ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 119 การตายของฮูหยินใหญ่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 119 การตายของฮูหยินใหญ่
กู้ชิวเหลิ่งกุมท้องน้อยขมวดคิ้ว “เขารู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ข้าอยากกินพอดี?”
จูเอ๋อร์ตั้งใจคิดแล้วจึงกล่าว “ก่อนหน้านี้ตอนที่บ่าวเห็นเขา พูดถึงว่าคุณหนูไม่ทานมื้อเย็นเป็นประจำ วันนี้ยังตื่นเช้าขนาดนี้อีก ต้องหิวแล้วแน่”
กู้ชิวเหลิ่งมองนอกหน้าต่าง กู้เจินจากไปนานแล้ว อันที่จริงเมื่อครู่นางควรถามเรื่องมารดาของจวินหวาเทียน บางทีเขาอาจเคยได้ยินเรื่องของจวินหวาเทียนมาบ้าง
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้ากล่าวกับจูเอ๋อร์ “เจ้าก็หยิบตะเกียบคู่นั้นแล้วกินด้วยกันเถอะ”
“ก่อนไปบ่าวกินแล้วเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้คุณหนูทานก็พอ!”
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่ตรงโต๊ะ รับประทานฮะเก๋าใส้ผักหมดเกลี้ยงหนึ่งจานแล้วจึงกล่าวกับจูเอ๋อร์ “ตอนที่เจ้าไปเอาสมุดบัญชี ผู้จัดการพูดอะไรหรือไม่?”
“จริงสิ ผู้จัดการบอกว่าของที่เก็บไว้ขายออกไปกว่าครึ่งค่อนแล้ว ยังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยด้วย นอกจากพวกหน้าเดิมๆ เหล่านั้นแล้ว ยังมีคนที่อายุค่อนข้างมากหน่อย เป็นชาวบ้านเหมือนกัน เหมือนกับที่คุณหนูบอกเมื่อก่อนหน้านี้เลยเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ก็มีลูกค้ารายเล็กรายย่อยจำนวนหนึ่งมาซื้อชาเหมือนกัน ทุกครั้งจะซื้อเป็นกล่อง ได้กำไรมากโขอยู่เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพลิกสมุดบัญชีตามอัธยาศัย รายการบัญชีในนั้นเขียนได้ชัดเจนมาก ไม่มีจุดไหนที่คลุมเครือ กำไรครึ่งเดือนคือหนึ่งหมื่นตำลึงเงิน ถือว่าไม่เสียแรงเปล่า
กู้ชิวเหลิ่งปิดสมุดบัญชีก่อนจะกล่าว “นี่ก็แค่ชดเชยการขาดทุนก่อนหน้านี้เท่านั้น ไม่ได้กำไรอะไร ที่จะทำกำไรได้จริงไม่ใช่ของสิ่งนี้”
จูเอ๋อร์ฉงนฉงาย “เช่นนั้นที่ทำกำไรได้คืออะไรหรือเจ้าคะ?”
ดวงตาดำเงากู้ชิวเหลิ่งแวบประกายอย่างที่สังเกตเห็นได้ยาก “พรุ่งนี้เจ้าไปเอาชาใบทองมาก้อนหนึ่ง แล้วเอาสมุดบัญชีไปคืนด้วย”
“พรุ่งนี้บ่าวจะไปจัดการแต่เช้าเลยเจ้าค่ะ!”
ที่สวนอี้เซียงอีกทางมีสภาพการณ์อีกอย่างหนึ่ง เสียงเครื่องหยกจำนวนมากแตกครึกโครมดังออกมาจากในห้อง สิ่งเหล่านั้นล้วนเคยเป็นของรักของหวงของฮูหยินใหญ่ แต่เวลานี้กลับถูกขว้างปาลงบนพื้นอย่างแรง เห็นได้ว่าคนที่ลงมือใจเหี้ยมเพียงใด
“กู้ชิวเหลิ่ง! เป็นกู้ชิวเหลิ่ง! ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ข้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ได้อย่างไร! เซียงเอ๋อร์ของข้ายังรอฝังอยู่นะ! เซียงเอ๋อร์ของข้ายังรอฝังอยู่!”
แม่นมโจวหลบอยู่ที่ไกลๆ เมื่อก่อนเพียงรู้สึกว่าฮูหยินใหญ่ป่วยเพราะการตายของกู้ชิวเซียง แต่เมื่อดูสภาพในเวลานี้ที่ราวกับผีร้ายแล้ว ก็มีลางว่าจะสติฟั่นเฟือนวิปลาส เครื่องหยกเหล่านั้นไม่ใช่ของที่เก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติ แต่เป็นทรัพย์ส่วนตัวของฮูหยินใหญ่เอง แต่ละชิ้นมีค่ามหาศาล ทว่าเวลานี้กลับถูกฮูหยินใหญ่โยนลงกับพื้นอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้แล้ว นางก็ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าห้ามปราม
ครั้นพ่อบ้านเปิดประตูห้องฮูหยินใหญ่ก็มีแสงตะวันสาดส่องเข้ามาสายหนึ่งจนทำให้ฮูหยินใหญ่ต้องปิดตา พ่อบ้านกล่าว “ฮูหยินใหญ่ นายท่านสั่งให้บ่าวดึงผ้าขาวในห้องออก ล่วงเกินแล้ว”
เมื่อพ่อบ้านโบกมือ คนรับใช้ชายจำนวนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังก็พุ่งเข้าห้อง ขับไล่แม่นมโจวและสาวใช้สองสามคนที่อยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่ออกไป ฮูหยินใหญ่ไม่สนใจเรื่องกิริยา เดินหน้าไปคว้า “ใครให้พวกเจ้าดึงลงมา! พวกเจ้าต้องฝังไปพร้อมกับลูกสาวข้า! พวกเจ้า…”
พ่อบ้านเดินไปเหวี่ยงฮูหยินใหญ่ล้มลงกับพื้น กล่าวด้วยท่าทางหงุดหงิด “นายท่านสั่งไว้ ตอนนี้สุขภาพฮูหยินใหญ่ไม่อำนวย ต่อไปไม่ต้องออกจากสวนอี้เซียงอีก สาวใช้จะดูแลเอง ส่วนแม่นมโจวอายุมากแล้ว ไร้ความสามารถ นายท่านจึงให้จะนางไปเป็นยายรับใช้ทำงานทั่วไปอยู่ในลานบ้าน คาดว่าฮูหยินใหญ่คงไม่ขัดนายท่านกระมัง?”
พ่อบ้านเป็นคนที่รู้จักปรับตัวตามทิศทางลมมากที่สุด คราวนี้เขามั่นใจว่ากู้หนานเฉิงจะไม่เคารพฮูหยินใหญ่เหมือนในอดีตอีก หนำซ้ำเวลานี้นางยังป่วย แม้แต่ตระกูลฉินก็ไม่พาตัวนางไป ต่อไปย่อมไม่คนมาช่วยนางด้วยเช่นกัน อีกอย่างสมัยก่อนฮูหยินใหญ่อาละวาดตามใจชอบ ไม่เคยเห็นพวกเขาคนรับใช้อยู่ในตายตา หากยามนี้เขาไม่เบ่งอำนาจแล้วจะระบายความเจ็บแค้นของตัวเองได้อย่างไร?
“เจ้า! เจ้ามันก็แค่สุนัขรับใช้! ถึงกับกล้าพูดอย่างนี้กับข้าเชียวหรือ!”
พ่อบ้านเฮอะเย็นเสียงหนึ่ง แสร้งไม่ได้ยินถ้อยคำของฮูหยินใหญ่ “เด็กๆ! ลากแม่นมโจวออกไป!”
แม่นมโจวกำลังยืนอยู่ที่ปากประตู ครั้นได้ยินคำพูดนี้ก็ขาอ่อน โขกศีรษะไม่หยุด “ฮูหยินช่วยบ่าวด้วย! รีบช่วยบ่าวเร็วเถิด!”
ฮูหยินใหญ่หอบหายใจไม่ออก ชี้คนข้างนอกที่กำลังลากแม่นมโจวพร้อมตะโกนไปว่า “ห้ามเอาไป! ใครก็ห้ามเอาตัวแม่นมโจวไปทั้งนั้น! ข้าเป็นนายหญิงของจวนโหวแห่งนี้! พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรือ!”
พ่อบ้านเห็นว่าดึงผ้าขาวออกจวนจะหมดแล้วจึงกล่าว “เวลานี้จวนโหวมีอี๋เหนียงรองและอี๋เหนียงห้าเป็นผู้ดูแล บ่าวไม่รบกวนฮูหยินใหญ่รักษาอาการป่วยแล้ว ขอลา”
พ่อบ้านเรียกให้คนที่อยู่ในห้องออกมา เหลือเพียงฮูหยินใหญ่ที่ตัวอ่อนเปลี้ยกองอยู่กับพื้น ก่อนจากไปพ่อบ้านยังถ่มเสลดทีหนึ่ง
ในห้องเต็มไปด้วยเศษเครื่องหยกและผ้าขาวที่กระจัดกระจาย ผมเผ้าฮูหยินใหญ่รุงรังราวกับม้วนผ้าห่มและเสื่อในห้องอย่างไรอย่างนั้น
ฮูหยินใหญ่กำหมัดแน่น ความแค้นอัดแน่นอยู่ในดวงตา “ดี ดีนักนะกู้หนานเฉิง เจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก ถึงกับกล้าทำอย่างนี้กับข้า! ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”
เมื่อนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ฮูหยินใหญ่ดึงสติกลับ นางขมวดคิ้วแล้วมองผู้เข้าประตูมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “เป็นเจ้า?”
กู้ชิวเหลิ่งเก็บภาพเหมือนของจวินหวาเทียนไว้ในลิ้นชัก จากนั้นจูเอ๋อร์ก็วิ่งเข้าประตูมาด้วยความร้อนรนก่อนจะตะโกน “คุณหนู! สวนอี้เซียงเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ!”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วถาม “สวนอี้เซียงเกิดเรื่องอะไร?”
“ฮูหยินใหญ่แขวนคอตายแล้วเจ้าค่ะ!”
ดวงหน้ากู้ชิวเหลิ่งตกตะลึงเล็กน้อย ฮูหยินใหญ่แขวนคอตาย? ทีแรกนางคิดว่าฮูหยินใหญ่จะอาละวาดสักยก อย่างมากก็เพียงเล่นแง่สักหน่อย คิดไม่ถึงว่านางถึงกับจะแขวนคอตาย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“บ่าว…บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่คนข้างนอกวุ่นวายกันไปหมดแล้ว บอกว่าสาวใช้ที่ส่งอาหารกลางวันให้ฮูหยินใหญ่พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นฮูหยินใหญ่แขวนคอกับขื่อแล้วเจ้าค่ะ ดวงตาเปิดกว้าง แลบลิ้นออกมาด้วย เหมือนกับจะตายตาไม่หลับ!”
ไม่ ด้วยนิสัยของฮูหยินใหญ่จะไม่ทำเรื่องอย่างการฆ่าตัวตายแน่นอน อีกอย่างกู้ชิวเซียงก็เพิ่งจากไป รอยร้าวระหว่างนางกับกู้หนานเฉิงกำลังลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงเวลานี้ฮูหยินใหญ่น่าจะแค้นกู้หนานเฉิงเข้ากระดูกจึงจะถูก จะไม่ปลิดชีพตัวเองเด็ดขาด ถึงจะเพื่อเรื่องฝังศพของกู้ชิวเซียง นางก็จะไม่แขวนคอตายอย่างไม่คิดการรอบคอบแน่นอน
“ไป ไปดูกัน”
จูเอ๋อร์ผงกศีรษะงกๆ แต่ขณะที่กู้ชิวเหลิ่งไปถึง กู้หนานเฉิง กู้ชิวถาง อี๋เหนียงรอง กู้ชิวเยว่และเอี้ยนซานเหนียงก็มาถึงแล้ว
ขณะที่กำลังจะคลุมผ้าขาวกับร่างของฮูหยินใหญ่ กู้ชิวเหลิ่งพลันถามกับกู้ชิวถาง “ท่านแม่แขวนคอตายได้อย่างไรเจ้าคะ? สืบความให้แน่ชัดแล้วหรือ?”
ใบหน้ากู้ชิวถางมีความโศกเศร้า ส่ายหน้าตอบ “มาถึงก็เป็นอย่างนี้แล้ว คงเพราะการตายของเซียงเอ๋อร์ ท่านแม่…”
กู้ชิวเหลิ่งมองโดยรอบ กู้ชิวเยว่หลบอยู่กับหลังอี๋เหนียงรองคล้ายกับกลัวอะไรแล้วพูดขึ้น “ท่าทางท่านแม่อย่างนี้ อย่างกับตายตาไม่หลับ…”