ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 136 ถูกแส้เฆี่ยนจนตาย
กู้หนานเฉิงตีหลังมือของเอี้ยนซานเหนียงและพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ว่า “ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า แต่มันเป็นเพราะนังสารเลวคนนี้ต่างหาก ที่ไม่รู้จักทะนุถนอมโอกาสที่มีอยู่ในมือ”
พ่อบ้านก้มตัวและหยิบแส้หนังกวางยกขึ้นเหนือศีรษะ สายตามองไปทางอี๋เหนียงรอง
อย่างที่ทราบกันดีว่า แส้หนังกวางเส้นนี้ เพียงแค่ฟาดลงไปครั้งเดียวก็ทำให้เนื้อตัวแตกยับได้ ถ้าดูจากความโกรธของกู้หนานเฉิงในตอนนี้ ก็ยังไม่อาจจะทราบได้เลยว่าเขาจะฟาดกี่ที ขนาดเขาที่เป็นแค่พ่อบ้าน ยังรู้สึกเหงื่อตกแทนอี๋เหนียงรองเลย
อี๋เหนียงรองถลึงตาจ้องเอี้ยนซานเหนียง “เพราะเจ้า! เจ้าเป็นคนทำร้ายข้า!”
“นังสารเลว! ยังมีหน้ามาใส่ร้ายคนอื่นอยู่ที่นี่อีก! เหมือนกับลูกสาวเจ้าไม่มีผิด!”
กู้หนานเฉิงชูมือที่ถือแส้ขึ้นและฟาดลงไปบนตัวของอี๋เหนียงรอง จากนั้นก็ได้ยินเพียงแค่เสียงร้องที่น่าเวทนา
กู้ชิวถางมองภาพตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึก จารีตของต้าเยียนและแคว้นฉีคล้ายคลึงกันนัก อนุภรรยา มีไว้เพื่อเพิ่มความสนุกหรือไม่ก็เพื่อเพิ่มทายาทสืบทอดตระกูล ว่าไปแล้วก็แค่สูงกว่าสาวใช้ทั่วๆไปมาระดับหนึ่ง แต่ยังไงก็ยังเป็นบ่าวอยู่ดี ในฐานะลูกชายของภรรยาเอก ถึงแม้อายุจะน้อยแต่ก็ยังเป็นนายอยู่ดี เมื่อเทียบฐานะกับอี๋เหนียงแล้วก็ไม่รู้ว่าฐานะสูงกว่าแค่ไหน
ดังนั้นความเป็นความตายของสนมจึงไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไรในครอบครัวนี้ กู้หนานเฉิงจะฟาดแส้ใส่อนุภรรยาต่อหน้าสาธารณชน ที่จวนอื่นๆก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆเช่นกัน
กู้ชิวเหลิ่งและเอี้ยนซานเหนียงสบตากัน สายตาของทั้งคู่แสดงออกถึงความพึงพอใจในคำตอบซึ่งกันและกัน
“นายท่าน! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่กล้าอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ! ได้โปรดเมตตาข้าเถิด!”
ไม่ว่าอี๋เหนียงรองจะร้องไห้หนักแค่ไหน กู้หนานเฉิงก็ไม่คลายความโมโหลง รูปร่างหน้าตาของกู้ชิวเยว่และอี๋เหนียงรองมีความคล้ายคลึงกันมาก เมื่อเห็นใบหน้านี้ของอี๋เหนียงรอง ก็ยิ่งทำให้เขาคิดถึงลูกสาวทั้งสองของตัวเองที่ล้วนไม่ได้เรื่อง ทันใดนั้นความโกรธก็พุ่งขึ้น เขาจึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมขึ้นทันที
ทาสบ่าวคนใช้คุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวต่ำมากๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว ในห้องโถงไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ มีเพียงแค่เสียงร้องที่โศกเศร้าของอี๋เหนียงรองและเสียงสาปแช่งของกู้หนานเฉิง รวมทั้งเสียงแส้ที่กำลังฟาด
แส้ที่ฟาดไป 30 ทีนี้ ได้ทำให้อี๋เหนียงรองเจ็บจนตายไปนานแล้ว
“นายท่าน……”
อี๋เหนียงรองล้มลงที่พื้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงสด เสื้อผ้าก็ถูกฟาดจนขาดรุ่งริ่งและมองเห็นแผลที่ถูกฟาดอย่างโหดเหี้ยมอยู่ลางๆ
พ่อบ้านฝืนใจออกไปสำรวจลมหายใจของอี๋เหนียงรอง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงสั่นว่า “นายท่าน อี๋เหนียงรองตายแล้วขอรับ”
กู้หนานเฉิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นจึงโยนแส้ในมือลงพื้น
“แบกนังสารเลวคนนี้ไปที่จวนฉินกั๋วกง”
คิ้วของกู้ชิวเหลิ่งค่อยๆขมวดเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของกู้หนานเฉิงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการจะซ่อมแซมความสัมพันธ์ในตระกูลฉิน พร้อมทั้งยังต้องการให้ความอ่อนโยนต่อตระกูลฉินอีกด้วย
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “อี๋เหนียงรองเป็นคนในครอบครัวกู้ของพวกเรา ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะตายแล้วแต่ก็ยังแซ่กู้ เรื่องนี้คือเรื่องในครอบครัว ส่งอี๋เหนียงรองไปจวนฉินกั๋วกงมันจะไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ?”
กู้หนานเฉิงสงบสติอารมณ์เล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “เด็กอย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไรได้”
กู้ชิวถางเอ่ย “ลูกคิดเหมือนกันว่าการเคลื่อนไหวของท่านพ่อดูอ่อนแอเกินไปขอรับ”
กู้หนานเฉิงจะกลืนคำพวกนี้ลงได้อย่างไรกัน? แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่มั่นคง ถ้าทั้งสองตระกูลไม่สามารถรักษาความเป็นมิตรที่มีอยู่ตรงหน้าไว้ได้ ถึงตอนนั้นก็คงจะเกิดการฆ่าฟันกันเอง ซึ่งไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรต่อตระกูลกู้ และในทางกลับกัน ยังอาจจะมีแต่ผลเสียไม่มีผลดีเลยอีกด้วย
ในขณะที่กู้หนานเฉิงลังเลว่าจะฉีกหน้ากันกับตระกูลฉิน เข้าสู่ยุคตาต่อตา ฟันต่อฟันหรือไม่ ภายนอกก็มีแต่เสียงทะเลาะกัน มองจากห้องโถงใหญ่แห่งนี้ก็ยังเห็นเด็กเฝ้าประตูถูกตีล้มลงไปกับพื้น ฉินเจิ้งเป่าเดินมาที่ห้องโถงใหญ่พร้อมข้ารับใช้นับสิบคนด้วยความโมโหโกรธา เพียงแค่เห็นท่าทางก็รู้ชัดว่า ต้องการมาสร้างปัญหาใหญ่
“กู้หนานเฉิง!”
ยืนอยู่กับที่ต่อหน้าคนรุ่นหลัง กู้หนานเฉิงไม่สามารถพูดโน้มน้าวได้จึงเอ่ยเสียงแข็ง “การเคลื่อนไหวของฉินกั๋วกงเป็นการบุกรุกที่ส่วนบุคคล! ตระกูลกู้ไม่ต้อนรับท่าน ขอเชิญท่านออกไปเถิด! มิเช่นนั้น ข้าจะทูลเรื่องนี้กับฮ่องเต้ ขอให้ฮ่องเต้ทรงตัดสินเรื่องนี้ให้!”
ใบหน้าของฉินเจิ้งเป่าเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมเอ่ย “ดี! งั้นก็รอถึงตอนที่อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ แล้วพวกเราค่อยพิจารณาซะ! ว่าตอนที่หลานสาวของข้าอยู่กับเจ้า นางได้รับความไม่เป็นธรรมตั้งเท่าไหร่? นึกไม่ถึงเลยว่านางจะต้องมาตายเช่นนี้? กู้หนานเฉิง เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือไม่!”
“เจ้า!”
กู้หนานเฉิงโกรธเลือดขึ้นหน้า เดิมทีคิดจะปรับความเข้าใจกัน แต่ตอนนี้ความคิดนั้นกลับหายไปในทันที
กู้ชิวเหลิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา กู้หนานเฉิงและฉินเจิ้งเป่าทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งเจ้าเล่ห์เพทุบาย อีกคนหนึ่งชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ครั้งนี้ฉินเจิ้งเป่าเดินทางมาได้จังหวะพอดีจะต้องมีคนเดาความคิดของกู้หนานเฉิงออกอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้บิดเบือนความจริงต่อหน้าฉินเจิ้งเป่าเพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลแตกหักไปอย่างสิ้นเชิง
นอกจากอวี้ฉือจ้านแล้ว ยังมีใครที่จะคิดเช่นนี้อีก?
ในขณะที่กู้ชิวเหลิ่งกำลังคิดพิจารณาว่าอวี้ฉือจ้านใช้วิธีอะไร ที่สามารถทำให้ฉินเจิ้งเป่ามาขัดขวางความคิดของกู้หนานเฉิงได้พอดี ก็ได้ยินเสียงกู้หนานเฉิงตะโกนขึ้นว่า “ถางเอ๋อร์! เตรียมเข้าวัง!”
ฉินเจิ้งเป่าสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปก่อน คาดว่าน่าจะเข้าวังเพื่อไปหารือกับฮ่องเต้
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆหลบหายไปทางด้านหลังเพื่อกลับไปที่สวนเฉินเซียง
เพิ่งจะเข้าประตูไปก็รู้สึกว่ามีลมเย็นพัดมาระลอกหนึ่ง เซียวอวิ๋นเซิงกระโดดลงมาจากหลังคาและยืนอยู่ตรงหน้ากู้ชิวเหลิ่งอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ บนเสื้อผ้ายังมีใบไม้สีเขียวติดอยู่ มองดูแล้วน่าขำขันยิ่งนัก
“แหะ แหะ……”
“เซียวโหวเย๋น้อย ไม่ได้ข่าวเจ้าตั้งนาน ยังคงชอบไปเล่นที่ห้องส่วนตัวของสตรีอยู่หรือ?”
เซียวอวิ๋นเซิงหลบสายตาแล้วเอ่ย “ข้าเห็นว่าถนนฉางอันเกิดเรื่องมิใช่หรือ? ก็เลยแวะมาดูสักหน่อย แต่เพียงมองดูก็รู้แล้วว่า เด็กแสบอย่างเจ้าเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมาแน่น ช่วงนี้ข้าถูกขัง…… ช่วงนี้ออกไปเที่ยวเล่น ไม่ได้กลับมา แต่หารู้ไม่ว่าพอกลับมาก็เห็นศพของคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้กลิ้งออกมาจากโลงศพ ช่างเป็นเรื่องที่น่าสนุกจริงๆ”
กู้ชิวเหลิ่งยักคิ้ว “ที่แท้ช่วงนี้ที่ไม่ได้ข่าวคราวของเซียวโหวเย๋น้อยก็เป็นเพราะว่าถูกขังนี่เอง ดูท่าว่า แม้แต่คนดังรอบตัวฮ่องเต้ถ้าควรถูกลงโทษ ก็ต้องถูกลงโทษ”
“ประโยคนี้ของเจ้า เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้ชมข้า”
“เซียวโหวเย๋น้อย ท่านเห็นก็เห็นแล้ว ควรจะต้องไปได้แล้วหรือไม่?”
ในดวงตาที่ยาวและแคบของเซียวอวิ๋นเซิงเผยให้เห็นรอยยิ้ม เขาหยิบใบชาห่อเล็กๆจากในอ้อมอกขึ้นและเอ่ย “ชาราคาหมื่นตำลึงทอง แม่หนูน้อย เจ้าอย่ามาเล่นใจกับข้า”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วจนชนกัน เวลามาเร็วกว่าที่คาดไว้มากนัก เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วัน เซียวอวิ๋นเซิงก็ได้ข่าวคราวแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ที่เซียวโหวเย๋น้อยมาในคราวนี้ เพื่อที่จะชมว่าข้าสามารถจัดการธุรกิจได้อย่างดีใช่รึ?”
“กู้ชิวเหลิ่ง เจ้าไม่ต้องมาเสแสร้งกับข้า ตอนนี้ชาใบทองห่อเล็กๆห่อนี้ ปริมาณขายได้มากกว่าเดิมถึง 50 เท่า แต่ราคายังสูงขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย แค่เพียงเพราะการชื่นชมของเซ่อเจิ้งหวางเพียงประโยคเดียวเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ จึงทำให้พ่อค้าจากแดนไกลพวกนี้ มีความต้องการซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งทำหน้าไร้เดียงสา “ราคาขึ้นหลายเท่า ลูกค้าเยอะกว่า มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือ? เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็นับเป็นเรื่องดีที่หาได้ยาก เพราะหาเงินได้มากมาย แต่ทำไมเซียวโหวเย๋น้อยถึงรู้สึกว่าได้รับมากเกินไปแล้ว?”