตูเป็นแม่นางน้อยที่ดูกระฉับกระเฉงนางหนึ่ง มองพินิจเธอหัวจรดเท้า “ท่านมาหาผู้ใด?”
“…ซือเย่เสินจวินอยู่ที่นี่หรือไม่?” เมื่อก่อนถึงแม้หลงซือเย่จะมีจวนพำนัก แต่ก็ไม่มีสาวใช้ ทุกครั้งผู้ที่มาเปิดประตูล้วนเป็นตัวเขาเอง ครั้งนี้มีสาวใช้แล้วหรือ?
แม่นางน้อยผู้นั้นชะงักไปเล็กน้อย “ท่านคือ?”
“ซีจิ่ว…” คนผู้หนึ่งสาวเท้าก้าวออกมาจากในเรือน เป็นหลงซือเย่
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่กว่าก่อนหน้านี้มากจริงๆ มีสะพานสายน้อยข้ามลำธาร ระแนงชายคาเชิดงอน
————————————————————————
พูดคุยกับนักแปล : เรื่องราวของมหาเทพเสินจิ่วหลี่กับจอมมารน้อยหนิงเสวี่ยโม่เป็นตัวละครจากนิยายอีกเรื่องของคุณมู่ตานเฟิง มีการดำเนินเรื่องราวที่คาบเกี่ยวกับเรื่องของน้องจิ่วเล็กน้อยค่ะเรียกได้ว่าอยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่สามารถอ่านแยกกันได้โดยไม่ทำให้เสียอรรถรสแน่นอนค่ะ และต่อจากนี้ไปการพูดคุยระหว่างน้องจิ่วกับพี่หลงจะไม่เรียกแทนตัวกันด้วยสรรพนามของยุคปัจจุบันแล้วนะคะ เพราะพี่หลงเขาถูกลบความทรงจำไปหมดแล้ว การพูดคุยเลยเป็นไปตามการเรียกขานของยุคนี้แทนค่ะ ^^
บทที่ 1879 แค่ไม่ถูกแบ่งแยกชนชั้นอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้น
ในลานมีพืชพรรณไม้ดอกหายากเบ่งบานโยกไหว มุมหนึ่งทางทิศใต้ถึงขั้นที่มีสวนสมุนไพรผืนหนึ่งอยู่ด้วย มีต้นสมุนไรไหวเอนอยู่ด้านใน
เข้ากับรสนิยมที่หลงซือเย่เคยชื่นชอบยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วเดินเคียงข้างหลงซือเย่ เอ่ยหยอกเขา “อะไรกัน? นี่ได้เลื่อนขั้นแล้วหรือ?”
หลงซือเย่ยิ้มน้อยๆ “ไม่หรอก แค่ไม่ถูกแบ่งแยกชนชั้นอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้น”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา หลงซือเย่ตั้งโต๊ะเล็กแล้ว สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง บนโต๊ะปรากฏของว่างต่างๆ พรั่งพร้อม “มาเถอะ ยากนักที่เจ้าจะขึ้นมาสักหน พวกเรากินไปคุยไปแล้วกัน”
กู้ซีจิ่วมองอาหารเลิศรสบนโต๊ะ อดไม่ได้ที่จะยิ้มแวบหนึ่ง “ท่านก้าวหน้าแล้วจริงๆ นี่นา!” วัตุดิบของอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งสิ้น มีราคายิ่งนักที่ดินแดนเบื้องบน เมื่อก่อนหลงซือเย่เลี้ยงอาหารเธอเช่นนี้ไม่ไหว
“ซีจิ่ว นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับมาโดยการพึ่งพาความสามารถของตน ภายหน้าจะดียิ่งกว่านี้อีก” หลงซือเย่ก็แย้มยิ้มนิดๆ
ทั้งสองคนกินไปพลางคุยไปพลาง กู้ซีจิ่วได้ทราบสิ่งหลงซือเย่ประสบพบพานในหนึ่งปีมานี้จากปากเขา
ผู้ที่ทะลวงขั้นโบยบินขึ้นมาได้รับการปฏิบัติอย่างแบ่งแยกชนชั้น ต่อให้เป็นคนที่มีความสามารถสักเพียงใดก็เป็นได้เพียงขุนนางขั้นหกเท่านั้น ดังนั้นความเป็นของผู้ที่โบยบินขึ้นมาส่วนใหญ่แล้วเลวร้ายยิ่งนัก มีมากมายที่ต้องกลายเป็นบ่าวเป็นทาส
เมื่อก่อนหลงซือเย่อยู่ใต้สังกัดของอวิ๋นเยียนหลีมาโดยตลอด เนื่องจากความสัมพันธ์ของกู้ซีจิ่ว เขาจึงได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า
ประกอบกับตัวเขาก็มีพรสวรรค์ยิ่งนักดังนั้นความเป็นอยู่ในกองทัพจึงนับว่าพอใช้ได้
แต่หลังจากอวิ๋นเยียนหลีหายตัวไปทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน องค์หญิงหย่าผู้นั้นมาหาเรื่องเขา ซ้ำยังยุยงผู้บังคับบัญชาของหลงซือเย่ให้สร้างความลำบากแก่เขาทุกหนทุกแห่ง…
วันคืนของหลงซือเย่แปรเปลี่ยนเป็นลำบากยากเข็ญอย่างยิ่ง แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว
ด้วยความอับจนหนทางเขาจึงไปหาเย่เทียนหลีขุนพลอับดับหนึ่งของภพเซียน คิดจะไปเสี่ยงโชคดู
โชคของเขาไม่เลวเลย เย่เทียนหลีชื่นชมความสามารถของเขา รับเขาเอาไว้ ให้เขาเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัว
ส่วนเย่เทียนหลีก็มีความสัมพันธ์อันดีกับจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ เมื่อเกิดศึกสะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งนี้ขึ้น เขาก็ยืนอยู่ฝ่ายของหนิงเสวี่ยโม่
ตอนนี้หนิงเสวี่ยโม่มีชัยแล้ว จึงปฏิบัติต่อพวกเขาเหล่านี้อย่างดียิ่ง ปูนบำเหน็จรางวัล ด้วยเหตุนี้หลงซือเย่จึงได้รับคฤหาสน์ที่ดูเข้าท่ายิ่งนักหลังนี้มา
เมื่อหลงซือเย่เล่าสิ่งที่พบเจอมาโดยสังเขปจบ กู้ซีจิ่วก็ทอดถอนใจเบาๆ
ความจริงแล้วดินแดนเบื้องบนแห่งนี้ไม่ต่างกับโลกเบื้องล่างสักเท่าไหร่เลย ยุ่งเหยิงวุ่นวายสารพัด แก่งแย่งชิงดีกันต่างๆ นานา
แดนพ้นโศกภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเซียน ดูคล้ายว่าจะสงบเรียบร้อยดี แต่เขาก็เป็นคนที่แบ่งแยกชนชั้นอย่างรุนแรงยิ่งนัก ใช้อำนาจกดข่มผู้โบยบินเหล่านั้น และผู้ที่มีความสามารถส่วนใหญ่ก็อยู่ในกลุ่มของผู้โบยบิน เมื่อเกิดศึกสงครามขึ้นมา ย่อมเอาใจออกห่างเป็นธรรมดา
ประกอบกันจักรพรรดิเซียนและตัวแทนมหาเทพสมคบคิดกัน ลอบสังหารจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ ถึงขั้นที่ฉวยโอกาสยามที่หนิงเสวี่ยโม่ป่วยหนัก ยกพลไปบุกโจมตีเผ่ามาร ต้องการทำร้ายบุตรชายที่เพิ่งอายุได้ครึ่งขวบของจอมมารหนิงเสวี่ยโม่กับมหาเทพเสินจิ่วหลี่…
สูญเสียจิตศรัทธาของปวงชนไปมหาศาล ซ้ำยังทำให้ทัพทหารกล้าของภพเซียนบาดเจ็บเสียหายอย่างสาหัส หลังจากกลับมายังแดนพ้นโศกด้วยสภาพจนตรอกก็ไม่กล้าออกไปไหนอีก สุดท้ายก็หายตัวไปในวังหลวง ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าสรุปแล้วจักรพรรดิเซียนผู้นี้ไปไหนกันแน่
กู้ซีจิ่วไม่สนใจไยดีการตกอับของจักรพรรดิเซียน แต่นึกถึงอวิ๋นเยียนหลี หัวใจรู้สึกเศร้าสร้อยขึ้นมาอีกครั้ง
อวิ๋นเยียนหลีถึงอย่างไรก็เป็นองค์ชาย หากเขาทราบว่าเรื่องราวทุกอย่างแล้วไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกัน? เธอถามหลงซือเย่ว่ามีข่าวคราวของอวิ๋นเยียนหลีหรือไม่ หลงซือเย่ส่ายหน้าให้
อวิ๋นเยียนหลีหายตัวไปเลย ปีนั้นจักรพรรดิเซียนส่งคนออกตามหามากมาย แต่ก็ไม่พบแม้แต่มุมชุดของเขาเลย เห็นทีว่าคงประสบเหตุไปเสียแล้ว
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ หลงซือเย่ก็ได้รับคำสั่งที่ส่งมาจากเบื้องบน บอกว่ามหาเทพเสินจิ่วหลี่กับจอมมารหนิงเสวี่ยโม่จะจัดพิธีสมรสที่ยิ่งใหญ่อลังการขึ้น ให้เขาพาทหารไปอารักขาคุ้มกัน…
——————————–