ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1991+1992
บทที่ 1991 ไยท่านต้องทำลายชื่อเสียงตนด้วยเล่า?
คนเหล่านั้นราวกับโผล่ออกมาจากใต้ดิน กรูเข้ามาปิดล้อมทุกทิศทาง
ฝีเท้ากู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย สายตาเธอเฉียบคม มีความสามารถในการจดจำผู้คน ย่อมจำได้ว่าทั้งสิบคนที่นำขบวนมาคือผู้ใด…
คืออาจารย์ทั้งสิบท่านในอดีตปัจจุบันและอนาคตของเสินเนี่ยนโม่!
พวกเสินจิ่วหลี่สามีภรรยามีธุระที่ต้องไปจากดินแดนนี้ ก่อนยังคงเป็นห่วงบุตรชาย ฝากฝังบุตรชายไว้กับปรมาจารย์สิบท่านนี้ ในงานวันเกิดของเสินเนี่ยนโม่ กู้ซีจิ่วซุ่มอยู่ในที่ลับ ได้เห็นหน้าค่าตาของอาจารย์ทั้งสิบท่านของเสินเนี่ยนโม่มาแล้วด้วยตาตน…
หลังจากนั้นเธอก็ตรวจสอบผู้อาวุโสสิบท่านนี้มาแล้ว เป็นอัจฉริยะบุคคลผู้มากความสามารถทั้งสิ้น เป็นผู้ทรงศักดิ์ที่มีผลงานเลิศล้ำในด้านใดด้านหนึ่ง
จนกระทั่งยามนี้ เสินเนี่ยนโม่กราบเข้าสู่สังกัดของอาจารย์ไปแล้วสองท่าน คืออวี่หังเจินเหรินกับเฟิงชิงซ่างเหริน อาจารย์ที่เหลืออีกแปดคน เขายังไม่ได้ไปหา แต่ตอนนี้อาจารย์ทั้งสิบท่านนี้กลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน!
มีหญิงมีชาย มีแก่มีหนุ่ม มีอัปลักษณ์มีดูดี
เห็นได้ชัดว่าสิบคนนี้ประสานงานกันไว้แล้ว พอปรากฏตัวขึ้นก็ปิดตายเส้นทางหลบหนีทั้งหมดของกู้ซีจิ่ว
“ท่านผู้สูงศักดิ์มาแล้วจริงๆ!” นี่คือประโยคแรกที่อวี่หังเจินเหรินกล่าว สุ้มเสียงเปี่ยมด้วยความภูมิใจทำนองว่า ‘เป็นอย่างที่ข้าเดาไว้จริงๆ’
เฟิงชิงซ่างเหรินหน้านิ่วคิ้วขมวดปาน ‘สุนัขหน้าย่น’ “เหล่าอวี่บอกท่านผู้สูงศักดิ์หมายปองเด็กคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะบุกมาชิงคนที่นี่ เป็นทีข้ายังไม่เชื่อเท่าไหร่ ยามนี้เห็นทีว่าเขาจะพูดถูกแล้วจริงๆ!”
“ท่านผู้สูงศักดิ์อายุไม่น้อยแล้วกระมัง? ท่านน่าจะเป็นรุ่นบรรพชนของเนี่ยนโม่แล้ว เหตุใดไม่รู้จักแก่เช่นนี้เล่า? เด็กน้อยเช่นเนี่ยนโม่หาใช่คนที่ท่านจะใฝ่ปองได้!”
“ท่านเคยปรากฏตัวในงานวันเกิดของเนี่ยนโม่แล้ว ย่อมทราบถึงฐานะของเนี่ยนโม่ หรือว่าเป็นเพราะบิดามารดาของเขา ท่านถึงได้หวังเกี่ยวดองปีนขึ้นสูง? ข้าจะบอกท่านเอาไว้ พวกมหาเทพสามีภรรยาไม่อนุญาตให้ผู้ใดเล่นเล่ห์กับบุตรชายของพวกเขาเช่นนี้!”
“มิผิด ถึงแม้สองสามีภรรยาจะไม่อยู่ แต่ก็มีพวกข้าเหล่านี้อยู่ ไม่ปล่อยให้ท่านแตะต้องเนี่ยนโม่ได้แม้แต่เส้นขน!”
“ท่านผู้สูงศักดิ์ท่องอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ถึงแม้จะปกปิดใบหน้าไว้ไม่ให้ผู้ใดได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่าน แต่ก็ยังมีชื่อเสียงเลื่องลือไปยิ่งนัก ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ทุกคนต่างเคยเลื่อมใสในตัวท่านผู้สูงศักดิ์อยู่หลายส่วน ไยท่านต้องลุ่มหลงงมงาย ทำลายชื่อเสียงตนด้วยเล่า?”
สิบคนนี้ต่างเจ้าคำข้าคำ พากันเปิดปากเอ่ย มีทั้งตำหนิติเตียน มีทั้งข่มขู่ มีทั้งเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวด้วยความหวังดี…
กู้ซีจิ่วกอดอกทันที ฟังอยู่เงียบๆ
เธอสวมหน้ากากไว้ ฝูงชนยอมไม่รู้ว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร มองแค่ท่าทางของนางก็มองไม่ออกว่าที่แท้นางคิดอะไรอยู่
กู้ซีจิ่วเยือกเย็นยิ่งนัก เธอไม่เอ่ยขัดคนอื่นเลย
แต่ช่วงที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเยือกเย็น บนร่างก็มีไอพลังบางอย่างที่ทำให้ผู้อื่นไม่อาจหมิ่นแคลนได้ แผ่อยู่รอบกายรางๆ ทำให้หัวใจคนหนาวยะเยือก
“พูดจบหมดแล้วสินะ?” รอจนพวกเขากระหน่ำคลื่นความคิดเห็นเสร็จสิ้นแล้ว กู้ซีจิ่วถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างเยียบเย็น
ฝูงชนกระอักกระอวนไปทันที กู้ซีจิ่วกวาดตามองทุกคน “หากผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าบอกว่าไม่ได้คิดอะไรที่มิควรกับเสินเนี่ยนโม่เลย เป็นเพียงเป้าหมายในการทำภารกิจ อยากช่วยเขาฝึกฝนวรยุทธ์เล่า?”
“เฮอะๆ!” มีบางคนหัวเราะออกมา และเสียงหัวเราะเยาะเช่นนี้ก็มิใช่คนเพียงคนเดียว ด้านล่างมีเหล่าศิษย์หัวกะทิที่แต่ละสำนักพามาพวกนั้นต่างก็ตั้งแถวล้อมวงอยู่ไม่ไกลด้วยเช่นกัน
“เป็นเพราะท่านผู้สูงศักดิ์ถูกปิดล้อมไว้ เกรงว่าจะตกเป็นเป้าของฝูงชน ถึงได้ไม่ยอมรับกระมัง? ถ้อยคำคุยโวโอ้อวดที่ท่านกล่าวยามอยู่ในหุบเขาไร้พันธะไปอยู่ที่ไหนแล้วเล่า ยามที่ท่านเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้น ก็มีใบหูที่ได้ยินกันอยู่นับไม่ถ้วน ท่านอย่าได้แก้ตัวน้ำขุ่นๆ!” ท่ามกลางกลุ่มคนด้านล่าง มีบางคนตะโกนติเตียน น้ำเสียงค่อนข้างหวีดแหลม แฝงความเยาว์วัยไว้ เป็นแม่นางน้อยชิงหลัวผู้นั้นเอง
——————————————————————————
–
บทที่ 1992 ข้าจะทำให้ข้อครหานี้เป็นจริงแล้ว!
กู้ซีจิ่วมองนางแวบหนึ่ง หยักมุมปากขึ้นนิดๆ
ชีวิตน้อยๆ ของนางก็เป็นเธอที่ช่วยยื้อกลับมา! อายุแค่นี้ก็เนรคุณคนได้ถึงเพียงนี้แล้ว เธอไม่ปลื้ม!
“ครั้งก่อนที่ข้ากล่าวเช่นนั้นที่หุบเขาไร้พันธะ เพียงเพราะโมโหที่ถูกพวกเจ้าคาดเดาส่งเดชเท่านั้น มิใช่คำพูดจากใจจริง” กู้ซีจิ่วอธิบายอย่างเฉยชา
แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่เชื่อ บางคนร้องถาม “ถ้อยคำเช่นนี้ก็เอ่ยส่งเดชได้หรือ? ในเมื่อท่านไม่มีเจตนาอันน่ารังเกียจเช่นนั้นต่อเขา แล้วทำไมต้องสรรหาสารพัดวิธีการจำแลงกายเป็นสาวน้อยไปคลุกคลีอยู่ข้างกายเนี่ยนโม่ด้วยล่ะ? ซ้ำยังกราบอวี่หังเจินเหรินเป็นอาจารย์อย่างไม่หวงแหนศักดิ์ศรีอีกมิใช่หรือ? เมื่อไปถึงหุบเขาไร้พันธะสิ่งแรกที่ทำก็คือตามหาเนี่ยนโม่ เมื่อพบว่าเนี่ยนโม่ไม่อยู่ ก็ไม่รับอาจารย์แล้ว จากไปทันที ตอนนี้ย่องเข้ามาในหุบเขาล่องเมฆาอีก เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อเนี่ยนโม่เช่นกัน! เรื่องเหล่านี้ท่านจะอธิบายอย่างไร?!
“ข้าบอกไปแล้ว ข้าแค่อยากช่วยฝึกฝนวรยุทธ์ให้เขา ให้บำเพ็ญเป็นซ่างเซียนได้ในเร็ววัน”
“เหอะๆ ความหมายของท่านคือคิดจะรับเขาเป็นศิษย์งั้นสิ?”
“ก็ไม่เชิง” อันที่จริงนี่ก็เป็นสิ่งที่กู้ซีจิ่วเคยหวังไว้
“ล้อกันเล่นแล้ว! ผู้อาวุโสคนหนึ่งหากเพียงต้องการรับเขาเป็นศิษย์ เหตุใดต้องสิ้นเปลืองความพยายามถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? เหตุใดจึงไม่เอ่ยวาจาทำนองนั้นออกมา เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าท่านเห็นว่าถูกปิดล้อมแล้ว กลัวจะเสียเปรียบถึงได้พูดจาตลบตะแลงเช่นนี้”
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว นางก็แค่ตลบตะแลง! ความคิดของสตรีนางนี้ไม่มีทางเรียบง่ายเช่นนี้แน่นอน! แถมประวัติความเป็นมาของนางก็ประหลาด แม้แต่รูปโฉมที่แท้จริงก็ไม่กล้าเปิดเผย ซุกหัวซ่อนหางเอาไว้เช่นนี้ ต้องมีสิ่งที่ให้คนเห็นไม่ได้เป็นแน่”
“หรือนางจะเป็นศัตรูที่มีความแค้นกับมหาเทพ?! คิดจะจับตัวเนี่ยนโม่ไปล้างแค้นเอาคืนพวกมหาเทพสามีภรรยา?!”
“ก็เป็นไปได้…”
ฝูงชนส่งเสียงเซ็งแซ่ เนื้อหาที่คาดเดากันออกมาก็พิลึกพิลั่นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนแผนก่อการร้ายขึ้นทุกที
ในความเป็นจริง เมื่อคนปักใจไปแล้วว่าอะไรคือสาเหตุการตาย เช่นนั้นไม่ว่าต้นเรื่องจะอธิบายอย่างไร ก็จะมีคนนำไปบิดเบือนอยู่เสมอ และยัดข้อหาที่พวกเขาปักใจให้
กู้ซีจิ่วย่อมเข้าใจดี ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่อธิบายแล้ว!
ไม่กี่วันมานี้เดิมทีกู้ซีจิ่วยังมีโทสะสุมอยู่ในใจ ยามนี้พอได้ยินคนเหล่านี้กล่าวเช่นนี้ เธอก็ทั้งฉิวทั้งขันยิ่งนัก จึงปล่อยเลยตามเลยไปเสีย
เธอดีดเล็บคราหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ดูเหมือนไม่ว่าข้าจะอธิบายอย่างไร พวกเจ้าก็ปักใจไปแล้วว่าข้าคิดจะกินหญ้าอ่อนเช่นเสินเนี่ยนโม่ ก็ได้ ในเมื่อพวกเจ้าตั้งข้อหาให้เช่นนี้ หากว่าข้าไม่แบกรับไว้ จะดูอยุติธรรมอยู่บ้าง! ข้าขอกล่าวเอาไว้ตรงนี้สักประโยคแล้วกัน นับจากนี้ไปข้าจะหมายปองเสินเนี่ยนโม่แล้ว! ข้าจะจับเขามาเลี้ยงดูไว้ข้างกายเพื่อเป็นสามีในอนาคต วันหน้าจะให้เขาเป็นสามีของข้า”
หินหนึ่งก้อนสะท้อนพันระลอกคลื่น วาจานี้นอกคอกประโยคนี้ของเธอทำให้ทุกคนตกตะลึง!
บ้างก็ติเตียนอย่างขุ่นเคือง บ้างก็ด่าทอ บ้างก็เคียดแค้นชิงชัง ประณามกู้ซีจิ่วอย่างดุเดือดอีกครั้ง
คนเหล่านั้นสงสัยใครรู้ในรูปโฉมของกู้ซีจิ่วเสมอมา คาดเดาไปว่ารูปโฉมของกู้ซีจิ่วต้องอัปลักษณ์เหลือแสน น่าเกลียดน่ากลัว จิตใจต่ำทราม ซ้ำยังใฝ่สูงนัก ถึงได้คิดจะล่อลวงเด็กน้อยเช่นเสินเนี่ยนโม่…
เมื่อเจ้าหอยยักษ์ได้ยินพวกเขาเดาอย่างไร้เหตุผลขึ้นเรื่อย ก็โมโหขึ้นมาทันที!
ช่วงเวลาที่กู้ซีจิ่วและเสินเนี่ยนโม่บุกตะลุยอยู่ในวังพฤกษาด้วยกัน มันกับลู่อู๋ไปส่งเด็กๆ พวกนั้นแล้ว ไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ
ยามที่กู้ซีจิ่วเอ่ยวาจาด้วยความโมโหที่หุบเขาไร้พันธะ เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ก็ยังไม่กลับมา จึงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริง
ดังนั้นก่อนหน้านี้มันจึงไม่ได้สอดปากเอ่ยเลยตลอดมา ร้อนรนจนหน้าแดงก่ำไปหมด ฝาหอยอ้าๆ หุบๆ ปรารถนาจะเขมิบคนที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้เข้าไปให้สิ้น ลดจำนวนพวกที่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายลงเสีย
ยามนี้พอได้ยินคนเหล่านี้คาดเดาว่ากู้ซีจิ่วอัปลักษณ์น่าชัง ในที่สุดมันก็ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว “ผายลม! พวกเจ้าล้วนผายลมกันทั้งหมด!”
—————————————