ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2043+2044
บทที่ 2043 ถูกทรมาน
ถึงแม้เจ้านักกินจอมตะกละจะชอบก่อเรื่องวุ่นวาย ทว่าในใจของกู้ซีจิ่ว มันก็เป็นครอบครัวของเธอ เธอไม่อาจทนเห็นมันเป็นอะไรไปได้แม้แต่น้อย!
เธอและจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดต่อกัน เธอรู้ว่าจักรพรรดิเซียนองค์ใหม่กำลังสืบหาข้อมูลของเธออย่างลับๆ เธอไม่ได้มีเจตนาร้ายย่อมไม่เกรงกลัวที่เขาตรวจสอบ จึงทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว
เจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอไม่เป็นอะไรก็ดี ทว่าหากอารักษ์ทั้งสี่ทรมานเจ้าหอยยักษ์จนตายจริงๆ เธอก็จะไปร้องขอความเป็นธรรมกับพวกเขา! ไม่ว่าพวกเขาเป็นอารักษ์ของผู้ใดก็ตาม!
เธอใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วรีบติดต่อหลงซือเย่ทันที
“ครูฝึกหลง เถี่ยหลิวกับพวกอารักษ์ทั้งสี่ตอนนี้อยู่ที่ใด?”
หลงซือเย่ตอบ
“พวกเขาได้รับรายงานลับ ออกไปจับสัตว์มารที่ทำร้ายสัตว์เซียนข้างนอก ยังไม่กลับมา…”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ
“พวกเขาออกไปตั้งแต่เมื่อใด? เอ่ยถึงว่าสัตว์มารที่ทำร้ายสัตว์เซียนคือสิ่งใดหรือไม่?”
หลงซือเย่กล่าว
“สามวันก่อน…พวกเขาเหมือนจะออกไปหลังจากได้ข้อมูลที่แน่ชัด ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องสถานการณ์โดยละเอียด ซีจิ่ว เจ้าถามถึงพวกเขาทำไมหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”
“พวกเขาอาจเข้าใจผิดว่าเจ้าหอยยักษ์เป็นสัตว์มารเลยจับตัวไปแล้ว! ครูฝึกหลง ท่านติดต่อพวกเขาได้หรือไม่?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?! เจ้าหอยยักษ์จะเป็นสัตว์มารไปได้อย่างไร คดีสัตว์เซียนหายสาบสูญเกิดขึ้นมาสิบกว่าวันแล้ว แต่เจ้าหอยยักษ์เพิ่งออกจากจวนแม่ทัพข้าไปได้ห้าวันเอง…”
“มิผิด ข้าถึงได้บอกว่าเจ้าหอยยักษ์บ้านข้าถูกปรักปรำ! ครูฝึกหลง ท่านรีบติดต่อพวกเขาที”
“…ได้!”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลงซือเย่ติดต่อเธอกลับมา
“ซีจิ่ว ตอนนี้ยังติดต่ออารักษ์ทั้งสี่ไม่ได้ พวกเขาน่าจะเข้าไปในเขตหวงห้าม ปิดยันต์ถ่ายทอดเสียงไปแล้ว แต่ข้าได้ข่าวจากทางฝ่าบาทว่าเมื่อสองวันก่อนอารักษ์ทั้งสี่รายงานกลับมาว่าพวกเขาจับตัวมือสังหารที่ไล่ล่าสัตว์เซียนเป็นอาหารได้แล้ว ได้ยินว่าเป็นหอยยักษ์ตัวหนึ่ง กำลังสอบสวนอยู่ว่ามันมีผู้ร่วมก่อการหรือไม่ เมื่อสอบสวนชัดแจ้งแล้วจะพามันกลับมาชั้นฟ้าที่เก้าให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัย”
กู้ซีจิ่วกระชับกำปั้นแน่น สิ่งที่หลงซือเย่กับอวิ๋นเยียนหลีบอกเล่าตรงกัน!
หลงซือเย่รู้ถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์เช่นกัน
“ซีจิ่ว ข้าทูลฝ่าบาทไปแล้วว่าเจ้าหอยยักษ์ไม่ใช่มือสังหารอย่างแน่นอน หากฝ่าบาทติดต่ออารักษ์ทั้งสี่ได้เมื่อใด จะให้พวกเขาปล่อยมันในทันที! ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด? ข้าจะไปหาเจ้า!”
“ข้าอยู่ที่ยอดเขาแสงอุษา แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องมาหรอก เจ้าคอยติดต่อพวกเถี่ยหลิวก็พอ”
สถานที่ที่หลงซือเย่อยู่ในตอนนี้ห่างไกลจากที่นี่ยิ่งนัก ด้วยความเร็วในการเดินทางของเขาอย่างน้อยต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งวัน เธอไม่มีทางรอเขาอยู่ที่นี่แน่
อีกอย่างหากตามหาคนไม่พบ หลงซือเย่มาที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์
กู้ซีจิ่วตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียงก่อนจะหันมาถามอวิ๋นเยียนหลี
“ฝ่าบาท ท่านเห็นพวกเขาเดินไปทิศทางใด?”
อวิ๋นเยียนหลีชี้ไปทิศทางหนึ่ง เป็นส่วนลึกที่สุดของยอดเขาแสงอุษา…
กู้ซีจิ่วมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่งภายใต้การชี้นำของอวิ๋นเยียนหลี นั่นก็คือสถานที่ที่อวิ๋นเยียนหลีเห็นอารักษ์ทั้งสี่จับตัวเจ้าหอยยักษ์ไป…
ลู่อู๋ได้กลิ่นของเจ้าหอยยักษ์จากที่นี่จริง ถึงขั้นที่ยังพบไข่มุกเม็ดหนึ่งที่เจ้าหอยยักษ์ทิ้งไว้
ลู่อู๋ตะโกนเรียก
“เจ้านาย เจ้าหอยยักษ์ตกอยู่ในอันตรายที่นี่จริงๆ!”
เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋เคยตกลงกันไว้ หากมันพบเจออันตรายใหญ่หลวงหรือถูกจับตัวไป มันจะพ่นไข่มุกเม็ดหนึ่งเพื่อเป็นการส่งสัญญาณลับ…
ไข่มุกนี้ไม่สะดุดตา มองแวบแรกคล้ายกับก้อนหิน ไม่โดดเด่นเมื่อเหน็บไว้ในหินกองหนึ่ง ทว่าลู่อู๋กลับหามันพบได้อย่างรวดเร็ว
ลู่อู๋วิ่งวนไปรอบด้านดังลมกรรโชกแล้วกระโดดไปเบื้องหน้าของกู้ซีจิ่ว
“มันถูกคนสี่คนรุมสังหาร!”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า เธอก็ตรวจสอบร่องรอยโดยรอบแล้ว เจ้าหอยยักษ์เคยต่อสู้อย่างดุเดือดกับคนที่นี่
————————————————————————————-
บทที่ 2044 ถูกทรมาน 2
บนพื้นมีคราบเลือดของเจ้าหอยยักษ์ ชัดเจนยิ่งนัก เจ้าหอยยักษ์ได้รับบาดเจ็บแล้วถูกจับกุมไป
ทุกอย่างล้วนเข้าเค้าแล้ว ดูเหมือนว่าหอยที่สี่อารักษ์จับกุมก็คือเจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอ!
“ลู่อู๋ ดมกลิ่นของสี่คนนี้ หาตัวพวกเขามาให้ได้!”
“รับทราบ!”
ลู่อู๋วนอยู่ในละแวกนั้นอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“พวกเขาไปทางนั้นแล้ว!”
“ดี พวกเราตามไปเถอะ!”
อวิ๋นเยียนหลีอาสาจะติดตามไปกับเธอด้วย
“ซีจิ่ว ข้าจะไปตามหาเป็นเพื่อนเจ้า!”
“ไม่ต้องหรอก ท่านยังบาดเจ็บอยู่ รักษาตัวให้หายดีก่อนเป็นเรื่องสำคัญ ข้าไปตามหาเองได้”
กู้ซีจิ่วว่าพลางโยนขวดยาใบหนึ่งส่งให้เขา แล้วหันหลังพาลู่อู๋จากไป
อวิ๋นเยียนหลีที่อยู่ด้านหลังเธอนิ่งไปเล็กน้อย หลุบตาลง เขารู้ว่านางมีห่วงพะวง ถึงอย่างไรสถานะในปัจจุบันของเขาก็ไม่สะดวกนัก ไม่เหมาะจะไปเผชิญหน้ากับสี่อารักษ์ มิเช่นนั้นถ้าถูกจดจำได้จะมีปัญหาใหญ่…
เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก็สาวเท้าก้าวไปยังทิศทางทางหนึ่ง
เขากับนางต้องแยกกันตามหา!
….
ยามนี้กู้ซีจิ่วร้อนใจดั่งไฟลน เจ้าหอยยักษ์ของบ้านเธอไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง จะถูกทรมานหรือเปล่า?
เธอไม่สนใจเรื่องการเมือง ขอเพียงไม่คุกคามถึงความปลอดภัยของคนใกล้ชิดเธอ เธอล้วนไม่ไต่ถามทั้งสิ้น
ดังนั้นในยามปกติถึงแม้เธอจะได้ยินเรื่องของสี่อารักษ์มาบ้าง และเคยได้ยินเรื่องการสังหารหมู่นั้น แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
การเมืองไร้ถูกผิด ผู้นำทุกคนต่างคิดจะรักษาราชบัลลังก์เอาไว้ โดยทั่วไปแล้วล้วนต้องสังหารเชื้อสายของราชวงศ์ก่อนเสีย ตัดรากถอนโคน กันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอื่นใดขึ้น
โดยเฉพาะผู้ที่ก่อกบฏ เช่นนั้นยิ่งต้องสังหารอย่างทารุณไม่ผ่อนปรนใดๆ เลย
เพื่อราชบัลลังก์แล้วพ่อลูกล้วนสามารถวางแผนเล่นเล่ห์ใส่กันได้ นับประสาอะไรกับคนนอกเล่า
การผลัดเปลี่ยนยุคสมัยทุกอย่างล้วนใช้เลือดเนื้อกระดูกขาวโพลนเพื่อปูทาง
จักรพรรดิองค์ใหม่เย่เทียนหลีก็นับว่าเป็นจักรพรรดิที่ดี แต่ก็ไม่อาจแปะป้ายคนดีให้เขาได้ ถ้าเป็นคนดีอย่างแท้จริงก็ไม่อาจดำรงตำแหน่งจักรพรรดิได้ ลูกน้องของเขาย่อมไม่ใช่คนดีมีเมตตาเช่นกัน อย่างเช่นสี่อารักษ์ก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้เหี้ยมหาญ…
มีวิธีทรมานอันวิปริตสารพัดที่ทำให้คนได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสีได้
ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะเห็นแก่ที่มันเป็นสัตว์เซียนไม่ลงมือทรมานมัน…
….
ในชีวิตของเจ้าหอยยักษ์มีความกลัวอยู่สามประการ หนึ่งคือกลัวเจ้านายไม่ต้องการมัน สองคือกลัวไม่มีอาหารกินจนหิวตาย สามคือกลัวการอยู่ในสถานที่คับแคบอบอ้าว
และในยามนี้ มันกำลังประสบกับความกลัวสองประการแล้ว
มันไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว และไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักหยด จากนั้นก็ถูกขังไว้ในน้ำเต้าใบหนึ่ง
ทว่าน้ำเต้านี้มิใช่น้ำเต้าธรรมดา
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นศาตราเวทย์อย่างหนึ่ง สามารถยืดหดได้ตามใจนึก ดังนั้นยามที่เจ้าหอยยักษ์เพิ่งถูกขังไว้ในข้างใน มันเคยคิดจะขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นเพื่อทำลายมันเสีย ผลคือน้ำเต้าขยายออกตามขนาดตัวของมัน…
เจ้าหอยยักษ์พยายามอยู่สามสี่ครั้งล้วนไร้ผลทั้งสิ้น มันอดไม่ได้ที่จะอยากร่ำไห้ออกมา
มันเคยฟังตำนานไซอิ๋วที่เจ้านายเล่าให้มันฟัง พวกมารในตำนานไซอิ๋วก็มีศาสตราเวทย์บางส่วนเช่นกัน ในบรรดานั้นมีน้ำเต้าม่วงทองชิ้นหนึ่งอยู่ เคยกักขังซุนหงอคงเอาไว้ด้วย
ยามนั้นมันเพียงฟังเป็นนิทานเรื่องหนึ่งเท่านั้น ยังฟังอย่างสนุกสนานได้อรรถรสด้วย
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ตนต้องถูกจับใส่น้ำเต้าได้รับความทรมานทั้งเป็นเช่นนี้เหมือนกัน!
พื้นที่ภายในน้ำเต้าลูกนี้ก็คือขุมนรก และอาจกล่าวได้ว่าขุมนรกก็ไม่ได้เคี่ยวกรำมันปานนี้
มีเพลิงผลาญหนึ่งชั่วยาม เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ไม่มีที่ให้มันหลบซ่อนเลย
มีสายลมหนาวกรีดเฉือนเข้าไปถึงกระดูกหนึ่งชั่วยาม อุณหภูมิสามารถติดลบได้ถึงเจ็ดสิบแปดสิบองศาอย่างกะทันหัน ลมหายใจทั้งหมดเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง
และอีกหนึ่งชั่วยามจะอบอวลไปด้วยหมอกควัน ควันนั้นระคายเคืองยิ่ง ระคายเคืองจนเจ้าหอยยักษ์สำลักจนตัวโยนขดเป็นก้อน เปลือกหอยสั่นเทิ้ม
สิ่งเหล่านี้ยังพอว่า มันกัดฟันอดทนให้ผ่านพ้นไปได้ สิ่งที่มันทนไม่ได้ที่สุดก็คือ ในหนึ่งวันจะมีอยู่สองชั่วยามที่มีกลิ่นอาหารชนิดหนึ่งหอมอบอวลอยู่ภายในน้ำเต้า!