ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 999-1000
บทที่ 999 เขาจะไร้ขีดจำกัดล่างได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง ตอบอย่างคลุมเครือว่า “เป็นสหายคนหนึ่งของข้า ไว้มีเวลาจะอธิบายรายละเอียดให้ท่านฟัง”
อาการป่วยของอิงเหยียนนั่วเป็นความลับยิ่ง ไม่เหมาะให้ผู้อื่นทราบ ดังนั้นต่อให้กู้ซีจิ่วเชื่อใจหรงเช่ออย่างเต็มที่ ก็ยังไม่อยากพูดต่อหน้าเขา
เอาไว้ค่อยหาเวลา ให้หลงซือเย่ตรวจรักษาเขาอย่างจริงจังตามลำพัง
หลงซือเย่มองอิงเหยียนนั่วอีกแวบหนึ่ง อิงเหยียนนั่วยิ้มตาหยีมองดูเขา การแสดงออกบนดวงหน้าน้อยๆ น่ารักไร้เดียงสาอย่างยิ่ง
ทว่าหลงซือเย่กลับรู้สึกว่าไรขนบนแผ่นหลังเขาลุกชันขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ดวงตาของเด็กคนนี้ทำให้เขานึกถึงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์…
“ซีจิ่ว ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ในที่สุดหลงซือเย่ก็เจียดเวลามาสนทนากับกู้ซีจิ่วแล้ว
“ดีเยี่ยม” กู้ซีจิ่วรีบตอบ
ปีครึ่งที่ผ่านมาหลงซือเย่แทบจะแตกหักกับเธอไปเลย เมื่อกี้ยามพบหน้าเขาเขาก็ปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชา เนื่องจากเตรียมใจไว้แล้ว เธอจึงไม่เก็บมาใส่ใจ
ดีร้ายอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้ชักสีหน้ามองเขม้นเธอ เช่นนั้นก็ดีแล้ว
“ชิมนี่ดูสิ นี่คือเห็ดสน ที่เจ้าชอบกิน” จู่ๆ หลงซือเย่ก็คีบอาหารจานหนึ่งให้เธอ
กู้ซีจิ่วค่อนข้างตกใจที่ได้รับความเอ็นดูอย่างไม่คาดฝัน เพียงแต่เธอไม่ชอบให้คนอื่นคีบอาหารให้เธอ ต่อให้เป็นหลงซือเย่คีบให้ก็ไม่มีข้อยกเว้น…
หากเป็นคนอื่นคีบให้ เธอคงปฏิเสธไปตรงๆ แต่นี่เป็นหลงซือเย่คีบให้ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ แถมเธอยังต้องขอความช่วยเหลือจากเขาอีก…
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงคิดจะฝืนใจลองพยายามกินดู นึกไม่ถึงว่าตะเกียบเธอเพิ่งจะแตะโดนเห็ดสนในจาน อิงเหยียนนั่วที่อยู่ข้างๆ ก็จามเสียงดังสนั่นขึ้นมา เขาคงจะหันศีรษะไปไม่ทัน จึงเป่าเห็ดสนในจานของกู้ซีจิ่วจนหมุนเป็นครึ่งวงกลม…
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
อาหารนี้เห็นได้ชัดว่ากินไม่ได้แล้ว ถึงขั้นที่อาหารทั้งโต๊ะก็ไม่อาจกินได้! เนื่องจากถูกเขาเจิมด้วยการจามครั้งนี้หมดแล้ว…
หรงเช่อเรียกพนักงานมา เขาพยายามจะประนีประนอมแก้ปัญหา ขณะที่กำลังจะให้พนักงานมาเปลี่ยนโต๊ะแบบเดิมอีกครั้ง อิงเหยียนนั่วตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “ซีจิ่ว ข้าไม่กินเห็ดสน ได้กลิ่นสิ่งนั้นแล้วรู้สึกอึดอัด…เจ้าก็จะไม่กินเหมือนกันใช่ไหม? ข้าจำได้ว่าเจ้ากินสิ่งนั้นแล้วคันไปทั้งตัว…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เธอกินเห็ดสนแล้วคันไปทั้งตัวตอนไหนกัน?
หรงเช่อเหลือบมองอิงเหยียนนั่วแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาได้เห็นวิชาปากร้ายของเด็กน้อยคนนี้ไปแล้ว ช่วยซีจิ่วไล่บุรุษเสเพลให้เตลิดเปิดเปิงไปทันที เจ้าเด็กคนนี้ช่างมากเล่ห์นัก
ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่พุ่งเป้าที่หลงซือเย่แล้ว…
หรงเช่อโบกพัดจีบ มองหลงซือเย่แวบหนึ่ง หลงซือเย่ก็ขมวดคิ้วมองอิงเหยียนนั่วแวบหนึ่งเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเขายังเด็ก เขาย่อมไม่คิดจะถือสาหาความกับเขา
ฝ่ายอิงเหยียนนั่วกลับกำเริบเสิบสานกว่าเก่า แกว่งแขนเสื้อกู้ซีจิ่วไปมา “ซีจิ่ว ข้าอยากกินปลาทับทิม ลูกชิ้นไหมทอง…” เขาร่ายชื่ออาหารออกมาหลายจาน
กู้ซีจิ่วมองหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูของเขา ค่อนข้างปวดประสาท เดิมทีเธอยังสงสัยอยู่ว่าเขาคือตี้ฝูอีปลอมตัวมา ยามนี้กลับไม่ค่อยแน่ใจแล้ว ตี้ฝูอีดีร้ายอย่างไรก็เป็นบุคคลอับดับหนึ่งในแผ่นดินนี้ เขาจะไร้ขีดจำกัดล่างได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
ไม่ว่าเขาจะใช่ตี้ฝูอีหรือไม่ กู้ซีจิ่วล้วนไม่สะดวกถามในยามนี้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงสะกดข้อสงสัยที่อยู่เต็มอกลงไปชั่วคราว ไม่อยากพัวพันกับปัญหาพวกนี้มากไปกว่านี้แล้ว จังขอให้หรงเช่อช่วยสั่งอาหารเหล่านี้ให้
เป็นครั้งแรกที่หลงซือเย่เห็นกู้ซีจิ่วอดทนกับเด็กคนหนึ่งถึงเพียงนี้ แววตาจึงพลันดำดิ่ง นิ้วมือที่อยู่ภายในแขนเสื้อกำแน่นเล็กน้อย
เขานึกว่าเมื่อเธอเห็นเขาดีต่อเย่หงเฟิงแล้วจะหึงหวงขึ้นมา กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…
เธอสนใจเด็กคนนี้ยิ่งกว่าเขาเสียอีก! ในใจเธอไม่มีที่ให้เขาเลยสักนิดจริงๆ ใช่ไหม?!
————————————————————————————-
บทที่ 1000 หรือนี่จะเป็นจุดอ่อนของตน?
เดิมทีหลงซือเย่คล้ายจะมีเรื่องร้อนใจบางอย่าง จึงรีบรุดมา แต่หลังจากได้พบทุกคนในที่นี้ เขาก็ระงับอารมณ์ไว้อีกครั้ง ดื่มสุรากินอาหารในงานเลี้ยงอย่างไม่รีบร้อน ดูแลเย่หงเฟิง บางครั้งก็พูดคุยกับกู้ซีจิ่วและหรงเช่อบ้างสองสามประโยค
ในงานเลี้ยงเจ้าภาพและแขกก็นับได้ว่าสนิทสนมกลมกลืน
กู้ซีจิ่วรู้สึกปลงอนิจจังอยู่บ้าง เมื่อก่อนหลงซือเย่รำคาญงานสังคมแบบนี้เป็นที่สุด เขาเป็นเซียนแพทย์ ผู้ที่คิดจะเชื้อเชิญเขาไปตรวจโรคย่อมมีไม่น้อย แต่ตัวเขานั้นคิดจะออกไปตรวจก็ออกไปตรวจเลย ไม่อยากไปตรวจก็บอกปัดไปตรงๆ เสมอมา ไม่เคยรับคำเชิญมากินดื่มสังสรรค์เช่นนี้เลย และรังเกียจคำเชิญเช่นนี้มาก ถ้าตกปากรับคำว่าจะตรวจอาการให้ผู้อื่นก็จะรีบไปทันที ไม่เหมือนกับยามนี้ เรื่องกินมาก่อนคนไข้ไว้ทีหลัง…
เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สินะ?
เธอพลางมองเย่หงเฟิงอีกแวบหนึ่ง เธอก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน…
ก็ถูกแล้วนี่ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างทำให้คนแตกต่างไปเช่นกัน อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่หลงซีอีกแล้วจริงๆ นั่นแหละ ต่อให้มีความทรงจำของหลงซี เธอก็หาความรู้สึกเช่นนั้นที่มีต่อหลงซีไม่พบอยู่ดี
ส่วนเย่หงเฟิงก็ไม่ใช่เย่หงเฟิงคนนั้นอีกแล้ว…
แบบนี้ก็ดีแล้ว!
เมื่อเห็นหลงซือเย่ดูแลเอาใจใส่เย่หงเฟิง ในใจเธอจะมีความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีอย่างไม่น่าเชื่อ
บางทีเย่หงเฟิงอาจเป็นรักแท้ของหลงซือเย่กระมัง? ถ้าหลงซือเย่สามารถพบรักแท้กับผู้อื่นได้อีกครั้ง ความรู้สึกผิดในใจเธอก็จะลดลงไปบ้าง…
“ซีจิ่ว ข้าอยากกินปูเมาจานนั้น” อิงเหยียนนั่วที่อยู่ด้านข้างเขย่าแขนเสื้อเธออีกครั้ง
กู้ซีจิ่วดึงแขนเสื้อออกมาจากมือน้อยๆ ของเขา ส่งกระแสเสียงหาเขา ‘เจ้าเพลาๆ หน่อยเถอะ ตอนนี้ถึงแม้เจ้าจะอยู่ในสภาพเด็กน้อย แต่เจ้าไม่เด็กแล้วนี่? ทำตัวน่ารักฉอเลาะอยู่ได้น่าละอายนัก!’
อิงเหยียนนั่วหลุบตาลง ไม่พูดอะไรแล้ว
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นเขาที่อยู่ในสภาพเด็กน้อยนั่งว่าง่ายอยู่ตรงนั้น ก็ใจอ่อนอีกครา ทำได้เพียงยื่นมือไปคีบปูเมาที่อยู่ไกลออกไปจานนั้น…
ในจานเหลือปูเมาอยู่เพียงสองตัว ตะเกียบคู่หนึ่งพลันยื่นออกมาจากด้านข้าง คีบปูเมาทั้งสองตัวไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้น เห็นหลงซือเย่คีบปูเมาทั้งสองตัววางไว้ในจานของเย่หงเฟิง “เจ้าชอบกินสิ่งนี้มิใช่หรือ? มอบให้เจ้าแล้วกัน”
ดวงตาเย่หงเฟิงพราวระยับ “ขอบคุณท่านอาจารย์”
ตะเกียบกู้ซีจิ่วที่ชะงักอยู่กลางอากาศ หักโค้งทันที คีบกุ้งเมาตัวหนึ่งวางลงในจานของอิงเหยียนนั่ว “มาเถอะ กินนี่สิ เสริมสร้างกระดูก เจริญเติบโต”
อิงเหยียนนั่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม มองเปลือกกุ้งตัวใหญ่ตัวนั้น “เปลือกแข็งเกินไป…”
กู้ซีจิ่วจึงแกะเปลือกกุ้งให้เขา วางเนื้อกุ้งลงบนจานเขา “แบบนี้ได้คงได้แล้วกระมัง?”
“ได้แล้ว” อิงเหยียนนั่วเผยยิ้มกว้างออกมา ก้มหน้ากินเนื้อกุ้งชิ้นนั้น
กู้ซีจิ่วถูกรอยยิ้มของเขาสั่นคลอนสติไปครู่หนึ่ง จู่ๆ พลันรู้สึกว่าดูเหมือนเธอจะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งของน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ทราบอยู่ชัดเจนว่าเจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เจ้าเล่ห์นัก แต่ยามที่เขาเผยรอยยิ้มออกมายังคงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะทุ่มเทจิตใจให้เขา…
หรือนี่จะเป็นจุดอ่อนของตน?
และอาจเป็นเพราะเขามีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีกระมัง?
สายตาของเธอกวาดมองสนับข้อมือบนข้อมือเขาแวบหนึ่ง หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย คีบกุ้งเมาอีกหลายตัวให้เขาเงียบๆ ให้เขาแกะเปลือกเอง บอกว่าเขาต้องแกะกินเองถึงจะได้อรรถรส
อิงเหยียนนั่วคล้ายจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อเรื่องที่เธอพูด แต่ก็ยังลงมือแกะด้วยตัวเอง
แกะไปได้หลายตัวแล้ว เปลือกกุ้งนี้หนาแข็งแหลมคม นิ้วมือของเขาบอบบาง จึงถูกบาดมือเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จนมีเลือดไหลออกมา
“ทำไมถึงไม่ระวังขนาดนี้?” กู้ซีจิ่วรีบคว้ามือเขามาจัดการแผลให้เขา มือน้อยๆ ทั้งสองข้างของเขาล้วนเปรอะไปด้วยน้ำแกง เธอหยิบผ้าเช็ดมือออกมาเช็ดมือให้เขา มือรูดไปโดนข้อมือเขาราวกับไม่ได้ตั้งใจ!
อย่าดูถูกการรูดครั้งนี้ของเธอ นี่เป็นทักษะพิเศษอย่างหนึ่ง ต่อให้กำไลหรือสร้อยข้อมือที่สวมจะแน่นสักไหนล้วนถูกทักษะนี้ของเธอรูดออกมาได้ทั้งสิ้น