ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 109 สินสอดทองหมั้นมูลค่ามหาศาล
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 109 สินสอดทองหมั้นมูลค่ามหาศาล
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ขอเพียงแค่มีฐานะเป็นผู้หญิง ไม่แต่งงานตลอดชีวิตแล้วจะเป็นได้อย่างไรกัน?
“ช่วงนี้มีเรื่องมากมาย ข้าไม่ได้สนใจโรงน้ำชาเลย ตอนนี้การค้าของโรงน้ำชาเป็นอย่างไรบ้าง?”
จูเอ๋อร์เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เกาหัวเล็กน้อย: “ช่วงนี้บ่าวมักจะไปเยี่ยมกู้เจินอยู่ตลอด ลืมไปเอาบัญชีที่โรงน้ำชา บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้แหละ คุณหนูนอนพักผ่อนไปก่อน”
“ไม่ต้องแล้ว พรุ่งนี้ตอนที่ไปศาลาซีเจียว ค่อยดูระหว่างทางก็แล้วกัน”
กู้ชิวเหลิ่งวางกระดาษข้อความที่กำเอาไว้ไปบนโต๊ะที่เตรียมเอาไว้ มองดูกระดาษข้อความกลายเป็นเถ้าถ่าน ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง แฝงความรู้สึกสนุกเล็กน้อย: “องค์หญิงอานไท่แห่งซีจิ้ง……”
“เรื่องของกู้ชิวเซียงทำได้ไม่เลว ข้าให้พวกเจ้าแอบทำอะไรบางอย่างกับโลงศพ พวกเจ้ายังสามารถทำได้อย่างเรียบร้อยหรือไม่?”
ผู้ชายรูปร่างกำยำหลายคนที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักด้านข้างกล่าวขึ้นมาว่า: “องค์หญิงวางใจได้ คนของเราได้ลงมือทำบางอย่างบนโลงศพที่จวนกู้โหวซื้อแล้ว ถึงเวลานั้นทันทีที่ยกโลงศพ ศพของคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้นั่นก็จะถูกเปิดเผยออกมาใต้แสงอาทิตย์ ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะสามารถเห็นรอยแปดเปื้อนที่อยู่บนร่างกายของนาง”
องค์หญิงอานกำลังให้สาวใช้ที่อยู่ข้างกายทาสีเล็บของดอกเทียนบ้านให้นางอยู่ สีนั่นละเอียดอ่อนและงดงาม เสริมให้นิ้วมือขององค์หญิงอานไท่ยิ่งดูละเอียดอ่อนนุ่มนวลมากขึ้น เดิมทีองค์หญิงอานไท่ก็งดงามมากอยู่แล้ว ทำให้ผู้ชายมองแวบเดียวก็รู้สึกลุ่มหลงมัวเมาราวกับดื่มสุรา ผู้ชายรูปร่างกำยำหลายคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเกิดตัณหาราคะขึ้นมาในทันใด
องค์หญิงอานไท่เงยหน้าขึ้นมา กระดิกนิ้วมือให้กับผู้ชายที่อยู่บนพื้นด้วยรอยยิ้มบนริมฝีปาก ราวกับมีใจจะยั่วยวน
ผู้ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรีบร้อนลุกขึ้นมา เข้าไปใกล้ๆ องค์หญิงอานไท่เลิกคิ้ว กล่าวถาม: “ข้างามหรือไม่?”
“องค์หญิงเป็นดั่งพระจันทร์บนท้องฟ้า จะไม่งามได้อย่างไร?”
“เทีบบกับกู้ชิวเซียงแล้ว ใครงดงามกว่ากัน?”
“ต้องเป็นองค์หญิงอยู่แล้ว!”
องค์หญิงอานไท่พยักหน้า สายตาแผ่ซ่านประกายแสงแห่งความภาคภูมิใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวสั่งการว่า: “อานู กำจัดพวกมันทิ้งให้หมด”
คนที่อยู่บนพื้นได้ยินคำพูดประโยคนี้ มองหน้ากันไปมา แต่ยังไม่ทันได้ยืนขึ้นมา ก็ถูกอานูฟันคอขาดแล้ว ก่อนที่จะตาย ยังเบิกตากว้าง ราวกับนอนตายตาไม่หลับ
“รูปร่างหน้าตาที่อัปลักษณ์เช่นนี้ ยังกล้าใช้สายตาแบบนี้มามองข้าอีก น่าขยะแขยงจริงๆ”
อานูกำลังจะจัดการกับศพ ก็ถูกองค์หญิงอานไท่คว้าแขนเอาไว้ องค์หญิงอานไท่ชอบผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่มาโดยตลอด ในอดีตตอนที่อยู่ที่ซีจิ้ง ในจวนองค์หญิงก็มีนายโลมอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้เดินทางไกลเป็นพันลี้มาถึงต้าเยียน กลับต้องแต่งงานอย่างมั่นคง นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางพอใจเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันก่อนนางเห็นกู้ชิวเซียงถูกพวกผู้ชายพวกนั้นรุมโทรมจนตายอยู่บนพื้นด้วยตาตัวเอง ในใจรู้สึกตื่นเต้นอยากลองนานแล้ว มือพาดไปบนคอของอานูโดยไม่รู้ตัว
อานูโอบเอวบางขององค์หญิงอานไท่เอาไว้ด้วยความชำนาญ เขาติดตามอยู่ข้างกายขององค์หญิงอานไท่มาหกปีแล้ว รู้ดีที่สุดว่าอานไท่อ่อนไหวตรงส่วนไหนที่สุด นิ้วมือจิกไปบนบั้นท้ายของไท่องค์หญิงอานไท่เบาๆ
สาวใช้ที่อยู่ข้างกายขององค์หญิงอานไท่ถอยออกไปอย่างรู้งาน พร้อมด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่เต็มห้อง องค์หญิงอานไท่กับอานูล้มตัวลงบนเตียง เกี่ยวพันนัวเนียอยู่ด้วยกันอย่างแยกไม่ออก
ตำหนักด้านข้างอีกด้านหนึ่งของวังหลวง ในห้องไม่ได้จุดเทียนไว้สักเล่ม ภายใต้แสงจันทร์สาดส่องผ้าม่านสีเหลืองดูซีดขาวราวกับแสงจันทร์
“อย่าเข้ามา! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก! ไสหัวไปเลย!”
“ฝ่าบาทเพคะ? ฝ่าบาทท่านเป็นอะไรไป? ฝ่าบาททรงตื่นสิ!”
“มู่หรงชิว! ! !”
จวินฉีเซิ่งลืมตาขึ้นมาในทันใด ใบหน้าดุร้ายน่ากลัว ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง
หยินซวงซวงสะดุ้งตกใจ รวบผ้าบางที่อยู่บนไหล่เล็กน้อย กล่าวว่า: “ฝ่าบาททรงฝันร้ายใช่หรือไม่? ให้หม่อมฉันนวดให้ฝ่าบาทหน่อยไหม?”
จวินฉีเซิ่งจับหน้าผาก บนใบหน้าและร่างกายล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นแล้ว ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มักจะฝันถึงมู่หรงชิวอยู่บ่อยๆ ช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยฝันถึงมาก่อนเลยชัดๆ แต่ว่าตั้งแต่ที่เห็นคุณหนูรองของตระกูลกู้แล้ว ในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยดวงตาที่ทำให้คนหวาดกลัวคู่นั้น
“ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร…..”
หยินซวงซวงตบไปที่แผ่นหลังจวินฉีเซิ่งเบาๆ และแอบจำชื่อ “มู่หรงชิว” ชื่อนี้เอาไว้อย่างลับๆ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวี้ฉือกงประกาศราชโองการองค์หญิงอานไท่จะแต่งงานมาที่ต้าเยียนในนามของซีจิ้ง กำหนดวันเอาไว้ในอีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ และฉินโม่เอ๋อร์ในฐานะที่เป็นองค์หญิงเหอชินจะแต่งงานกับจวินฉีเซิ่งฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี กำหนดวันไว้ในอีกสิบวันหลังจากนี้ นี่เป็นการแสดงว่าอีกสิบวันหลังจากนี้จวินฉีเซิ่งก็จะเดินทางกลับแคว้นฉีแล้ว
และในตำหนักวันนี้จวินฉีเซิ่งก็ได้ประกาศสินสอดทองหมั้นที่จะมอบให้ต้าเยียนเช่นกัน เขตเมืองสองแห่ง ทองคำหนึ่งล้านตำลึงกับผ้าต่วนหมื่นพับ เครื่องประทับและเงินทองยี่สิบลัง
สินสอดทองหมั้นมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ แทบจะสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองหลวง
ฉินโม่เอ๋อร์นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่รู้ตัว นึกว่ารูปลักษณ์ของตัวเองเป็นที่โปรดปรานของจวินฉีเซิ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
ในพื้นที่ล่าสัตว์ในวันนั้น นางเข้าหาจวินฉีเซิ่งอย่างดูเหมือนจะไม่ตั้งใจแต่จริงๆแล้วตั้งใจ จวินฉีเซิ่งก็ไม่ได้ต่อต้าน ตรงกันข้ามยังดูลุ่มหลงในตัวนางมาก นางก็รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รักเดียวใจเดียว ความจริงหากจะกล่าวถึงเรื่องรูปลักษณ์นางก็ไม่ด้อยไปกว่าหยินซวงซวงที่อยู่ข้างกายของจวินฉีเซิ่งเลยแม้แต่น้อย การไปแคว้นฉีในครั้งนี้ นางมีความมั่นใจว่าจะสามารถกลายเป็นฮ่องเฮาแห่งแคว้นได้ และฮองเฮาแห่งแคว้นฉี ก็เป็นได้แค่นางฉินโม่เอ๋อร์เท่านั้นเช่นกัน
“ข้าจะตีเจ้าให้ตาย! ข้าจะตีนังเด็กเวรอย่างเจ้าให้ตาย! หากไม่ใช่เพราะเจ้า ชื่อเสียงของข้าจะแย่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? ! เจ้ามันเป็นตัวซวยชัดๆ!”
ดวงตาที่เดิมทีเต็มไปด้วยรอยยิ้มของฉินโม่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมากะทันหัน วางต่างหูที่อยู่ในมือลง กล่าวว่า: “ท่านพี่เอะอะโวยวายอะไรข้างนอกอีก?”
“เรียนคุณหนู คือเซี่ยชุนสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของคุณหนูใหญ่กู้คนนั้น”
เมื่อวานฉินโม่เอ๋อร์ก็ได้ยินข่าวพี่ชิวเซียงคนนี้ถูกฆาตกรรมแล้ว ริมฝีปากซีดขาวเล็กน้อย วันนั้นในพื้นที่ล่าสัตว์ นางเคยเห็นกับตาว่ากู้ชิวเซียงตายอย่างไรกันแน่ เพียงแต่ว่านางไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกู้ชิวเซียง ภายใต้เงื่อนไขแบบนั้น ถ้าหากนางยื่นมือออกไปช่วยเหลือกู้ชิวเซียง เช่นนั้นจุดจบของนางก็จะเป็นเหมือนกับกู้ชิวเซียง
“ท่านพี่ได้ใหม่ลืมเก่ามาตลอดอยู่แล้ว น่าจะเล่นจนเบื่อแล้วกระมัง”
ฉินโม่เอ๋อร์กำลังทาแป้งชาดอยู่ แต่เมื่อภาพฉากที่กู้ชิวเซียงถูกฆ่าอย่างโหดร้ายปรากฏขึ้นมาในหัว แป้งชาดนั่นกลับทาต่อไปไม่ได้อีก ฉินโม่เอ๋อร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก กล่าวว่า: “เซี่ยชุนคนนั้น……ในฐานะเป็นสาวใช้ประจำตัวของพี่ชิวเซียง เจ้าหาโอกาสช่วยนางจากไปทางหลังลานคืนนี้”
“คุณหนูทำไมใจดีเช่นนี้? บ่าวได้ยินมาว่าเซี่ยชุนคนนั้นเป็นคนยั่วยวนคุณชายด้วยตัวเอง คุณหนูยังไปจะเห็นใจนางขนาดนั้น”
ฉินโม่เอ๋อร์เพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า: “ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีจิตใจแห่งความเมตตาทั้งนั้น เจ้าไปเถิด ข้าจะนอนต่ออีกหน่อย”
“บ่าวทราบแล้ว”
เหยียนจือที่เดิมทีฉินโม่เอ๋อร์ถือเอาไว้ในมือ จู่ๆก็กระแทกลงไปบนโต๊ะกะทันหัน ตะโกนเสียงเบาด้วยสีหน้าซีดขาว: “หลู่เสวี่ย ข้าไม่อยากจะเห็นหน้าผู้หญิงที่ชื่อเซี่ยชุนคนนั้นอีก เจ้าไปฆ่านางให้ข้าซะ!”
ใบหน้าของหลู่เสวี่ยถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ: “ข้าน้อยรับคำสั่ง”
“หลู่เสวี่ย ใบหน้าของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่? เจ้าอย่าโทษข้าเลยนะ เจ้าก็รู้ดี เวลาที่อาการป่วยของข้ากำเริบขึ้นมามันทรมานมาก ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ เจ้ารับคำสั่งจากท่านย่าให้มาปกป้องข้า เจ้าจะพูดสิ่งที่ข้าสั่งให้เจ้าไปทำออกไปไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่?”