ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 116 ชาใบทอง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 116 ชาใบทอง
เซียวอวิ๋นเซิงเท้าเอวกล่าว “นังหนู นี่เจ้าจะไม่จริงใจไปหน่อยกระมัง เจ้าว่ามาอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่? เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจนนะ”
กู้ชิวเหลิ่งจึงตอบ “ตามข้อตกลงในตอนต้นของพวกเรา ถ้าเซียวโหวเย๋น้อยต้องการเอาโรงน้ำชาคืนก็ต้องเป็นอีกหนึ่งปีให้หลัง ปีนี้จะเกิดเรื่องราวมากมาย ไม่ทราบเซียวโหวเย๋น้อยยังจำข้อตกลงครั้งแรกของพวกเราได้หรือไม่?”
เซียวอวิ๋นเซิงเอ่ย “ข้าย่อมจำได้! สิ้นปีเจ้าต้องให้ข้าสองแสนห้าหมื่นตำลึง ส่วนข้าก็ให้เจ้าดูแลกิจการโรงน้ำชาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น เมื่อได้กำไรสองแสนห้าหมื่นตำลึงแล้วต่อไปสุดแต่เจ้าจะจัดการ”
กู้ชิวเหลิ่งจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ในระยะเวลาสองเดือนข้าก็ให้ท่านตั้งห้าแสนตำลึงยังไม่พออีกหรือ?”
“กล่าวมาก็มีเหตุผล จริงอยู่ที่ข้าก็ไม่ได้ขาดแคลนโรงน้ำชา หากเจ้าต้องการ เช่นนั้นจะขายให้เจ้าในราคาห้าแสนตำลึงก็แล้วกัน แต่…”
“แต่?”
เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวด้วยสีหน้าประหม่า “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าครั้งที่แล้วเจ้ารับปากอะไรข้า? เจ้าไม่ได้ทำตามข้อตกลงในเงื่อนไขข้อสุดท้ายที่ข้าเสนอ”
กู้ชิวเหลิ่งพลันนึกขึ้นได้ เงื่อนไขข้อสุดท้ายที่เซียวอวิ๋นเซิงเคยกล่าวก็คือสวมชุดขี่ม้าที่เขามอบให้ในพื้นที่ล่าสัตว์ เพียงแต่ขณะนั้นเกิดเรื่องมากมายจึงลืมเรื่องนี้ไปเสีย กอปรกับคืนก่อนวันล่าสัตว์อวี้ฉือจ้านกับอวี่เหวินเจี๋ยก็ให้ชุดขี่ม้ามา ความนึกคิดของนางอยู่แต่กับพวกเขาทั้งสองจึงลืมเงื่อนไขนี้ของเซียวอวิ๋นเซิงไปเสียสนิท
“ข้าลืมไป”
สีหน้าเซียวอวิ๋นเซิงไม่ค่อยพอใจ แต่ครั้นนึกถึงว่าวันนั้นไม่ว่าผู้ใดให้ชุดขี่ม้ามานางก็ไม่ได้ใส่แล้ว จึงสบายใจขึ้น หลุดปากกล่าวออกมาว่า “ช่าง…”
“แต่ไหนมาข้าก็ไม่ชอบติดค้างใคร ในเมื่อคราวนี้ผิดสัญญา เช่นนั้นคราวหน้า…แต่ไม่ทราบว่าเซียวโหวเย๋น้อยจะหาเวลาได้หรือไม่”
เซียวอวิ๋นเซิงกลั้นคำว่า “ช่างเถอะ” คำนั้นกลับไปทันที แล้วเปลี่ยนคำพูด “ในเมื่อเจ้าก็กล่าวเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะเจียดเวลาสักหน่อยก็แล้วกัน”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วกล่าว “แต่เมื่อครู่เหมือนได้ยินเซียวโหวเย๋น้อยกล่าวว่าช่าง…”
“ข้าบอกว่าจะหาเวลา ข้าควรกลับเสียที!”
เซียวอวิ๋นเซิงหมุนกายไป ใบหน้าแดงซ่าน หากดูเวลาเขาก็ควรกลับแล้วจริงๆ อีกประเดี๋ยวเขายังต้องกลับไปคุกเข่าที่หอบรรพบุรุษอีก จะให้ท่านพ่อของตนทราบว่าตนแอบหนีออกมาไม่ได้เป็นอันขาด
เซียวอวิ๋นเซิงทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า “คราวหน้าข้าจะนัดเจ้า” แล้วก็เผ่นแนบหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที กู้ชิวเหลิ่งยังเห็นเซียวอวิ๋นเซิงพลั้งท่าตกลงมาขณะปีนกำแพงรางๆ
เมื่อนั้นก็ไม่ทราบว่าอวี้ฉือจ้านเดินออกมาจากที่ใด กล่าวด้วยน้ำเสียงมืดมน “เจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วทำไมยังพูดกับเขานานขนาดนี้อีก?”
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ชงชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง ตอบ “นี่เป็นห้องของข้า จะรับรองแขกยังต้องบอกกล่าวกับเซ่อเจิ้งหวางด้วยหรือ?”
อวี้ฉือจ้านเห็นว่ากู้ชิวเหลิ่งเดินอยู่บนพื้นด้วยเท้าเปล่าตั้งแต่แวบแรก แต่ราวกลับไม่รับรู้ถึงความหนาว เขาเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่งก่อนจะนั่งฝั่งตรงข้ามกับนาง จิบรสชาคำหนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ที่เจ้าจงใจพูดข้อแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเจ้าสองคนต่อหน้าข้า เจ้าทำไปเพื่ออะไร?”
กู้ชิวเหลิ่งตอบ “ก็แค่หวังว่าเซ่อเจิ้งหวางจะดื่มชาสักจอก”
“หือ?”
กู้ชิวเหลิ่งเกี่ยวมุมปากเป็นรอยยิ้ม “เอาไว้วันหลังข้าจะส่งชาใบทองของโรงน้ำชายีผิ่งไปยังจวนเซ่อเจิ้งหวาง เชิญเซ่อเจิ้งหวางลิ้มรสด้วยตนเอง”
“เจ้าอยากใช้ข้าหาเงิน?”
“ใช่”
ดวงตาของอวี้ฉือจ้านคล้ายว่ายิ้ม “ทำไมข้าต้องรับปากเจ้า?”
“เงิน เซ่อเจิ้งหวางน่าจะมีกองทัพส่วนตัวที่มีค่าใช้จ่ายเยอะกระมัง ป้องกันซีจิ้งและแคว้นฉี แล้วยังต้องป้องกันแคว้นเป่ยด้วย ทุกคนย่อมไม่เป็นปรปักษ์กับเงิน หากเซ่อเจิ้งหวางยินยอม ต่อไปข้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายกึ่งหนึ่งของกองทัพเหล่านี้”
อวี้ฉือจ้านเลิกคิ้วนิดๆ เขาไม่แปลกใจสักนิดที่กู้ชิวเหลิ่งทราบว่าเขาแอบซ่องสุมกำลังลับได้อย่างไร กู้ชิวเหลิ่งมีสติปัญญาล้ำเลิศ รู้สถานการณ์แคว้นฉี ซีจิ้งและแคว้นเป่ยที่อยู่ห่างไกลได้ ก็คงลงแรงกับเรื่องของเขาไม่น้อยเช่นกัน
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยต่อ “ความจริงหากพูดถึงเรื่องเงินทอง เซ่อเจิ้งหวางกับฝ่าบาทล้วนมีครบถ้วนบริบูรณ์ เซียวอวิ๋นเซิงเคยพูดปดต่อหน้าข้าหนหนึ่ง เขากล่าวว่าในท้องพระคลังมีเงินไม่ถึงสามล้านตำลึง ความจริงเซ่อเจิ้งหวางทราบดีว่าเซียวอวิ๋นเซิงมีไมตรีอันดีกับฝ่าบาท เงินที่เขาแอบส่งเข้าวังทุกปีน่าจะนับไม่ถ้วนต่างหาก ข้าพูดได้ถูกต้องหรือไม่?”
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าไม่ขาดอะไร แล้วทำไมยังกล้าเสนอข้อแลกเปลี่ยนพรรค์นี้ต่อหน้าข้าอีก?”
กู้ชิวเหลิ่งตอบ “ถึงเซ่อเจิ้งหวางกับฝ่าบาทจะมีพร้อมทุกอย่าง แต่คนอื่นไม่ ถึงต้าเยียนจะไม่มีเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงมากเท่ากับแคว้นฉี แต่ขุนนางโกงกินก็มีอยู่ไม่น้อย เหล่าลูกขุนน้ำขุนนางลูกท่านหลานเธอก็หมกเม็ดเงินทองส่วนมาก แต่ประชาชนมิได้ร่ำรวยเช่นนั้นนี่ หรือว่าเซ่อเจิ้งหวางไม่อยากรีดไถเงินทองจากพวกคหบดีขุนนางโกงกิน ทำนาบนหลังคนเหล่านั้นสักหน่อยหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มตาหยีดุจจันทร์เสี้ยว อวี้ฉือจ้านมีความคิดเช่นนี้จริง ต้าเยียนไม่มีการคดโกงเท่าแคว้นฉี ยังนับว่าบ้านเมืองสงบสุข แต่สองสามปีนี้มีขุนนางโกงกินมากขึ้นทุกที ยักยอกเงินไว้ที่บ้าน แถมยังไม่ทราบว่ามีเงินสกปรกอีกเท่าไร เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีวิธีที่ดีเท่านั้น ครั้นได้ฟังความหมายของกู้ชิวเหลิ่งแล้วกลับคล้ายเป็นวิธีที่ดี
ในที่สุดอวี้ฉือจ้านจึงเอ่ย “ลองว่ามา”
“น้ำชามีความจำเป็นต่อประชาชน กับเหล่าคุณชายหลานอ๋องเหล่านั้นก็ยิ่งจำเป็น เงินทองที่มีอยู่เต็มไปหมดไม่มีที่ทางจะใช้ หากคิดดูแล้วพวกเขาย่อมใช้ของชั้นยอด แน่นอนว่าต้องดื่มชาที่แพงที่สุดเช่นกัน จะได้แสดงให้เห็นถึงฐานะสูงส่งของพวกเขาระหว่างชนชั้นสูง โรงน้ำชาแห่งนี้มีชาชนิดหนึ่งเรียกว่าชาใบทอง ราคาสูงอยู่บ้าง แต่เพราะมันเป็นชาชนิดใหม่ ไม่ขึ้นชื่อ จึงทำให้ขายไม่ออก ข้าจะนำชาชนิดนี้ส่งไปยังพื้นที่มั่งคั่งที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงสักหน่อย ขนานนามว่าเป็นชาอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ขายในราคาแพงหูฉี่ เพิ่มราคาหลายสิบเท่า เซ่อเจิ้งหวางคิดว่าจะมีคนซื้อหรือไม่?”
อวี้ฉือจ้านฉายรอยยิ้มตามคาด หากยึดตามความคิดของประชาชนคนธรรมดาย่อมไม่ซื้อแน่ แต่ในพื้นที่มั่งคั่งนอกเหมืองหลวงจะไม่เป็นเช่นนั้น
เมืองหลวงเป็นเมืองหลักของแว่นแคว้น ตระกูลพ่อค้าจัดเป็นระดับต่ำสุดของต้าเยียน ทว่ากลับร่ำรวยมากกว่าขุนนางชนชั้นสูงมาก เงินสามารถซื้อได้ทุกสิ่ง แต่ไม่อาจเปลี่ยนตนเองให้สูงส่งเฉกเช่นตระกูลเจ้า กู้ชิวเหลิ่งใช้ชื่อชาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงจำหน่ายชาใบทองด้วยราคาสูงลิ่ว นี่จะทำให้พวกพ่อค้ารู้สึกว่าการดื่มชานี้สามารถยกฐานะของตัวเอง เช่นนี้เพื่อเอาใจชนชั้นสูงที่เป็นขุนนางย่อมมีพ่อค้ายอมทุ่มทุน และหลังจากนี้ชนชั้นสูงก็จะหันมาให้ความสนใจกับชาชนิดนี้โดยปริยาย
โบราณกล่าวคุณภาพตามราคา ไม่ว่าผู้ใดก็คิดไม่ถึงว่าชาอันดับหนึ่งของเหมืองหลวงจะอุปโลกน์ราคา เรียกราคาเกินเหตุ อันที่จริงชาใบทองแค่มีรสชาติกลมกล่อมเท่านั้น ไม่คู่ควรแก่ราคาแพง
จำต้องยอมรับว่ากู้ชิวเหลิ่งเชี่ยวชาญกับการคาดเดาจิตใจคนยิ่ง
อวี้ฉือจ้านเอ่ย “เจ้าไม่กลัวว่าจะมีคนเปิดโปงแผนลวงโลกของเจ้าหรือ?”