ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 11 แต่งหน้าเบาๆ มาพบท่านอ๋อง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 11 แต่งหน้าเบาๆ มาพบท่านอ๋อง
หลังเปิดผ้าคลุมหน้า ผิวพรรณของกู้ชิวเหลิ่งเรียบเนียนและขาวยิ่งนัก ริมฝีปากชมพูเหมือนดอกท้อ ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งหน้า คิ้วดำเหมือนหมึก ดวงตาสว่างและงดงาม แม้จะดูยังเด็ก แต่ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นหญิงงามล่มเมืองคนหนึ่ง
กู้ชิวเหลิ่งอุทาน รีบปิดหน้าด้วยความตื่นตระหนกและพูดว่า:”ลูกแต่งหน้าเบามาพบท่านอ๋องรองไม่สะดวกนัก แต่……แต่น้องสามมาเปิดผ้าคลุมหน้าของข้าทำไม? ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชิวเยว่ยังคงแข็งทื่อ หันไปมองฮูหยินใหญ่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงโดยไม่รู้ตัว เห็นฮูหยินใหญ่ก็ทำหน้าตกตะลึง แต่คนที่ประหลาดใจที่สุดคือแม่นมโจว ใครจะไปคิดว่ากู้ชิวเหลิ่งจะไม่แต่งหน้า ท่าทางแสร้งทำเป็นหวาดกลัวของกู้ชิวเหลิ่งตอนอยู่ในหน้าประตูนั้น กลับเป็นการแกล้งทำ
สีหน้าของกู้หนานเฉิงสับสน และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงผู้หญิงที่มีหน้าตาและความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้น แม้แต่ลูกที่คลอดออกมาก็อ่อนโยนน่ารักผิวขาวดั่งหยก แต่ตั้งแต่ที่หญิงคนนั้นเสียไป ลูกสาวคนนี้ก็ค่อยๆกลายเป็นเหมือนคนธรรมดาและเป็นโรคพูดติดอ่าง แต่ตอนนี้เมื่อมองดูลูกสาวคนนี้อีกครั้ง ก็รู้สึกว่านางคล้ายกับแม่ของนางมากขึ้น ราวกับว่าวินาทีต่อมา หล่อนก็จะยิ้มปรากฏตัวมาอยู่ตรงหน้าเขา
เมื่อรู้สึกถึงความเสียสติไม่อยู่กิริยาของกู้หนานเฉิง ฮูหยินใหญ่ก็ไอเบาๆ และพูดอย่างเหมือนตำหนิหน่อยว่า:”เยว่เอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงได้ไร้มารยาทต่อพี่รองเจ้าได้ถึงเยี่ยงนี้? ท่านอ๋องยังอยู่ เจ้าก็กล้าบังอาจได้เช่นนี้! ”
กู้ชิวเยว่กระทืบเท้าอย่างไม่เต็มใจ กู้ชิวเหลิ่งก็ปิดผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความหวัดกลัว แต่สายตากลับมองไปมาบนตัวของกู้หนานเฉิงและอวี่เหวินเจี๋ย
สีหน้าของอวี่เหวินเจี๋ยเป็นเหมือนปกติ ราวกับว่าไม่เห็นนาง ส่วนกู้หนานเฉิงก็เริ่มคิดไปไกล เหมือนกับว่าต้องการเห็นร่างของผู้หญิงอีกคนผ่านจากตัวนาง
กู้ชิวเซียงจับผ้าเช็ดหน้าไว้อย่างแน่น กลัวว่าอวี่เหวินเจี๋ยจะปฏิบัติต่อกู้ชิวเหลิ่งแตกต่างออกไปเพราะหน้าตาของหล่อน แต่ต่อมาก็พบว่าอวี่เหวินเจี๋ยไม่คิดที่จะเหลียวมองกู้ชิวเหลิ่งแม้แต่นิดเลย นางถึงค่อยรู้สึกโล่งใจลง
กู้ชิวเยว่ยืนอยู่ข้างฮูหยินใหญ่ราวกับว่าทำอะไรผิด หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าฮูหยินใหญ่มีเพียงลูกสาวอย่างกู้ชิวเซียงคนนี้คนเดียว คนอื่นคงคิดว่ากู้ชิวเยว่เป็นลูกของฮูหยินใหญ่ไปแล้ว
ในความทรงจำของกู้ชิวเหลิ่ง กู้ชิวเยว่ก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดน่ารักมาโดยตลอด ต่อให้เป็นบุตรีอนุ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในจวนโหวขนาดใหญ่แห่งนี้ได้อย่างตามใจ ซึ่งต่างกับกู้ชิวเหลิ่งมากนัก เหตุผลก็เป็นเพราะนางพูดเก่ง ค่อยเอาใจฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงอยู่เสมอ
ในขณะที่กู้ชิวเหลิ่งกำลังได้กินเศษอาหารเย็นๆ กู้ชิวเยว่ก็กำลังกินอาหารเสริมรังนกที่ด้อยกว่ากู้ชิวเซียงเพียงเล็กน้อยแล้ว
ในที่สุดกู้หนานเฉิงก็ถามฮูหยินใหญ่ด้วยความอย่างสงสัยว่า: “เจ้าพูดในจดหมายว่า เจ้าได้เปลี่ยนลานแห่งหนึ่งให้เหลิ่งเอ๋อร์แล้ว?”
ฮูหยินใหญ่ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความเคารพว่า:”ตอนนี้เหลิ่งเอ๋อร์ก็สิบสี่ปีแล้ว ข้าคิดว่าเรือนจั๋วยู่ก่อนหน้านี้นั้นเรียบง่ายเกินไป ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจเปลี่ยนมันเอง”
ฮูหยินใหญ่ไม่ได้พูดถึงเซียวอวิ๋นเซิงแม้แต่คำหนึ่ง ท่าทางเหมือนเป็นแบบอย่างของภรรยาและแม่คนดีที่คิดเพื่อลูกสาวทั้งนั้น
กู้ชิวเซียงยิ้มและพูดว่า:”น้องรองก็ใกล้จี๋จี*แล้ว เรื่องการแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือที่ท่านอ๋องหกส่งมาเมื่อครั้งที่แล้วนั้น ข้าคิดว่าน้องรองก็ควรเรียนรู้ตัวหนังสือแล้ว ดังนั้นข้าจึงส่งไปที่ลานของนาง ในอนาคตก็จะได้ช่วยท่านอ๋องหกดูแลเรื่องในจวนได้บ้าง”
กู้หนานเฉิงกล่าวอย่างปลาบปลื้มว่า: “สิ่งล้ำค่าทั้งสี่นั้นเป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านอ๋องหกส่งให้เจ้า ครั้งที่แล้วข้าเห็นเจ้าดีใจยิ่งนัก คราวนี้ยอมส่งให้น้องสาวเจ้า ช่างใจกว้างยิ่งนัก”
“ตัวหนังสือของคุณหนูใหญ่มีชื่อเสียงยิ่งนัก ให้คุณหนูรองใช้ช่างน่าเสียดายไปหน่อย”
อวี่เหวินเจี๋ยเหมือนพูดจามั่วซั่ว แต่ก็ได้เปลี่ยนจุดสนใจจากเรื่องงานแต่งของกู้ชิวเหลิ่งมาเป็นเรื่องตัวหนังสือและภาพวาดแล้ว
แก้มของกู้ชิวเซียงแดงเล็กน้อยและพูดอย่างเขินอายเล็กน้อยว่า: “ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว เซียงเอ๋อร์ก็เพียงแค่เรียนรู้จากเซียนเซิงมาหน่อยเท่านั้น ตัวหนังสือของท่านอ๋องรองสิเจ้าค่ะถึงจะหาได้ยาก”
อวี่เหวินเจี๋ยนำถ้วยชามาวางไว้ในมือ เหลือบมองฟองชาที่ลอยอยู่บนน้ำชา เหมือนไม่ได้ยินคำชมเชยที่ประจบประแจงของกู้ชิวเซียง
ฮูหยินใหญ่รีบส่งสายตาให้กู้ชิวเยว่ทันที กู้ชิวเยว่ก็รีบเอ่ยว่า:”ตัวหนังสือของพี่ใหญ่และท่านอ๋องรอง คนหนึ่งอ่อนโยนดั่งลม อีกคนเหมือนดั่งมังกรบิน ไม่งั้นพี่ใหญ่และท่านอ๋องลองร่วมกันเขียนบทกวีหนึ่งบทดู คงเยี่ยมมากเลย”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งได้ยินเช่นนี้ ก็เข้าใจเจตนาของฮูหยินใหญ่แล้ว อวี่เหวินเจี๋ยดูแล้วก็เหมือนคนมีฐานะโดดเด่น มีความรู้มาก บวกกับเป็นพี่ชายมารดาคนเดียวของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ตอนนี้ก็ยังไม่มีชายามีสนม เป็นคู่แต่งงานที่ดีที่สุดสำหรับกู้ชิวเซียง
เพียงแต่ว่าหากเป็นอย่างที่จูเอ๋อร์พูด อวี่เหวินเจี๋ยเป็นคนที่มีนิสัยเย็นชาและโดดเดี่ยว ฝีมือการทำงานในราชสำนักก็ไม่ได้โหดร้าย เพียงเพราะแม่ของเขาเป็นไทเฮา ดังนั้นฐานะของเขาจึงมีเกียรติมากกว่าท่านอ๋องทั่วไป ถึงกระนั้นอวี่เหวินเจี๋ยก็ไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ เหตุผลก็คือไทเฮาท่านนี้ชอบลูกชายคนเล็กมากกว่า
ในขณะที่กู้ชิวเหลิ่งตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงการจ้องมองที่ซับซ้อนมองมาที่ตัวนาง แตกต่างจากการจ้องมองเมื่อครู่ของกู้หนานเฉิง ดูจากตำแหน่งแล้ว เหมือนเป็นอวี่เหวินเจี๋ยที่นั่งอยู่ทางมุมซ้ายของนาง
กู้ชิวเหลิ่งสบตากับเขาอย่างไม่คิดที่จะหลีกเลี่ยงเลย ในดวงตานั้นไม่มีความตื่นตระหนกอะไรเลย
อวี่เหวินเจี๋ยเม้มริมฝีปากเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มว่า:”เมื่อครู่คุณหนูใหญ่บอกว่าได้นำสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือที่น้องหกส่งมานั้นส่งให้กับคุณหนูรองแล้ว?”
จู่ๆก็พูดถึงกู้ชิวเหลิ่งอีก ปฏิกิริยาของกู้ชิวเซียงก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยตอบว่า: “ใช่ เพราะน้องรองชอบการเรียนรู้ ดังนั้นเซียงเอ๋อร์จึงมอบมันให้กับน้องรอง”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูรองฝึกฝนได้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งก้มหน้าลง: “ฝึกฝนได้ไม่ดีนัก ไม่อาจเทียบของพี่ใหญ่ได้”
ในขณะที่กู้ชิวเซียงคิดว่าอวี่เหวินเจี๋ยเพียงแค่ถามเฉยๆเท่านั้น จู่ๆอวี่เหวินเจี๋ยก็วางถ้วยชาในมือลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า: “คนข้างนอกต่างก็ลือกันว่าคุณหนูรองของตระกูลกู้นั้นพูดติดอ่างแต่เกิด วันนี้ข้าเห็นแล้วรู้สึกว่าข่าวลือที่ว่านั้นไม่จริง ข้าคิดว่าคำที่คุณหนูรองพูดนั้นล้วนเป็นคำถ่อมตัว”
“ข้า……”
กู้ชิวเหลิ่งยังพูดไม่จบ อวี่เหวินเจี๋ยก็ขัดคำพูดของนางไป: “สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือที่น้องหกมอบให้คุณหนูใหญ่นั้นเป็นของใช้ส่วนตัวของหวังเยี่ยนจือนักเขียนอักษรพู่กันในราชวงศ์ก่อน ข้าไม่เคยมีโอกาสได้พบมันเลย คุณหนูรองลองเอาออกมาให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาหน่อยได้หรือไม่”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เป็นเพราะนางไม่เต็มใจ แต่เป็นเพราะอวี่เหวินเจี๋ยจงใจเพิกเฉยนางตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้ว ตอนที่กู้ชิวเซียงกับกู้ชิวเยว่จงใจดึงความสนใจทั้งหมดมายังตัวนาง เขาก็กลับสามารถเปลี่ยนจุดสนใจให้ไปยังบนตัวของกู้ชิวเซียงได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับทำให้สายตาของทุกคนตกมาอยู่บนตัวนางอย่างไร้เหตุผล ช่างทำให้คนเข้าใจได้ยากยิ่งนัก
ฮูหยินใหญ่รู้สึกถึงความผิดปกติของเรื่อง รีบพูดว่า:”ท่านอ๋องรองเป็นคนเยี่ยงใด มีของอะไรที่ท่านไม่เคยเห็น?คำนี้ทำให้อีนังหนูรองของข้าตื่นตระหนกไปแล้ว”
กู้หนานเฉิงสั่งด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า:”ในเมื่อท่านอ๋องจะดู เหลิ่งเอ๋อร์ เจ้าไปนำของมาเดี๋ยวนี้”
กู้ชิวเหลิ่งยืนขึ้นด้วยความสงสัย นางยังไม่คุ้นเคยกับจวนกู้โหวและแคว้นต้าเยียนนี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือรู้ให้ได้ว่าเจ้าของร่างนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับท่านอ๋องรองอวี่เหวินเจี๋ยกันแน่
“ลูกคนเดียวเอาไม่ไหว ขอท่านพ่อโปรดอนุญาตให้ลูกพาสาวรับใช้ส่วนตัวไปด้วย”