ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 993-994
บทที่ 993 พบพานสหายเก่า
สายตาของตี้ฝูอีค่อยๆ กวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ถ้าท่านพกเงินมาไม่พอ ก็นำพู่หยกตรงเอวมาจำนำไว้ก็น่าจะได้”
คุณชายโบกพัดหน้าเขียวคล้ำแล้ว
พู่หยกตรงเอวเขามีค่าเป็นที่สุด เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเขา มีมูลค่ามหาศาล
คุณชายโบกพัดฝืนยิ้มอีกครา “คุณชายน้อยตั้งใจเย้าผู้อื่นเล่นกระมัง? อาหารมากมายขนาดนี้พวกเจ้ากินไม่ไหวแน่นอน สิ้นเปลืองเปล่าๆ…”
ตี้ฝูอีแย้มยิ้มน่ารัก “ไม่สิ้นเปลืองหรอก และอาหารพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้ากับนางอยากกินด้วย เป็นอาหารที่สั่งให้สัตว์พาหนะที่อยู่ข้างนอกกินต่างหาก”
คุณชายโบกพัดพูดไม่ออก
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาขึ้นสีอยู่บ้าง “สัตว์พาหนะจะกินอาหารดีเลิศปานนี้ได้อย่างไร? คุณชายน้อยเจตนาจะสร้างความลำบากให้ผู้อื่นชัดๆ หากผู้อื่นไม่เป็นเจ้ามือ เจ้าจะสั่งอาหารเหล่านี้ให้สัตว์พาหนะของบ้านเช่นกันหรือไม่?”
ตี้ฝูอีเท้าแก้มมองเขา “สัตว์พาหนะของบ้านข้าแตกต่างกับสัตว์พาหนะทั้งหลาย อาหารที่กินย่อมแตกต่างกับสัตว์พาหนะตัวอื่นเช่นกัน มันไม่เพียงแต่ชมชอบอาหารเลิศรสเท่านั้น ยังดื่มสุราชั้นดีด้วย ข้ายังไม่ได้สั่งสุราเลย…” พลางเอ่ยสั่งพนักงานที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าเอาสุราสลักบุปผาชั้นดีของที่นี่มายี่สิบจิน สุราไผ่เขียวชั้นดีอีกสามสิบจิน…ทั้งหมดล้วนจดลงบัญชีของคุณชายท่านนี้”
สีหน้าของคุณชายโบกพัดเขียวคล้ำอย่างถึงที่สุดแล้ว!
เมื่อเพิ่มสุราเหล่านี้เข้ามาอีก คงเป็นเงินกว่าพันตำลึงแล้ว!
คุณชายโบกพักยิ้มหยัน “สัตว์พาหนะดื่มสุราช่างพบเห็นได้ยากโดยแท้ คุณชายน้อยทำเช่นนี้เจตนาแกล้งผู้อื่นเล่นเสียแล้ว! ผู้อื่นไหนเลยจะติดกับดักนี้ท่าน? ผู้อื่นจะถามอีกครั้ง หากว่าคุณชายน้อยต้องจ่ายค่าอาหารเอง จะสั่งอาหารเหล่านี้เช่นกันหรือไม่?”
ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยเมย “อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นของหยาบกระด้าง ยามนี้สั่งอาหารนี้ให้มันยังถือว่าไม่เป็นธรรมต่อมันด้วยซ้ำ สิ่งที่มันดื่มกินในยามปกติดีกว่าอาหารเหล่านี้เสียอีก เพียงแต่เมื่อออกมาข้างนอก ทุกอย่างก็พอถูๆ ไถๆ ไปได้เท่านั้น เห็นว่าเจ้ามืออย่างท่านหักใจไม่ลง ถึงได้สั่งมาเพียงเล็กน้อย…”
เขาพลันยกมือ โยนถุงเงินใบหนึ่งลงบนโต๊ะ ตำลึงทองกองหนึ่งกับมุกกลมเกลี้ยงแวววาวสองสามเม็ดกลิ้งออกมาจากด้านใน จากนั้นเอ่ยสั่งเสมียนร้านผู้นั้น “เพิ่มจำนวนอาหารที่ข้าเพิ่งสั่งไปขึ้นอีกเท่า เงินจำนวนนี้พอหรือไม่?”
เสมียนร้านยิ้มแป้นทันที “พอ! พอ! พอแล้วขอรับ!”
ตำลึงทองมีค่าถึงสองร้อยตำลึง ไข่มุกก็เป็นไข่มุกทะเลใต้ที่มีค่ามหาศาล สิ่งเหล่านี้รวมกันแล้วเป็นเงินกว่าสองพันตำลึง
คุณชายโบกพักไม่อาจพูดอะไรได้อีก จากไปด้วยความขายหน้า
กู้ซีจิ่วหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “วิธีนี้ของเจ้าไม่เลวเลย คาดว่าคงไม่มีผู้ใดกล้ามาอาสาเลี้ยงพวกเราอีกแล้ว” เจ้าเด็กนี่ร่ำรวยนัก ใช้เงินฟาดผู้อื่นให้เสียหน้า ทำให้คนกะล่อนเสเพลบางส่วนหนีหายไปทันที
ตี้ฝูอีหมุนถ้วยชาในมือ “เจ้าเป็นผู้ใดกัน ใช่คนที่เขาจะเลี้ยงได้หรือไง?”
เขาแค่อยากกินข้าวกับกู้ซีจิ่วอย่างสงบ ไม่ต้องการให้คนทรามเหล่านี้มารบกวน
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังมาจากชั้นบน เสียงเย็นฉ่ำปานสายลมเสียงหนึ่งแว่วลงมา “น้องชายตัวน้อยท่านนี้กล่าวได้ถูกต้อง แม่นางกู้ไหนเลยจะใช่ผู้ที่คนเหล่านั้นสามารถเลี้ยงได้?”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วแวบหนึ่งอย่างประหลาดใจ “องค์…คุณชายเช่อ!”
คุณชายในชุดสีขาวนวลจันทร์ท่านหนึ่งยืนอยู่ชั้นบน รูปโฉมสง่างามล้ำเลิศ บุคลิกท่างแฝงความเจ้าสำราญไว้ เป็นองค์ชายแปดหรงเช่อแห่งอาณาจักรเฟยซิง
เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะตะโกนเรียกเขาว่า ‘องค์ชายแปด’ ทันใดนั้นพลันเห็นว่าเขาไม่ได้สวมชุดบรรดาศักดิ์ ราวกับมาตรวจราชการอย่างลับๆ ดังนั้นจึงเปลี่ยนคำเรียกทันที
หรงเช่อยิ้มให้กู้ซีจิ่วคราหนึ่ง “ซีจิ่ว ไม่ได้เจอกันเสียนาน! ไม่รู้ว่าพี่ชายจะมีวาสนาได้เชื้อเชิญพวกเจ้าขึ้นมาดื่มสักจอกหรือไม่?”
————————————————————————————-
บทที่ 994 กระหายอยากสังหารคนอยู่ตลอดเวลา
“ท่านสมควรอยู่ที่เมืองชายแดนมิใช่หรือ? เหตุใดมาอยู่ที่นี่ได้?” กู้ซีจิ่ถามหรงเช่อที่อยู่นั่งตรงกันข้าม
สถานที่ห่างไกลอำนาจโอรสสวรรค์เช่นนี้ยังบังเอิญพบสหายเก่าได้ถือเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งเช่นกัน ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงขึ้นไปชั้นบนพร้อมตี้ฝูอีอย่างปรีดา และร่วมโต๊ะกับหรงเช่อ
ชั้นสองคือห้องรับรองส่วนตัว ห้องรับรองที่หรงเช่ออยู่นี้คือห้องที่ใหญ่ที่สุด ดีที่สุด และเงียบสงบที่สุด
นี่คือห้องชุด ด้านในสุดของห้องถึงขั้นมีเสียงพิณแว่วออกมาด้วย ม่านมุกบดบังไว้ครึ่งหนึ่ง ซ่อนผู้บรรเลงพิณไว้ด้านในรางๆ
ตามข่าวที่กู้ซีจิ่วได้รับมา องค์ชายหรงเช่อและองค์รัชทายาทหรงเจียหลัวล้วนรบอย่างเอาเป็นเอาตายกับทัพของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยอยู่ที่เมืองชายแดน และเมืองชายแดนก็อยู่ห่างจากที่นี่กว่าสามพันลี้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงค่อนข้างประหลาดใจนักที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
หรงเช่อรินสุราให้เธอหนึ่งจก ถอนหายใจเบา “ยากจะอธิบายให้กระจ่างได้ในประโยคเดียว…วันก่อนได้รับสาสน์ด่วนจากเสด็จพ่อ บอกว่าต้องการเจรจาสงบศึกกับอาณาจักรเฮ่าเยวี่ย ให้สองฝ่ายหยุดยั้งสงครามเสีย และเรียกตัวพวกเรากลับไป เหลือแม่ทัพกู้ไว้ปกป้องเมืองชายแดนก็พอ ระหว่างเดินทางกลับจู่ๆ เสด็จพี่รัชทายาทเกิดป่วยเป็นโรคประหลาดขึ้นมา…หมอในกองทัพล้วนอับจนหนทางรักษา ข้าก็ไม่มีแผนการที่เข้าท่า ทำได้เพียงพาเสด็จพี่มาที่นี่อย่างลับๆ คิดจะเชื้อเชิญเจ้าสำนักหลงให้มาตรวจอาการว่ามีหนทางรักษาหรือไม่”
ที่แท้เขาก็มาเพื่อเชิญหลงซือเย่เหมือนกัน เป็นสหายที่มีเป้าหมายเดียวกัน
จากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ไปถึงเขาถามสวรรค์ใช้เวลาครึ่งวัน และนับว่าเป็นอาณาเขตของหุบเขาถามสวรรค์ด้วย หุบเขาถามสวรรค์มีกฎที่ไม่ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าผู้ที่มาขอรับการรักษาที่หุบเขาถามสวรรค์จะเป็นผู้ใด ล้วนไม่สามารถพาผู้ป่วยเข้ามาไปในหุบได้ ทำได้เพียงไปแขวนชื่อในโรงหมอของเมืองนี้ไว้ก่อน จากนั้นคนของโรงหมอค่อยให้ผู้ป่วยรั้งอยู่ตามคำสั่งของเบื้องบน
กู้ซีจิ่วก็เป็นนเพื่อนกับหรงเจียหลัวเช่นกัน เมื่อได้ยินว่าเขาป่วยเป็นโรคประหลาด จึงรีบสอบถามอาการทันที
หรงเช่อถอนหายใจพลางเอ่ยตอบ “หน้าตาขาวซีด ริมฝีปากม่วงคล้ำ จดจำผู้คนไม่ได้ กระหายอยากสังหารคนอยู่ตลอดเวลา”
กู้ซีจิ่วใจหายวาบ อาการแบบนี้ เห็นทีว่าจะถูกพิษผีดิบเข้าแล้ว!
เธอมองข้าวปลาอาหารที่วางเต็มโต๊ะนี้และปรมาจารย์พิณที่บรรเลงพิณอยู่ในห้องชุดอย่างเอ้อระเหย พลางนึกสงสัยอยู่ในใจ
หรงเจียหลัวป่วยหนักถึงเพียงนี้ องค์ชายแปดผู้นี้ยังมีแก่ใจมาจิบสุราฟังดนตรีอยู่ที่นี่อีก?
ดวงตาเธอสาดแสงแวบหนึ่ง เอ่ยถามทันที “องค์ชายแปด อยู่ที่นี่ด้วยนัดหมายผู้อื่นไว้ใช่หรือไม่?”
หรงเช่อพยักหน้า “มิผิด”
“นัดเจ้าสำนักหลงไว้หรือ?”
หรงเช่อเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ซีจิ่ว เจ้าทราบได้อย่างไร?”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “เสด็จพี่รัชทายาทของท่านป่วยหนักปานนี้ ท่านกลับมาจัดงานเลี้ยงอยู่ที่นี่…เห็นได้ชัดยิ่งว่าเชื้อเชิญผู้มีอำนาจมา อีกอย่างก็คือมีเพียงยามงานเลี้ยงที่เจ้าสำนักหลงเข้าร่วมเท่านั้นถึงจะต้องมีเสียงพิณบรรเลงคลอ”
หรงเช่อยกนิ้วโป้งให้ทันที “ซีจิ่ว เจ้าฉลาดจริงๆ!”
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “ประจบข้าให้น้อยหน่อยเถอะ เพียงแต่ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของท่านกับเจ้าสำนักหลงจะไม่เลวเลยนี่ เขายอมเห็นแก่หน้าท่านมาร่วมงานเลี้ยงนี้ของท่าน ต้องทราบก่อนว่าเขามิใช่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเชื้อเชิญได้ง่ายๆ”
หรงเช่อทอดถอนใจเบาๆ “ข้าก็รู้สึกมีโชคยิ่งนักเช่นกัน ได้รับการให้ค่าจากเจ้าสำนักหลง มองเห็นเป็นสหาย อันที่จริงแล้วนี่เป็นความชอบของเจ้านะ”
“หือ?”
นัยน์ตาหรงเช่อพราวระยับ “ตอนข้าบาดเจ็บสาหัสที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ครานั้น เขาเห็นแก่หน้าเจ้าถึงได้ไปส่งข้าลงเขาด้วยตัวเอง ซ้ำยังไปส่งข้าตลอดทางด้วย ค่อยๆ รักษาข้าจนหายดี นี่ทำให้คุ้นเคยกับเขาขึ้นมา พอจะอ้างได้ว่าเป็นกึ่งๆ สหายของเขา…”
ในเมื่ออยู่ที่ก็สามารถพบหลงซือเย่ได้ กู้ซีจิ่วก็เลยไม่รีบร้อนเดินทางแล้ว
ทั้งสองคุยสัพเพเหระกันอยู่ครู่หนึ่ง พูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนทราบ สาเหตุที่เกิดการสงบศึกอย่างกะทันหันเช่นนี้ เนื่องจากในที่สุดท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าแทรกแซงเรื่องนี้ แล้วสั่งการให้สองฝ่ายยุติสงคราม สี่เทวทูตลูกน้องของเขาตรวจสอบพบว่าซากศพและกองทัพที่หายไปเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางชั่วร้าย