ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 123 ส่งแขก
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 123 ส่งแขก!
สายตาฉินเจิ้งเป่าทอดตกมายังตัวกู้ชิวเหลิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “เรื่องนี้ไม่ต้องให้เด็กมาวิพากษ์วิจารณ์! วันนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องเอาร่างเซียงเหลียนกลับไปให้ได้ นี่ไม่ใช่การหารือกับพวกเจ้าตระกูลกู้ แค่บอกพวกเจ้าเท่านั้น ต่อไปตระกูลฉินกับตระกูลกู้จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก!”
กู้หนานเฉิงกลั้นอารมณ์มานานแล้ว ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้ก็ทั้งลนลานและเสียหน้า กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ในเมื่อฉินกั๋วกงกล่าวว่าต่อไปตระกูลฉินกับตระกูลกู้ไม่เกี่ยวข้องกันอีก เช่นนั้นท่านยิ่งนำร่างของท่านแม่ไปไม่ได้ พวกเราเข้าใจดีกับการที่ฉินกั๋วกงก่อความใหญ่โต แต่ปัจจุบันท่านแม่เป็นนายหญิงของตระกูลกู้ โบราณว่าไว้บุตรีออกเรือนก็เหมือนน้ำที่สาดออก ท่านพ่อของข้ามิได้หย่าร้าง แล้วตระกูลฉินจะพานายหญิงของตระกูลกู้ไปด้วยเหตุผลอันใด?”
ฉินเจิ้งเป่าหน้าตึง เอ่ย “ฉินเซียงเหลียนแซ่ฉิน! เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉิน และเป็นน้องสาวของข้าฉินเจิ้งเป่าด้วย! พวกเจ้าตระกูลกู้ใจดำกับนางยังไม่พอ แล้วยังทำนางถึงตายอีก การที่ข้าจะนำร่างของนางกลับไปจึงสมควรด้วยเหตุผลแล้ว! ถึงจะฝัง พวกเราตระกูลฉินก็จะไม่ให้นางฝังอยู่ในสุสานบรรพชนตระกูลกู้เด็ดขาด! ”
“ถึงจะฝัง เช่นนั้นก็ต้องฝังกับตระกูลกู้ของพวกเรา ไม่ว่าฉินกั๋วกงจะอ้างอะไร ท่านแม่ก็เป็นคนของตระกูลกู้ ไม่มีเหตุผลที่จะฝังกับตระกูลมารดา!”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยอย่างแข็งกร้าวยิ่ง ทำให้กู้ชิวถางที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเลื่อมใสเล็กน้อย แม้เขาจะไม่สามารถออกหน้าให้ตระกูลกู้ได้เพราะติดที่ฉินเจิ้งเป่าเป็นน้าชายของเขา แต่กู้ชิวเหลิ่งกลับไม่ยี่หระ
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “หากฉินกั๋วกงคิดว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงควรฝังเข้าตระกูลฉิน เช่นนั้นเราก็ทูลกับเบื้องบน ให้ฝ่าบาททรงตัดสินเรื่องนี้ ถึงตระกูลกู้จะเคยได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฉิน แต่จะยอมให้ทุกเรื่องไม่ได้ นี่จะให้ท่านพ่อเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
จากการเตือนสติของกู้ชิวเหลิ่ง กู้หนานเฉิงจึงแข็งกร้าวขึ้นในที่สุด ฮูหยินใหญ่เสียชีวิต อีกทั้งยังถูกฆาตกรรม เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ทราบไปถึงพระกรรณและต้องถูกซักถามจากฝ่าบาทอยู่ดี ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลก็ต้องแย่ลงเพราะการเสียชีวิตของกู้ชิวเซียงและฮูหยินใหญ่ด้วย ในเมื่อต้องฉีกหน้ากันสักวัน เช่นนั้นยังต้องสนใจเรื่องจะเร็วจะช้าหรือ?
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าหลายปีมานี้ตระกูลฉินอาศัยที่ตนมีบารมีข่มเหงตระกูลกู้ เขาสุดจะทนแล้ว
“เหลิ่งเอ๋อร์พูดถูก พี่ฉิน ในฐานะที่ท่านเป็นพี่ชายของเซียงเหลียน ข้าเข้าใจว่าท่านต้องมีอารมณ์เป็นฟืนเป็นไฟชั่วขณะ ถึงได้มาอาละวาดที่นี่ ข้าจะไม่เอาความกับเรื่องพวกนี้ แต่อย่างไรเสียฉินเซียงเหลียนก็เป็นนายหญิงของพวกเราตระกูลกู้ ท่านไม่มีเหตุผลที่จะนำร่างของนางไป ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็นำกลับไปไม่ได้”
เมื่อเห็นสีหน้าฉินเจิ้งเป่าขมึงตึงมากขึ้นทุกที จู่ๆ กู้หนานเฉิงก็รู้สึกสะใจนิดๆ กล่าวต่อ “อีกอย่าง เซียงเหลียนถูกฆาตกรรม ข้าต้องจับตัวฆาตกรเบื้องหลังมาให้ได้ คืนความเป็นธรรมให้กับเซียงเหลียน เมื่อครู่ที่จางเซ่าชิงกล่าวว่าต้องให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรมาชันสูตร ข้าก็ไม่เห็นว่าจะไม่เหมาะสมอย่างไร”
ฉินเจิ้งเป่าถลึงตากว้าง มองกู้หนานเฉิงอย่างเหลือเชื่อ เอ่ย “กู้หนานเฉิง! ในฐานะที่เจ้าเป็นสามีของเซียงเหลียน กลับจะปล่อยให้คนอื่นมาตรวจสอบร่างของนาง นี่เจ้า…”
“แล้วจะอย่างไร? ฉินเซียงเหลียนเป็นผู้หญิงของพวกเราตระกูลกู้ ตายไปก็เป็นผีตระกูลกู้ ทุกการตัดสินใจล้วนไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินทั้งนั้น! วันนี้ที่พี่ฉินมาอาละวาดที่ตระกูลกู้ ข้าก็ยอมให้ถึงที่สุดแล้ว! เด็กๆ! ส่งแขก!”
กู้หนานเฉิงไร้ซึ่งเยื่อใย ทำให้สีหน้าฉินเจิ้งเป่าพลันเปลี่ยน จนถึงตอนท้ายฉินเจิ้งเป่าจึงกัดฟันเอ่ย “ได้! กู้หนานเฉิงเจ้าดีนักนะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปพวกเราตระกูลฉินจะเป็นปรปักษ์กับพวกเจ้าตระกูลกู้ให้ถึงที่สุด!”
กู้หนานเฉิงเอ่ยอย่างรำคาญ “พ่อบ้าน! ส่งแขก!”
พ่อบ้านอยู่กับตระกูลกู้มาสิบกว่าปี เขาไม่เคยเห็นกู้หนานเฉิงใช้อารมณ์กับคนของตระกูลฉินมากขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นจึงตะลึงค้างไปชั่วขณะ กระทั่งรู้สึกได้ถึงเส้นแสงเย็นเยียบสายหนึ่งแล้วจึงคืนสติ แต่ครั้นมองไป ดวงตาที่เจือความเย็นชาคู่นั้นกลับมีความยิ้มย่องอยู่มาก
พ่อบ้านนึกว่าตนเองมองผิดไป รีบผายมือเชิญ “ฉินกั๋วกง บ่าวจะไปส่งท่านขอรับ”
ฉินเจิ้งเป่าถีบพ่อบ้านทีหนึ่ง เฮอะเสียงเย็นแล้วจึงสะบัดแขนเสื้อจากไป
กู้ชิวเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “พี่รอง เมื่อกี้ท่านเสียมารยาทเกินไปแล้ว ทำไมท่านถึง…”
กู้ชิวเยว่ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกอี๋เหนียงรองกระทุ้งศอก เป็นการบอกอย่าได้พูดไปเรื่อย
จากนั้นเอี้ยนซานเหนียงจึงเอาใจกู้หนานเฉิง เอ่ยเสียงอ่อน “เมื่อก่อนก็ได้ยินว่าตระกูลฉินใช้อำนาจบาตรใหญ่ วันนี้ได้พบพาน เป็นจริงดั่งว่าโดยแท้”
“เฮอะ ที่เจ้ายังไม่เคยเห็นยังมีอีกมาก! สมัยก่อนข้ารองรับอารมณ์ตระกูลฉินมามากพอแล้ว ตอนนี้ตัดไมตรีกับพวกเขากลับรู้สึกสบายใจมากขึ้นไม่น้อย”
เมื่อกู้ชิวเยว่เห็นปฏิกิริยาของกู้หนานเฉิงจึงปิดปากสนิทแต่โดยดี ทว่ากลับรู้สึกประหลาดใจ สมัยก่อนกู้หนานเฉิงประจบตระกูลฉิน แต่คราวนี้กลับพลิกหน้าไร้ไมตรีขนาดนี้
ความจริงกู้ชิวเยว่ยังเด็ก ไม่เข้าใจก็เป็นเรื่องธรรมดา ทว่าคนอื่นที่อยู่ในนี้กลับน่าจะเข้าใจดี ตระกูลฉินใหญ่รังแกเล็กมานาน นิสัยอย่างนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ทนเป็นเวลานานไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้หนานเฉิงที่เป็นคนให้ความสำคัญกับเรื่องศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
จางหย่วนเต้าดูอยู่ด้านข้าง มักรู้สึกว่าตนเองไม่ควรสอดปากในเวลานี้ แต่ด้วยที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดี ดังนั้นยามนี้จะไม่เอ่ยปากก็ไม่ควร
แต่เป็นกู้ชิวเหลิ่งที่กล่าวก่อน “ใต้เท้าจาง เชิญถามต่อเถิด”
เมื่อจางหย่วนเต้าได้ยินเช่นนี้ จึงพลันสบายใจ นับว่ากู้ชิวเหลิ่งแก้ไขสถานการณ์ให้เขาแล้ว
หลังจากกู้ชิวเหลิ่งกล่าวเช่นนี้ กู้หนานเฉิงจึงได้สติกลับมา เอ่ย “เรื่องน่าอายในบ้าน ให้จางเซ่าชิงเห็นเป็นขันแล้ว”
“มิเป็นไร เพียงแต่ตระกูลฉินใช้อำนาจบาตรใหญ่ เรื่องการชันสูตรศพ…”
กู้หนานเฉิงเอ่ย “ขอแค่เจ้าหน้าที่ชันสูตรมาก็ชันสูตรได้เลย ข้าจะไม่ทำให้จางเซ่าชิงต้องลำบากใจ การจับตัวฆาตกรที่แท้จริงได้ในเร็ววันจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ”
จางหย่วนเต้าฉายรอยยิ้มแบบมารยาทออกมาจากใบหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยก็จะย้ายศพไปจัดการที่ศาลต้าหลี่ ไม่ทราบท่านกู้โหวเย๋มีความเห็นอย่างไร?”
กู้หนานเฉิงประสานมือเอ่ย “สุดแต่จางเซ่าชิงจะจัดการ”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ใต้เท้าจาง ของในสวนอี้เซียงนี้ต้องอยู่เหมือนเดิมหรือไม่?”
จางหย่วนเต้าพิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “วันนี้ข้ารีบร้อนมาเกินไป จำเป็นต้องปิดเรือนจริง เอาไว้เจ้าหน้าที่ชันสูตรมาแล้วก็ย้ายศพที่ไปศาลต้าหลี่ก่อน ของในที่เกิดเหตุจะเคลื่อนย้ายไม่ได้”
กู้หนานเฉิงพยักหน้าแล้วสั่ง “ถางเอ๋อร์ เรื่องนี้มอบให้เจ้าเป็นคนจัดการ”
“ลูกทราบแล้วขอรับ”
ไม่นานเจ้าหน้าที่ชันสูตรก็นำร่างฮูหยินใหญ่ออกจากที่เกิดเหตุ หลังจากกู้หนานเฉิงส่งจางหย่วนเต้าออกไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งจึงหมุนตัวกลับสวนเฉินเซียง
แต่เพิ่งกลับถึงสวน จูเอ๋อร์ก็เอ่ยขึ้น “วันนี้คุณหนูล่วงเกินฉินกั๋วกง ฉินกั๋วกงต้องแค้นคุณหนูตายแน่เจ้าค่ะ!”
กู้ชิวเหลิ่งจับพู่กัน เอ่ย “ยังไม่ต้องสนใจว่าจะแค้นหรือไม่ เจ้าไปจับพิราบขาวมาก่อนเถิด”
“คุณหนูจะส่งจดหมายถึงเซ่อเจิ้งหวางอีกหรือเจ้าคะ!”
ใบหน้ากู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มแอบแฝงเล็กน้อย เขียนบนจดหมายว่า ราตรีพบจางหย่วนเต้า โปรดจัดการให้อย่างลับๆ เหลิ่ง