ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 133 ไม่ใช่มิตรก็เป็นศัตรู
อี๋เหนียงรองขว้างทองคำยี่สิบตำลึงลงบนพื้น แล้วพูดอย่างดุดันว่า “ข้าไม่ต้องการความเสแสร้งทำจิตใจดีของเจ้า! ต้องเป็นเจ้าที่เป่าหูนายท่าน ทำให้นายท่านเข้าใจเยว่เอ๋อร์ผิด!”
“เข้าใจผิด? อี๋เหนียงรองเกรงว่าจะเข้าใจเจตนาผิดแล้ว คุณหนูสามเป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง นอกจากนี้แล้วยังอายุน้อย ข้าทำร้ายนางแล้วจะได้ประโยชน์อันใด? กล่าวคำพูดที่ไม่น่าฟังนัก ตอนนี้อี๋เหนียงรองก็ไม่เป็นที่โปรดปราณ เจ้าก็ไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ ข้าจะทำร้ายเจ้าไปทำไม?”
อี๋เหนียงรองคิดไปคิดมา ก็ไม่สามารถหาเหตุผลว่าเอี้ยนซานเหนียงจะทำร้ายกู้ชิวเยว่ได้ สีหน้าท่าทีก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อครู่เช่นนั้นแล้ว
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้ามาหาข้า นำเงินมามอบให้ข้า ก็เพื่อมาดูเรื่องน่าอายของข้าหรือ?”
เอี้ยนซานเหนียงยิ้มจางๆแล้วกล่าวว่า “ในจวนโหวนี้ สตรีในเรือนหลังไม่เป็นมิตรก็เป็นศัตรู เพียงแต่ว่าอี๋เหนียงรองไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของข้า และข้าก็จะไม่ได้เห็นอี๋เหนียงรองเป็นศัตรู ข้ามอบทองคำให้เจ้าไปฝังคุณหนูสาม ก็แค่หวังให้เจ้าเห็นถึงแนวโน้มความเป็นไปของจวนโหวนี้”
ผู้ที่เป็นที่โปรดปรานที่สุดในจวนโหวนี้ไม่มีใครเกินเอี้ยนซานเหนียง ซึ่งนี่ก็คือสภาวะการณ์เดียวของเรือนหลังในจวนโหวแห่งนี้
แล้วอี๋เหนียงรองจะไม่รู้ได้อย่างไร? เพียงแค่กล่าวอย่างอึดอัดใจเล็กน้อยว่า “เยว่เอ๋อร์ของข้าได้ตายไปแล้ว เช่นนั้นข้า……”
“แม้ว่าลูกสาวของเจ้าจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะตาย ไม่มีที่พึ่งพิงก็ไม่สำคัญ คนเราจะต้องพิจารณาสภาวะการณ์อย่างสมเหตุสมผล หากว่าเจ้ายินยอมล่ะก็ ข้าสามารถมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้กับเจ้า”
อี๋เหนียงรองเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออก แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “ของขวัญอันใด?”
“อำนาจในการดูแลจวนโหว ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่หรือไม่”
อี๋เหนียงรองท่าทีตกใจเล็กน้อย “เจ้ายินยอมที่จะมอบอำนาจดูแลจวนโหวให้แก่ข้าหรือ?”
“เหตุใดถึงไม่ยินยอมล่ะ?”
เอี้ยนซานเหนียงตบหลังมือของอี๋เหนียงรองแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่า ในเรือนหลังนี้ไม่ใช่มิตรก็เป็นศัตรู ในเมื่อสามารถเป็นมิตรกันได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่สร้างศัตรูคนหนึ่งขึ้น”
อี๋เหนียงรองเห็นด้วยอย่างลังเล สิ่งที่เอี้ยนซานเหนียงกล่าวนั้นมีเหตุผล ในจวนโหวแห่งนี้ไม่ใช่มิตรก็เป็นศัตรู และที่พึ่งพิงในภายหน้าเดียวของนางก็ได้ล้มลงไปแล้ว หากว่าต้องการที่จะรักษาความรุ่งเรืองในภายภาคหน้าเอาไว้ ก็ทำได้เพียงแค่กุมอำนาจในจวนไว้
เอี้ยนซานเหนียงมองดูอี๋เหนียงรองตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มุมปากก็ได้ฉายรอยยิ้มขึ้น
ในยามค่ำคืนของวันนี้ เอี้ยนซานเหนียงเปิดครึ่งไหล่อันสะสวยพิงอยู่ในอ้อมของกู้หนานเฉิง
“ข้าได้วางแผนที่จะมอบงานที่อี๋เหนียงรองวางมือ มอบหมายให้แก่เจ้า ไม่รู้ว่าซานเหนียงจะรูสึกว่าเหนื่อยเกินไปหรือไม่?”
เอี้ยนซานเหนียงแสร้งทำเป็นแปลกใจแล้วกล่าวว่า “ทำไมล่ะเจ้าคะ? อี๋เหนียงรองทำเรื่องอะไรผิดหรือ?”
“ฮึ นางนั้นมิได้ทำสิ่งใดผิด เพียงแต่ลูกสาวที่ไม่เอาไหนคนนั้นของนาง……”
เอี้ยนซานเหนียงกล่าวว่า “วันนี้ข้าก็ได้ยินมาว่าคุณหนูสามชนกำแพงจนสิ้นลม ในใจก็รู้สึกโศกเศร้าอยู่บ้าง คิดว่าอี๋เหนียงรองก็คงเป็นเช่นเดียวกัน เหตุใดหนานเฉิงถึงได้ลิดรอนอำนาจดูแลจัดการของนางล่ะเจ้าคะ? ยิ่งกว่านั้นอีกไม่กี่วันก็จะถึงพิธีศพของคุณหนูใหญ่และฮูหยินใหญ่แล้ว โปรดอภัยที่ความสามารถของซานเหนียงน้อยนัก และก็ไม่เคยดูแลจัดการเรื่องราวน้อยใหญ่ในจวนนี้ เกรงว่าจะไร้ความสามารถ ถึงเวลากลับจะทำให้จวนโหวเสียหน้าเจ้าค่ะ”
“นี่……”
“อี๋เหนียงรองอยู่ในจวนมาหลายปีแล้ว และก็เคยดูแลเรื่องราวน้อยใหญ่ของจวนมาก่อน จึงคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ข้อระเบียบ ยิ่งกว่านั้นการจัดการพิธีศพนี้ก็ถือเป็นการชดใช้ความผิดแทนคุณหนูสาม อี๋เหนียงรองจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เป็นแน่ ท่านว่าใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
กู้หนานเฉิงตรึกตรองอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล เพียงแต่ว่าวันนี้ข้าเพิ่งจะบอกไปว่าจะมอบอำนาจนี้ให้กับเจ้า แล้วตอนนี้จะกลับคำได้อย่างไร?”
เอี้ยนซานเหนียงกล่าวว่า “นี่จัดการได้ง่ายนักเจ้าค่ะ นายท่านมอบการจัดการพิธีศพให้แก่อี๋เหนียงรองไปดูแล รอให้เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว นายท่านก็ใช้เหตุผลที่จัดการได้ดีคืนอำนาจให้แก่อี๋เหนียงรองถึงเวลานั้นซานเหนียงจะต้องให้ความร่วมมือเป็นแน่ เพื่อมิเป็นการทำให้นายท่านเสียหน้าเจ้าค่ะ”
“ซานเหนียงมักจะคิดถึงข้าเสมอ ในเมื่อเจ้าขอร้องแทนนาง ข้าก็จะเห็นแก่เจ้าไม่เอาความอีก เพียงแต่ว่าหากพิธีศพจัดได้ไม่เรียบร้อย อำนาจนี้มอบให้นางก็เสียเปล่า ภายหน้าก็ยังจะต้องลำบากเจ้าอีกด้วย”
เอี้ยนซานเหนียงเกี่ยวคอของกู้หนานเฉิงแล้วตอบรับว่า “ได้เจ้าค่ะ เชื่อว่าอี๋เหนียงรองจะไม่ทำให้หนานเฉิงผิดหวังอย่างแน่นอน”
ความมีเสน่ห์งดงามน่าหลงไหลค่อยๆปรากฏขึ้นอยู่ในห้อง แววตาของเอี้ยนซานเหนียงฉายรอยยิ้มแว๊บผ่านไป
ยามเที่ยงของวันที่สอง ภายในสวนเฉินเซียง จูเอ๋อร์นวดไหล่ให้กู้ชิงเหลิ่งและพูดเป็นครั้งคราวว่า “ช่วงบ่ายเมื่อวานได้ข่าวมาจากศาลต้าหลี่ว่า หลังจากที่คุณหนูสามบ้าๆบอๆเสียสติชนกำแพงจนสิ้นลม ใต้เท้าจางก็ได้ทำคดี ได้ยินมาว่าศพจะถูกนำไปโยนทิ้งที่หลุมฝังศพ นายท่านก็ไม่ได้มีการตอบสนองอันใดเลย ราวกับว่าไม่เตรียมที่จะทำป้ายหลุมศพให้แก่คุณหนูสามเจ้าค่ะ”
“กู้หนานเฉิงเพื่อชื่อเสียงเล็กน้อยนั่นแล้ว มีสิ่งใดที่กระทำไม่ออกมา? เพียงแค่น่าเสียดายที่นางเป็นลูกสาวของกู้หนานเฉิง ดังนั้นถึงได้ลงเอยเช่นนี้”
“ว่ากันว่าอีกสองวันคุณหนูใหญ่กับฮูหยินใหญ่ก็จะส่งศพแล้ว ชุดเรียบๆธรรมดาๆบ่าวได้เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า ควรจะส่งศพให้ไวหน่อยจริงๆ หลายวันนี้อากาศได้ค่อยๆร้อนขึ้นแล้ว และศพของกู้ชิวเซียงก็ไม่ได้ฝัง ซึ่งในเวลานี้ก็น่าจะส่งกลิ่นเหม็นตั้งนานแล้ว
“รู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้ตระเตรียมพิธีศพ?”
“หืม……เดิมทีบอกว่าเป็นอี๋เหนียงห้า แต่ว่าภายหลังอี๋เหนียงห้าผลักไปว่านางประสบการณ์น้อยนัก จึงมอบให้แก่อี๋เหนียงรอง ช่างเป็นนายที่โง่เขลาจริงๆ โอกาสอันดีตรงหน้าเช่นนี้ไม่คว้าไว้ กลับผลักออกไปให้กับผู้อื่น”
กู้ชิวเหลิ่งฉายแววตาสงสัยออกมา “นางผลักให้กับอี๋เหนียงรอง?”
“ใช่สิเจ้าคะ! วันนี้พวกคนรับใช้ต่างก็คุยเรื่องเหล่านี้กัน บอกว่าอี๋เหนียงห้าช่างมีจิตใจดี แม้แต่บ่าวไพร่ก็รู้สึกว่านายผู้นี้ช่างมีเมตตายิ่งนัก หากว่าอี๋เหนียงห้าจัดการเรื่องราวเหล่านี้ เพียงแค่จัดการให้ดีสักหน่อย ด้วยความโปรดปราณในตัว ก็สามารถขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ได้เป็นแน่ เช่นนั้นก็เป็นถึงเอกภรรยาเชียวนะเจ้าคะ! แต่ว่ากลับผลักไปให้กับอี๋เหนียงรอง”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เจ้าจะไปรู้สิ่งใด? ไม่ว่าเอี้ยนซานเหนียงจะเป็นที่โปรดปรานมากเพียงใด นางก็จะไม่ได้เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนนี้ กู้หนานเฉิงจะไม่มีวันให้คนของหอคณิกามาเป็นเอกภรรยาของเขาเป็นแน่ เพราะว่าผู้อื่นจะเอาสิ่งนี้มาทิ่มแทงกระดูกสันหลังของเขาอยู่เสมอๆ”
จูเอ๋อร์ตรึกตรองอย่างละเอียด ก็เป็นเหตุผลนี้ด้วยจริงๆ
กู้ชิวเหลิ่งจะไม่รู้ว่าในใจกู้หนานเฉิงคิดสิ่งใดอยู่ได้อย่างไร? ว่าไปแล้ว กู้หนานเฉิงและจวินฉีเซิ่งก็คล้ายคลึงกันบางส่วน ล้วนแต่เห็นแก่ตัว ชายที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองแล้วสามารถทิ้งภรรยาและลูกได้ และยิ่งเป็นชายที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาของตระกูล ดังนั้นเช่นไรกู้หนานเฉิงก็จะไม่แต่งตั้งเอี้ยนซานเหนียงเป็นเอกภรรยา แม้ว่าเอี้ยนซานเหนียงจะมาจากหอคณิกาที่ถูกต้องเหมาะสมแห่งหนึ่ง
เอี้ยนซานเหนียงก็น่าจะเข้าใจในจุดนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจขนาดนั้น
แต่ว่า ครั้งนี้เพียงแค่สละอำนาจของพิธีศพ ซึ่งทำให้นางประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าการส่งศพนี้จะมีสิ่งใดที่ผิดปกติ?
ขณะที่เต็มไปด้วยความสงสัย ผู้ที่ผลักประตูเข้ามาคือญาชิง เขายืนอยู่ตรงที่เดิมโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยแล้วกล่าวว่า “เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บที่ท่านอ๋องเตรียมเอาไว้ให้คุณหนูขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งรู้มานานแล้วอวี่เหวินเจี๋ยได้แทรกแซงคนอยู่ข้างกายนาง แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนักทว่ากล่าวว่า “กลับไปบอกท่านอ๋องของเจ้าว่า อาการบาดเจ็บของข้าได้หายดีแล้ว จึงไม่ต้องการยารักษาอาการบาดเจ็บ”