ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 13 แพ้เกสรดอกไม้
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 13 แพ้เกสรดอกไม้
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งนำสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือมา ในห้องโถงก็ไม่ได้มีบรรยากาศที่เคร่งขรึมแล้ว
กู้ชิวเยว่พูดเก่งมาก ทุกครั้งที่พูดก็จะสามารถทำให้ฮูหยินใหญ่และกู้หนานเฉิงยิ้มอย่างมีความสุขได้ แต่คนที่ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อยนั้น ก็น่าจะเป็นอวี่เหวินเจี๋ยแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งทำการคำนับแล้วพูดว่า:”ลูกได้นำของเอามาแล้ว เชิญท่านพ่อและท่านอ๋องรองตรวจดู”
กู้หนานเฉิงกวักมือไปมาส่งสัญญาณให้กู้ชิวเหลิ่งไปยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ทำท่าทางเชิญ ยิ้มและพูดกับอวี่เหวินเจี๋ยว่า: “ท่านอ๋องรองโปรดดู”
ต้องบอกว่า เพื่อเอาใจกู้ชิวเซียงแล้วอวี่เหวินหวายก็ช่างตั้งใจมากนัก ว่ากันว่าภาพวาดรูปน้ำตกจากภูเขาของหวังเยี่ยนจือนักเขียนอักษรพู่กันในราชวงศ์ก่อนนั้นก็วาดขึ้นจากสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ชุดนี้ และชุดนี้ก็ถูกแกะสลักโดยปรมาจารย์เทพที่รู้จักกันในชื่อ”ช่างเทพ” โดยใช้หินหยกเลือด พื้นผิวด้านบนที่เป็นมีอยู่ตามธรรมชาติ ล้วนมาจากหินก้อนเดียวกัน และแม้แต่ก้านปากกาก็โปร่งใสและงดงามเหมือนดั่งหยกมันแพะ ของชุดนี้มีค่าแพงยิ่งนัก
แม้แต่กู้ชิวเหลิ่งก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่าทักษะทางศิลปะนี้ยอดเยี่ยมมากนัก ซึ่งเห็นได้ว่าตอนกู้ชิวเซียงนำสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือนี้มอบให้นางนั้นปวดใจมากแค่ไหน
อวี่เหวินเจี๋ยหยิบปากกาขึ้นมา ญาชิงก็รีบเดินหน้าไปฝนหมึกทันที กู้ชิวเซียงมาด้านหน้า เพื่อต้องการเห็นความสง่างามของอวี่เหวินเจี๋ย แต่พึ่งจะลงมือเขียน อวี่เหวินเจี๋ยก็หยุดลงจากนั้นก็วางมันลง
กู้หนานเฉิงถามว่า:”เป็นเพราะใช้ไม่ถนัดมือหรือไม่?”
อวี่เหวินเจี๋ยส่ายหัว: “พู่กันเป็นพู่กันที่ดี เพียงแต่ว่าสีของหมึกนี้ชุ่มไม่พอ”
กู้หนานเฉิงไม่ค่อยศึกษาการประดิษฐ์ตัวอักษรเหล่านี้อย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงถามว่า:”ออ? ที่แท้ยังมีวิธีพูดแบบนี้ด้วย? ”
แม้แต่กู้ชิวเซียงก็ไม่เคยได้ยินว่าอะไรคือ สีของหมึกไม่ชุ่มชื่นพอ ทำให้นางก็อดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
อวี่เหวินเจี๋ยถามว่า:”ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณหนูรองเคยใช้มันแล้วใช่หรือไม่?”
แก้มของกู้ชิวเหลิ่งแดงเล็กน้อยและพูดว่า:”เมื่อวานข้าสนใจขึ้นมา……จึงใช้ไปครั้งหนึ่ง เพียงแต่ว่าท่านอ๋องรองรู้ได้อย่างไร? ”
อวี่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า: “คุณหนูรองคงจะเขียนหนังสือครั้งแรก ยังไม่เข้าใจวิธีการใช้หมึก ดังนั้นจึงมีการจัดการเก็บหมึกที่ไม่เหมาะสมในภายหลัง ช่างน่าเสียดายหมึกนี้นัก”
แม้ว่าในคำพูดนั้นจะไม่มีความหมายของการตำหนิ แต่ต่อให้ใครก็ฟังคำว่าเสียดายออก
หน้าของกู้ชิวเหลิ่งแดงยิ่งกว่าเดิม อวี่เหวินเจี๋ยกล่าวว่า:”เช่นนี้นำมันคือให้กับคุณหนูใหญ่ดีกว่า ก็ถือว่าเป็นการใช้ของดีให้คุ้มค่า”
เมื่อกู้ชิวเซียงได้ยินเช่นนี้ ก็ดีใจยิ่งนัก แต่ภายนอกก็แสร้งทำเป็นลำบากและพูดว่า: “น้องรองชอบสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือนี้มากนัก เช่นนี้……”
กู้ชิวเหลิ่งรีบพูดว่า:”ท่านอ๋องรองพูดถูก เหลิ่งเอ๋อร์เข้าใจสิ่งเหล่าได้ไม่ถี่ถ้วน เป็นการทำลายของดีไปเสียเปล่า คืนให้พี่ใหญ่ดีกว่า……”
ในขณะที่กู้ชิวเซียงกำลังได้ใจ อวี่เหวินเจี๋ยก็กล่าวว่า: “คุณหนูรองพูดถูก ผู้เริ่มต้นเดิมทีก็ไม่เหมาะใช้อยู่แล้ว วันหลังข้าจะส่งชุดหนึ่งให้คุณหนูรอง ถือเป็นการชดเชยละกัน”
กู้ชิวเซียงตกตะลึง รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่ก็แข็งทื่อไปหน่อย พูดว่า: “ท่านอ๋องพูดอย่างนี้ได้อย่างไร จะให้ท่านอ๋องมอบของให้เองได้อย่างไรกัน ในบ้านก็มีเยอะอยู่แล้ว หม่อมฉันส่งให้นางชุดหนึ่งก็เหมือนกันเจ้าค่ะ”
อวี่เหวินเจี๋ยสั่งญาชิงที่อยู่ข้างๆว่า:”ไปเตรียมชุดหนึ่ง พรุ่งนี้ส่งไปในลานของคุณหนูรอง”
กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่กล่าวว่า: “เหลิ่งเอ๋อร์ขอบพระทัยท่านอ๋องรอง”
“อืม”
ฮูหยินใหญ่รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่กู้ชิวเหลิ่งกลับเกิดความสงสัย เพียงแค่สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือชุดหนึ่งเท่านั้น นางไม่สนใจเลย แต่อวี่เหวินเจี๋ยเหมือนช่วยนาง แต่เดี๋ยวก็เหมือนว่ากำลังสร้างปัญหาให้นาง ช่างเข้าใจยากจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นยิ่งแปลกประหลาดไปอีก ภายนอกเหมือนคนแปลกหน้า แต่ในความเป็นจริงก็แอบสนิทกันยิ่งนัก
แผนการในใจของกู้หนานเฉิงถูกทัศนคติของอวี่เหวินเจี๋ยรบกวนอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ว่าอวี่เหวินเจี๋ยชอบลูกสาวคนไหนของเขาอยู่นั้น ฮูหยินใหญ่ก็พูดว่า:”ถึงเที่ยงแล้ว หม่อมฉันได้สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่ประณีตมาบ้างแล้ว เชิญท่านอ๋องเข้านั่ง”
กู้หนานเฉิงยิ้มและพูดว่า:”พูดเรื่องตัวอักษรและภาพวาดจนลืมยาม ท่านอ๋องเชิญนั่ง”
อวี่เหวินเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้ปฏิเสธ
ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้กู้ชิวเยว่ กู้ชิวเยว่ก็เข้าใจทันที กู้ชิวเหลิ่งเดินตามอยู่ท้ายสุด ก้มหน้าลง ราวกับว่าไม่เห็นที่ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้กู้ชิวเยว่
เมื่อสาวรับใช่และยายรับใช้สองสามคนยกอาหารมา ญาชิงก็คีบอาหารเย็นให้อวี่เหวินเจี๋ย กู้ชิวเหลิ่งก็ใช้ตะเกียบคีบไปสองสามอย่างเงียบๆ ไม่ได้กินมากเกินไป ส่วนใหญ่ก็ค่อยสังเกตรูปลักษณ์ของกู้ชิวเยว่และฮูหยินใหญ่อยู่เสมอ
เมื่อญาชิงคีบขนมดอกท้อชิ้นหนึ่งมาให้อวี่เหวินเจี๋ย กู้ชิวเยว่ก็แอ๊ะไปคำหนึ่งแล้วพูดว่า:”ขนมนี้ดูคุ้นตานัก นี่ตัวอย่างดอกไม้ที่ข้าเห็นในห้องของพี่ใหญ่ในเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ?”
กู้ชิวเซียงยิ้มพูดว่า: “น้องสามนี่ตาแหลมจริงๆเลย นี่คือสิ่งที่ข้าคิดได้เมื่อวันก่อน จึงวาดมันลงมา เพราะในหลังลานมีต้นท้ออยู่พอดี จึงนำมาทำขนม ไม่ทราบว่าท่านอ๋องรองลองลิ้มรสดูหน่อยได้หรือไม่ รสชาติดีไหม?”
อวี่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้ว ญาชิงได้คีบขนบนจานไปวางที่จานเปล่าด้านข้างแล้ว เห็นได้ชัดว่าคงไม่เตรียมที่จะกินดู
รอยยิ้มของกู้ชิวเซียงแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง อวี่เหวินเจี๋ยพูดอย่างเฉยชาว่า:”ข้าแพ้เกสรดอกไม้ คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัยและเข้าใจด้วย”
กู้ชิวเซียงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอวี่เหวินเจี๋ยแพ้เกสรดอกไม้ รู้เพียงว่าอวี่เหวินเจี๋ยชอบดอกเสาเย่า จึงไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้มาก่อน
กู้ชิวเยว่ก็เขินอายขึ้นมาเช่นกัน ฮูหยินใหญ่ตบหลังมือของกู้ชิวเยว่ที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะเบาๆ กู้ชิวเยว่ก็พูดทันทีว่า:”พี่ใหญ่รู้ได้เยี่ยงไรว่าเยว่เอ๋อร์ชอบทานขนมดอกท้อ?คงต้องทำมาให้เยว่เอ๋อร์กินโดยเฉพาะเลยสินะ! ”
กู้ชิวเยว่คีบไปหนึ่งชิ้น และกินมันเข้าปากอย่างอิ่มอกอิ่มใจ ในความเป็นจริงนางไม่ชอบทานขนมที่ทำจากดอกไม้นัก แต่เพื่อช่วยกู้ชิวเซียงแก้หน้า ก็จำเป็นต้องทนกินลงไป
กู้ชิวเหลิ่งมองดูอย่างเงียบๆ ตั้งแต่แรกเริ่มที่แม่นมโจวจงใจแต่งหน้าให้นางดูน่าเกลียด นางก็มีวิธีแล้ว งานเลี้ยงต้อนรับแขกที่เดินทางมาไกลนี้จัดขึ้นก็เพียงเพื่อให้กู้ชิวเซียงได้แสดงตัวต่อหน้าอวี่เหวินเจี๋ยเท่านั้น แต่อวี่เหวินเจี๋ยเป็นคนนิสัยเย็นชา ไม่มีความรู้สึกที่ดีสักนิดต่อกู้ชิวเซียงเลย
ตอนนี้ฮูหยินใหญ่คงใจร้อนจนจะแย่อยู่แล้วสินะ
กู้ชิวเซียงเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถเป็นเยี่ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง แถมยังเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงอีกด้วย แม้ว่าคนที่มาสู่ขอจะเยอะยิ่งนัก แม้แต่ท่านอ๋องรองอวี่เหวินเจี๋ยก็ชื่นชอบกู้ชิวเซียงเป็นอย่างมาก แต่จะยังไงกู้ชิวเซียงก็เป็นบุตรีภรรยาหลวงของจวนโหว ฐานะสูงส่ง คนทั่วไปไม่สามารถเข้าสายตาของกู้ชิวเซียงได้เลย คนที่สามารถถือได้ว่ามีฐานะใกล้เคียงกันกับนางนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
และในนี้มีเพียงท่านอ๋องหกอวี่เหวินหวายกับท่านอ๋องรองอวี่เหวินเจี๋ยเท่านั้นที่ยังไม่มีพระชายา และมีเพียงเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่เซ่อเจิ้งหวางไม่หลงเสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิง แถมยังมีข่าวลือกันว่าเขาชอบผู้ชาย กู้ชิวเซียงไม่สามารถไปตีสนิทได้เลย
บวกกับกู้ชิวเหลิ่งและอวี่เหวินเจี๋ยมีการหมั้นหมายเอาไว้แล้ว และกู้ชิวเซียงก็ชอบอวี่เหวินเจี๋ย แท้จริงแล้วนี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุดแล้ว แต่น่าเสียดายไปอย่างหนึ่ง หากอวี่เหวินเจี๋ยไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับกู้ชิวเซียง งั้นทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์