ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 117 บทบัญญัติสามประการ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 117 บทบัญญัติสามประการ
“ไม่ เวลานี้ชนิดของชาใบทองมีอยู่แค่เพียงภูเขาชาของเซียวอวิ๋นเซิง ข้าทดลองแล้ว มีแต่ดินของภูเขาลูกนั้นเท่านั้นที่ปลูกขึ้น ที่อื่นไม่สามารถปลูกชาชนิดชาใบทองได้”
อวี้ฉือจ้านยิ้มมุมปาก “คุณหนูรองกู้ช่างคิดได้ดีนัก”
“แต่ความคิดจะดีอย่างไรก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเซ่อเจิ้งหวาง”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ขอเพียงเซ่อเจิ้งหวางยอมเอ่ยปาก ปริมาณการขายของชาใบทองต้องเพิ่มเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน”
อวี้ฉือจ้านใช่นิ้วเคาะโต๊ะ ใคร่ครวญแล้วจึงเอ่ย “เงื่อนไขที่เจ้าเสนอมาเมื่อครู่ ข้าอยากเพิ่มอีกสักข้อ”
“เชิญเซ่อเจิ้งหวางกล่าวมาได้”
“แต่งงานกับข้า”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “เซ่อเจิ้งหวางล้อเล่นหรือ?”
อวี้ฉือจ้านตอบ “ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่เคยล้อเล่น”
กู้ชิวเหลิ่งจิบชาแล้วจึงเอ่ย “ถ้าข้าไม่รับปากล่ะ?”
“ในเมื่อบอกว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน เช่นนั้นเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม ข้อตกลงย่อมไม่เป็นผล คุณหนูรองย่อมยึดถือความคิดของตนเองได้ จะแต่งหรือไม่ก็สุดแล้วแต่เจ้า”
แววตาอวี้ฉือจ้านแฝงรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มชนิดนั้นกลับมิใช่แบบการยิ้มย่องของคนเจ้าเล่ห์ หากเป็นการหยอกล้อในแบบที่ปราศจากความรัก
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว “ในเมื่อเซ่อเจิ้งหวางไม่ได้ล้อเล่น เช่นนั้นข้าก็มีเงื่อนไขเช่นกัน”
“ว่ามา”
“อย่างแรก หากไม่ใช่การยินยอมของทั้งสองฝ่าย จะร่วมหอไม่ได้”
ใบหน้าอวี้ฉือจ้านปรากฏรอยยิ้ม “ข้ามิใช่พวกหิวโหยขนาดต้องขืนใจเด็กอายุสิบสี่หรอก”
กู้ชิวเหลิ่งไม่รู้สึกประหม่าสักนิด แต่กลับกล่าวต่อ “อย่างที่สอง ห้ามก้าวก่ายเรื่องของอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายไม่อนุญาตก็ห้ามซักไซ้ไล่เลียง”
“หากข้าต้องการรู้เรื่องใด จำเป็นต้องถามต่อหน้าด้วยหรือ”
“อย่างที่สาม หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการดำรงสถานะสมรสแล้ว ก็เลือกหย่าได้ นับแต่นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก”
“หากเป็นไปได้ ข้าก็ไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
กู้ชิวเหลิ่งเมินคำพูดของอวี้ฉือจ้าน เอ่ยต่อ “เงื่อนไขข้ามีเพียงเท่านี้ หากเซ่อเจิ้งหวางรับได้ ข้าก็ไม่สนใจว่าท่านจะตบแต่งอนุกี่คน”
อวี้ฉือจ้านวางถ้วยชา เอ่ย “ชาตินี้ข้าจะมีภรรยาเพียงผู้เดียว คุณหนูรองคิดมากไปแล้ว”
“เช่นนั้นได้จะดีที่สุด ข้าไม่อยากเสียเวลากับเรื่องในบ้านและพวกผู้หญิงของท่าน”
“ข้าก็ไม่คิดว่าคุณหนูรองจะเป็นสตรีที่ยอมเสียเวลากับเรื่องในบ้านเช่นกัน”
การเล่นเกมกับพวกกู้ชิวเซียงเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้กู้ชิวเหลิ่งหมดความอดทนไปแล้ว พวกคนโง่เขลาอย่างกู้ชิวเซียงกับฮูหยินใหญ่ แม้นางจะไม่จัดการ ช้าเร็วก็ต้องเดินสู่เส้นทางฆ่าตัวตาย
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “เซ่อเจิ้งหวางก็มาได้พักหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังไม่คิดจะบอกจุดประสงค์การมาครั้งนี้ของท่านอีกหรือ?”
ถึงอวี้ฉือจ้านจะเก่งกล้าสามารถ แต่อย่างไรก็ไม่อาจล่วงรู้อนาคต และไม่รู้ด้วยว่าครั้งนี้เซียวอวิ๋นเซิงก็มาด้วย ดังนั้นการที่เขามาหากู้ชิวเหลิ่งต้องมีธุระอื่นแน่ เพียงแต่ถูกนางเฉไปเรื่องอื่น
อวี้ฉือจ้านยังคิดถึงเรื่องที่เมื่อครู่กู้ชิวเหลิ่งรับปากแต่งงานกับเขา เดิมเขาพูดเพื่อหยั่งเชิงความคิดของกู้ชิวเหลิ่งเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านางจะรับปากง่ายดายเพียงนี้ ทั้งยังเสนอเงื่อนไขอีกสามข้อ เวลานี้เมื่อกู้ชิวเหลิ่งกล่าวถึง เขาจึงเพิ่งนึกได้ว่าที่มาวันนี้มีจุดประสงค์อะไร
“เมื่อวานเจ้าถามถึงจวินหวาเทียนอ๋องหวาแห่งแคว้นฉี ข้ามีเบาะแสจำนวนหนึ่งอยู่จริง เพียงแต่จะเขียนลงจดหมายไม่ได้ ดังนั้นจึงรอให้เจ้าจัดการเรื่องฮูหยินใหญ่แล้วจึงมาหาเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว “เหตุใดเซ่อเจิ้งหวางไม่ถามล่ะว่าทำไมข้าถึงสนใจเรื่องของจวินหวาเทียน?”
“ในเมื่อเจ้าต้องการต่อต้านจวินฉีเซิ่ง และรู้ว่าข้าไม่ต้องการปลุกปั่นให้เกิดเป็นสงคราม เช่นนี้คนที่คิดถึงเป็นอันดับแรกก็ย่อมเป็นจวินหวาเทียนอยู่แล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งอดเลื่อมใสอวี้ฉือจ้านไม่ได้ นางยังไม่ทันกล่าวอะไร แค่กล่าวถึงชื่อของจวินหวาเทียนเท่านั้น เขาก็ตระหนักความคิดของนางทั้งหมดแล้ว
จวินหวาเทียนเป็นสายเลือดราชวงศ์เพียงหนึ่งเดียวของแคว้นฉี สมัยก่อนขึ้นชื่อว่าดีงามมีคุณธรรมยิ่ง หากไม่ใช่เพราะจวินฉีเซิ่งบีบให้สละราชบัลลังก์ สุดท้ายผู้ที่ได้ขึ้นครองราชย์หากไม่ใช่รัชทายาทก็ต้องเป็นจวินหวาเทียนแน่ บัดนี้จวินฉีเซิ่งยังคิดจะปลุกปั่นสองแคว้นให้เกิดสงคราม เวลานี้จึงเป็นโอกาสดีที่สุดในการผลัดเปลี่ยนเจ้าแผ่นดิน
นางรู้นิสัยของจวินหวาเทียนดี แต่ไรมาก็ไม่ชอบสงคราม แต่กลับกล้าหาญยิ่ง คนเช่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นฉี
ส่วนจวินฉีเซิ่งก็แค่คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมเจนจัด ด้วยความคิดหยุมหยิมและวิธีการโหดเหี้ยมของเขา จะเป็นประมุขของแคว้นใหญ่ไม่ได้โดยแท้
อวี้ฉือจ้านก็คิดถึงจุดนี้เหมือนกัน เพียงแต่จวินหวาเทียนไม่ใช่พวกที่จะยอมนิ่งเฉย ตอนนั้นที่เขาถูกเนรเทศ อวี้ฉือจ้านก็ตามหาร่องรอยเขาตลอดทาง ทว่ากลับไม่พบเบาะแสของเขาสักนิด เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ได้เตรียมการป้องกันไว้แต่แรกแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ที่เซ่อเจิ้งหวางหาร่องรอยของจวินหวาเทียนไม่พบ คงเพราะเขาไม่ได้ไปตามเส้นทางเนรเทศแต่แรก ขุนนางเบื้องหลังรัชทายาทในปีนี้นั้นมีครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนจวินหวาเทียน หลังจากรัชทายาทฆ่าตัวตาย พวกเขาก็พยายามไปช่วยจวินหวาเทียนอย่างสุดความสามารถ จวินหวาเทียนเป็นที่นับถือของผู้คน รู้จักวางแผน ต้องมีชีวิตอยู่แน่ และในขณะนี้น่าจะกำลังปลีกวิเวกอยู่”
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้ว “หากเขาปลีกวิเวก ท่ามกลางบ้านเมืองที่วุ่นวาย คงหาผู้ที่เหมาะสมอีกไม่ได้แล้วจริงๆ”
ทันใดนั้นกู้ชิวเหลิ่งก็ฉายรอยยิ้มลวงวิญญาณ “แม้จวินหวาเทียนจะไม่ยี่หระกับราชบัลลังก์ แต่กลับมีจิตเมตตา เขาจะไม่ให้รัชทายาทกับฮ่องเต้…”
กู้ชิวเหลิ่งนึกได้ว่าตนกล่าวผิดไป จึงแก้คำพูด “อดีตฮ่องเต้แคว้นฉีสวรรคตด้วยความอยุติธรรม ดังนั้นหลายปีนี้น่าจะกำลังวางแผนต่อกรกับจวินฉีเซิ่งอยู่ ท่านกับข้าก็เพียงหาที่ซ่อนตัวของจวินหวาเทียนให้พบ ร่วมมือกับเขา เท่านี้ก็สามารถดึงจวินฉีเซิ่งที่มักใหญ่ใฝ่สูงลงมาได้แล้ว”
แววตาที่อวี้ฉือจ้านมองกู้ชิวเหลิ่งปรากฏความประหลาดใจแวบหนึ่ง กู้ชิวเหลิ่งไม่ใช่แค่รู้เรื่องแคว้นฉีเพียงเล็กน้อย แต่เขารู้สึกได้ว่าเป้าหมายของกู้ชิวเหลิ่งก็คือจวินฉีเซิ่งตั้งแต่แรก และยังคงเป็นเป้าหมายนั้นมาโดยตลอด หากไม่ใช่ว่าเป็นความแค้นฝังลึก เขาก็จะไม่เห็นความแค้นที่ซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาส่วนลึกของเด็กสาวอายุสิบสี่
“ไม่ทราบเซ่อเจิ้งหวางมีความเห็นอย่างไร?”
อวี้ฉือจ้านเบนสายตาออก ราวกับไม่ได้ใจลอยเพราะนาง “เป้าหมายของคุณหนูรองเหมือนดั่งข้า ข้อเสนอของเจ้าข้าก็เห็นว่าดี เอาไว้งานมงคลระหว่างสองแคว้นเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะส่งสินสอดไปที่จวนโหว คุณหนูรองแค่รับราชโองการก็พอ เรื่องพิธีการทุกอย่างข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
ถึงจะไม่สนใจ แต่หัวใจกู้ชิวเหลิ่งก็ยังหยุดเต้นหนึ่งจังหวะ แต่งงาน สินสอด นี่ห่างไกลจากความทรงจำของนางมาก นางตบแต่งกับจวินฉีเซิ่งเจ็ดปี จากรักใคร่จนแต่งงาน หวานฉ่ำปานน้ำผึ้ง ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ กระทั่งสุดท้ายใจดำทรยศ คิดแล้วก็เป็นเพียงเรื่องน่าขันเรื่องหนึ่ง แต่การแต่งงานกับอวี้ฉือจ้านในครั้งนี้ เป็นการบรรลุข้อตกลงเพื่อเป้าหมายที่เหมือนกัน
อวี้ฉือจ้านเอ่ย “ถึงจะเป็นการแต่งงานจอมปลอม แต่ข้าก็จะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขในโลก”
กู้ชิวเหลิ่งหัวเราะเสียงเขา คล้ายไม่เห็นเป็นสำคัญ “ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนั้นหรอก ได้ตกแต่งตามประเพณีสามแม่สื่อหกขั้นตอน ข้ายังมีอะไรให้ไม่พอใจอีก?”