ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 120 ตายตาไม่หลับ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 120 ตายตาไม่หลับ
‘ตายตาไม่หลับ’ สี่คำนี้เสียดแทงหูของกู้หนานเฉิงยิ่ง เพราะวันนี้เขาเพิ่งรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับหลิวเล่าฮูหยินของตระกูลฉินว่าจะดูและฮูหยินใหญ่อย่างดี จะไม่ให้มีอะไรตกหล่น แต่ตระกูลฉินเพิ่งกลับไป ฮูหยินใหญ่ก็เสียชีวิตแล้ว ในสายตาขอคนอื่นนี่กลับเป็นเหมือนการจัดฉาก
อี๋เหนียงรองไม่เคยพบเจอว่าคนที่แขวนคอตายเป็นอย่างไร ครั้นได้ยินกู้ชิวเยว่กล่าวอย่างนี้จึงกล่าวแบบเสียงสั่น “ตามที่ว่ามา ก็เหมือน…”
แต่ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกกู้หนานเฉิงตวาด “เพ้อเจ้ออะไร?!”
อี๋เหนียงรองตกใจถอยหลังก้าวหนึ่งแล้วรีบแก้ตัว “ข้ากล่าวผิดไป นายท่านโปรดอย่าโมโหเลย…”
“เสียทีที่ระยะนี้ข้าให้เจ้าเป็นใหญ่ในบ้าน เจ้ากลับพูดจาชวนให้คนงมงายเช่นนี้! ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!”
“นายท่าน…ข้าก็แค่…”
เอี้ยนซานเหนียงกอดแขนกู้หนานเฉิง เอ่ย “หนานเฉิง ท่านก็อย่าโทษอี๋เหนียงรองเลย เป็นเพราะฮูหยินใหญ่จากไปกะทันหัน แถมปกตินางก็คุ้นเคยกับฮูหยินใหญ่จึงยังรับไม่ได้เท่านั้นเอง อีกอย่างภาพผู้หญิงที่แขวนคอตายก็ไม่น่าดู การที่อี๋เหนียงรองจะตกใจก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ครั้นได้ยินเอี้ยนซานเหนียงกล่าวเช่นนี้ อารมณ์โกรธของกู้หนานเฉิงจึงลดลงประมาณหนึ่ง เอ่ย “ยังเป็นเจ้าที่รู้จักควบคุมสถานการณ์”
เอี้ยนซานเหนียงกล่าว “ซานเหนียงก็แค่เห็นมามากเท่านั้น จึงไม่รู้สึกแปลก หนานเฉิงพูดเช่นนี้กลับทำให้ซานเหนียงละอายใจนัก”
เมื่ออี๋เหนียงรองเห็นว่ากู้หนานเฉิงไม่คิดเอาความนางอีกจึงโล่งอก การที่เอี้ยนซานเหนียงพูดแทนนางในเรื่องนี้กลับทำให้นางฉงนสนเท่ห์ บัดนี้ฮูหยินใหญ่ก็เสียชีวิตแล้ว ตำแหน่งภรรยาเอกของกู้หนานเฉิงจึงว่างเว้น ต้องมีใครสักคนดำรงตำแหน่งนี้แทน ส่วนนางกับเอี้ยนซานเหนียงก็เป็นคู่ต่อสู้ชิงตำแหน่งนี้
เมื่อครู่นางคิดว่ากู้หนานเฉิงจะไม่ให้นางดูแลงานในจวนเพราะพูดจาส่งเดช หากเป็นดังนั้นจริง เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นผลดีกับเอี้ยนซานเหนียงยิ่ง กอปรกับความโปรดปรานที่กู้หนานเฉิงมีต่อเอี้ยนซานเหนียง ตำแหน่งฮูหยินใหญ่ภรรยาหลักต้องตกเป็นของเอี้ยนซานเหนียงแน่ แต่เอี้ยนซานเหนียงกลับมาช่วยนาง นี่ทำให้นางสับสนมึนงงไปหมด
กู้ชิวเหลิ่งจับจ้องอยู่แต่คอของฮูหยินใหญ่ ขณะที่กู้ชิวถางกำลังคลุมผ้าขาวบนตัวฮูหยินใหญ่ กู้ชิวเหลิ่งก็พลันเรียกหยุด “ช้าก่อน!”
มือกู้ชิวถางชะงักแล้วมองกู้ชิวเหลิ่งด้วยความงุนงงก่อนจะเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”
“ท่านพี่ไม่รู้สึกแปลกตรงรอยแดงที่คอของท่านแม่หรือ?”
ครั้นเอ่ยถึงจุดนี้ สายตาของกู้ชิวถางจึงเคลื่อนจากใบหน้าอันน่ากลัวของฮูหยินใหญ่ไปที่ลำคอ เมื่อดูอย่างละเอียดก็พบความผิดปกติจริงๆ
กู้ชิวถางไม่สนเรื่องมารยาท พลิกตัวฮูหยินใหญ่ทันที
กู้หนานเฉิงขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะเอ่ยปากก็ได้ยินกู้ชิวเยว่เอามือปิดหน้าร้อง “ท่านพี่! นี่ท่านทำกำลังทำอะไร? ยังไม่รีบคลุมศพท่านแม่อีก…”
กู้ชิวถางขมวดคิ้วลุกขึ้นยืน เอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ได้ฆ่าตัวตายขอรับ! แต่ถูกคนสังหาร!”
ครั้นกู้ชิวถางกล่าวจบ ทุกคนในที่นั้นก็สะดุ้ง นายหญิงผู้เป็นใหญ่ในบ้านถูกสังหาร นี่เป็นคดีใหญ่ หากแพร่ออกไปต้องรู้ไปถึงฝ่าบาทและศาลต้าหลี่แน่
ใบหน้ากู้หนานเฉิงพลันเคร่งเครียด เอ่ย “ถางเอ๋อร์ เจ้ามีหลักฐานอะไร? จะพูดเลื่อนลอยไม่ได้นะ”
กู้ชิวถางตอบ “รอยแดงตรงคอของท่านแม่ มีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งยังเป็นรอยที่สม่ำเสมอ ถ้าท่านแม่ฆ่าตัวตายจริง คอของนางก็จะมีแต่รอยแดงข้างหน้า จะไม่มีรอยข้างหลังขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งสมทบ “ท่านพี่กล่าวได้ถูกต้อง จากบาดแผลตรงคอของท่าน เห็นชัดว่ามีคนใช้เชือดรัดคอท่านแม่จากด้านหลัง แล้วถึงแขวนท่านแม่กับขื่อในตอนท้าย สร้างสถานการณ์ว่าฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ”
“มิผิด น้องรองคิดเหมือนกับลูก”
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
เสียงร้องของกู้ชิวเยว่เด่นชัดเกินไป สายตาของทุกคนจึงตกมาที่ตัวกู้ชิวเยว่ทันที กู้ชิวเยว่รู้สึกว่าตัวเองตอบสนองเกินเหตุจึงกล่าว “ลูก…ความหมายของลูกคือ ท่านแม่เป็นผู้มีเมตตา ผู้ใดกันที่ใจโฉดลงมือกับท่านแม่ได้ลงคอ…นี่เป็นไปไม่ได้เลยกระมัง…”
กู้หนานเฉิงยังนึกว่าบุตรสาวคนนี้จะกล่าวความคิดเห็นอะไรจึงส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถางเอ๋อร์ เจ้าไปศาลต้าหลี่เดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี จะรอช้ามิได้ ต้องให้คนของศาลต้าหลี่มาตรวจสอบคดีนี้ในวันนี้ จับตัวฆาตกรมาให้จงได้”
“ลูกทราบแล้วขอรับ”
ขณะกู้ชิวเหลิ่งมองมาก็เห็นกู้ชิวเยว่ใบหน้าซีดขาว จึงเกิดความสงสัย ทว่าไม่ได้แสดงออกบนใบหน้า
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวหยั่งเชิง “ในเมื่อท่านแม่มิได้เสียชีวิตด้วยชะตาฟ้าลิขิต เช่นนั้นที่น้องสามกล่าวว่าตายตาไม่หลับก็ไม่ถือเป็นการคาดเดาส่งเดช และไม่ถือว่าเป็นการทำให้คนงมงาย ท่านแม่จากไปอย่างไม่เป็นธรรม ควรจัดพิธีกรรมสักครั้งจริงๆ ลูกได้ยินว่าหญิงที่ตายตาไม่หลับ หลังจากสิ้นใจแล้วจะกลายเป็นผีร้ายแก้แค้นคน ไม่เพียงเข้าฝันยามหลับ ทั้งยังจะทำให้คนผู้นั้นพบแต่อุปสรรคด้วยเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งมองลอยๆ ไปทางกู้ชิวเยว่ เห็นใบหน้านางซีดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามคาด แม้แต่ร่างกายก็สั่นระริกไม่หยุด
อี๋เหนียงรองก็ฟังจนประหวั่นพรั่นพรึง เอ่ย “คุณหนูรองอย่าได้พูดถ้อยคำน่ากลัวเช่นนี้ได้หรือไม่…ถึงจะเป็นกลางวันแสกๆ ดีชั่วก็น่าจะพูดให้น่าฟังหน่อย…”
กู้ชิวเหลิ่งย่อตัวลงเล็กน้อย หัวเราะเสียงเบาตอบ “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ทราบว่าอี๋เหนียงรองกลัวเรื่องเหล่านี้ ขออภัยจริงๆ แต่ข้าว่าน้องสามคงกลัวมากเช่นกัน สีหน้าไม่สู้ดีเลย”
กู้หนานเฉิงและอี๋เหนียงรองสังเกตใบหน้าซีดจนอับแสงของกู้ชิวเยว่อย่างที่คิด แต่คิดเพียงว่านางคงตกใจ เพราะกู้ชิวเยว่ก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสามเท่านั้น
เอี้ยนซานเหนียงเอ่ย “คุณหนูสามอายุยังน้อย ยังไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าขานเหล่านี้ก็เลยกลัวกระมัง? ความจริงซานเหนียงก็เคยได้ยินมามาก ผีร้ายแม้น่ากลัว แต่กลับน่ากลัวไม่เท่าขุมนรก เห็นว่าคนที่ฆ่าคนตอนยังมีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วจะต้องรับโทษทัณฑ์เป็นร้อยเท่าพันเท่า ไม่เพียงถูกมีดแล่เนื้อ แล้วยัง…”
“ไม่!!”
กู้ชิวเยว่เอามือปิดหูนั่งยองลงกับพื้น ถูกทำให้ตกใจหนักอย่างเห็นได้ชัด กู้ชิวเหลิ่งเข้าไปหาแล้วพยุงนางลุกขึ้น แต่มือของกู้ชิวเหลิ่งเย็นเฉียบ เพิ่งแตะถูกมือของกู้ชิวเยว่ กู้ชิวเยว่ก็ตกใจขดตัวแล้ว
กู้หนานเฉิงเอ่ย “ไม่เคยเห็นเจ้าขี้กลัวเช่นนี้มาก่อน วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป?”
กู้ชิวเยว่ตั้งสติแล้วจึงลุกขึ้น ตอบ “ลูก…ลูกกลัวจริงๆ เจ้าค่ะ แถมท่านแม่ก็ตายอย่างอนาถเหลือเกิน ก็เลย…”
กู้หนานเฉิงมีความเครียดเพิ่มด้วยเรื่องฮูหยินใหญ่อยู่แล้ว ครั้นเห็นบุตรสาวของตนขี้ขลาดดั่งเต่าหัวกดจึงเครียดมากกว่าเดิม โบกมือกล่าวอย่างหงุดหงิด “ถ้าเจ้ารับไม่ได้จริงก็รีบกลับไปเถอะ!”
“ไม่เจ้าค่ะ!”
กู้ชิวเยว่หยุดครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ท่านแม่จากไปอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้ ลูกจะไปในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร…”