ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 141 ไม่มียอดพธูเช่นนั้นก็นางนั่นแหละ
กู้ชิวเหลิ่งหัวใจเต้นขาดไปหนึ่งจังหวะ ขณะที่จีเฟิงรีบมาก็บังเอิญเห็นภาพนี้พอดี
“ท่าน…”
ยังไม่ทันได้กล่าวว่าท่านอ๋อง จีเฟิงก็กลืนถ้อยคำที่จะเอ่ยกลับลงไป ชั่วขณะไม่ทราบว่าจะขจัดความอีหลักอีเหลื่อนี้อย่างไรดี
นายของตนกำลังบอกรัก แต่เขากลับเป็นก้างเข้าไปขวาง น่ากลัวว่าต้องรับโทษทัณฑ์อีกแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งสะบัดแขนอวี้ฉือจ้านออกเบาๆ ไม่กล้าเงยหน้า “โอบหนำใจแล้วหรือ?”
“อืม”
ความจริงยังไม่พอ
อวี้ฉือจ้านมองจีเฟิงแวบหนึ่ง ท่าทางชวนให้หยั่งลึกค้นหา
จีเฟิงรู้สึกพรั่นพรึงไปหมดทั้งตัว ปีนี้เขาต้องดวงจู๋แน่
อวี้ฉือจ้านถอดชุดคลุมออกมาแล้วคลุมให้กู้ชิวเหลิ่ง บดบังรอยเลือดบนอาภรณ์ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดบนใบหน้าของนางด้วย
เพียงแต่เลือดเหนียวหนืด ไม่ว่าจะเช็ดอย่างไร ครึ่งใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งก็ยังมีเลือดติดอยู่
อวี้ฉือจ้านเม้มปาก เอ่ย “ข้าจะพาเจ้าไปเปลี่ยนชุด”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า “ข้ากลับไปก็พอ”
“หากถูกคนเห็นเข้าจะอธิบายอย่างไร”
ไม่รอให้กู้ชิวเหลิ่งปฏิเสธอีกหน อวี้ฉือจ้านก็พลิกมือจับข้อมือของกู้ชิวเหลิ่งแล้วสั่งจีเฟิง “ไปเตรียมรถม้ามาอีกคัน”
“ขอรับ!”
กู้ชิวเหลิ่งพลันเลิกคิ้ว ถาม “ท่านจะพาข้าไปไหน? หอจูชุ่ยหรือ?”
เมื่อคำว่า ‘หอจูชุ่ย’ ที่ออกมาจากปากกู้ชิวเหลิ่งจะทำให้อวี้ฉือจ้านรู้สึกไม่สบายอย่างแปลกประหลาด เมื่อนั้นจึงเอ่ยเสียงหนัก “หรือว่าทั้งเมืองหลวงจะมีแต่หอจูชุ่ยที่เดียว?”
หอจูชุ่ยเป็นธุรกิจของเซียวอวิ๋นเซิง และเขายังพบแต่แรกอีกว่าเซียวอวิ๋นเซิงมีใจให้กู้ชิวเหลิ่ง
“อย่างไรเซียวอวิ๋นเซิงก็เป็นน้องชายของว่าที่ฮองเฮา แต่จากน้ำเสียงของเซ่อเจิ้งหวางเมื่อครู่ เหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบเท่าไร?”
อวี้ฉือจ้านยกมุมปากขึ้นน้อยๆ “เจ้าไม่รู้หรือว่าทำไมข้าถึงไม่ชอบ?”
ทันใดนั้นสายตาอวี้ฉือจ้านก็กลายเป็นหยาดเยิ้ม ทำให้กู้ชิวเหลิ่งทำตัวไม่ถูก “ข้าก็แค่ล้อเล่น ไยเซ่อเจิ้งหวางต้องจริงจังด้วย?”
“หึง ย่อมไม่ชอบ”
แววตาที่อวี้ฉือจ้านมองกู้ชิวเหลิ่งอ่อนโยนมากขึ้นทุกที
ในอดีตชาติ นางเคยชินกับความรักจอมปลอมของจวินฉีเซิ่ง แต่กลับละเลยไปว่ามีการมองอีกอย่างหนึ่ง เมื่อมันทอดตกอยู่บนตัวเจ้าก็จะราวกับถูกย้อมไปด้วย ความรู้สึกของอีกฝ่ายสามารถทำให้เจ้ารับรู้ได้อย่างชัดเจน แม้แต่จิตใจก็ยังหวั่นไหว
“ท่านอ๋อง…”
จีเฟิงมาในเวลาที่ไม่ถูกต้อง คราวนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี้ฉือจ้านได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว และเปลี่ยนเป็นใบหน้าอันแข็งทื่อ มองจีเฟิงด้วยความขมึงตึง
มือของจีเฟิงที่กำลังกุมสายบังเหียนถูกอวี้ฉือจ้านมองจนมีเหงื่อซึมแล้ว จึงได้แต่ก้มหน้าเอ่ย “ท่านอ๋อง เตรียมรถม้าเรียบร้อยแล้วขอรับ”
อวี้ฉือจ้าน “อือ” เสียงต่ำ
กู้ชิวเหลิ่งสะบัดข้อมือของอวี้ฉือจ้านหลุดแล้ว จึงหมุนกายเดินขึ้นรถม้า
จีเฟิงค่อยๆ หดตัวไปอยู่ด้านข้าง เสียวสันหลังวาบ
ครั้นหันกลับมาอีกที ก็เห็นใบหน้าอันมืดมนของอวี้ฉือจ้านคล้ายกับจะมีเค้าลางแห่งฝนฟ้าคะนอง
“ท่านอ๋อง…”
อวี้ฉือจ้านไม่มองจีเฟิงสักชั่วขณะ แต่เอ่ย “เดือนนี้ เจ้าเตรียมหญ้าในสนามม้าจวนเซ่อเจิ้งหวางคนเดียว”
“…ข้าน้อยรับบัญชา”
เนื่องจากฐานะเซ่อเจิ้งหวางของอวี้ฉือจ้านเป็นที่จับตามอง ไม่สะดวกปรากฏกายต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นเขาจึงขึ้นรถม้าด้วย
กู้ชิวเหลิ่งถาม “เซ่อเจิ้งหวางวางแผนจะพาข้าไปที่ใดหรือ?”
“หอเฟิงเยว่”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ประหลาดใจกับคำตอบนี้ เพราะเดิมหอเฟิงเยว่ก็เป็นธุรกิจของอวี้ฉือจ้าน กลางวันแทบไม่มีคน ดังนั้นจึงเหมาะแก่การปกปิดฐานะ จะไม่มีผู้ใดทราบว่าคุณหนูจวนโหวอยู่ที่นั่น
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “หอเฟิงเยว่เป็นสถานที่ลับของท่าน ท่านไม่กลัวว่าข้าจะสืบพบอะไรหรือ?”
อวี้ฉือจ้านตอบอย่างไม่ยี่หระ “หากถูกสืบพบความลับของหอเฟิงเยว่ได้โดยง่าย เช่นนั้นฝู้จื่อโม่ก็ไร้ความสามารถแล้ว”
ทว่า ฝู้จื่อโม่จะเป็นผู้ไร้ความสามารถได้อย่างไร?
ความหมายโดยนัยคือ เครือข่ายข่าวสารเบื้องหลังของหอเฟิงเยว่ เรียกได้ว่ามิดชิดไร้ช่องโหว่
จากทุกท่วงท่ากิริยาของเอี้ยนซานเหนียงก็สามารถทราบได้ว่าแม่นางของหอเฟิงเยว่เป็นเช่นไร หลังจากลงจากรถม้า กู้ชิวเหลิ่งก็ตามอวี้ฉือจ้านขึ้นไปจากประตูหลัง กลางวันมีแขกบางตา และแม้จะมีแขกแต่ส่วนมากก็อยู่ในห้องส่วนตัวหมด
ผู้ที่ออกมาต้อนรับคือสตรีที่สวมชุดผ้าโปร่งสีเขียว มิได้แต่งตัวเย้ายวนเท่าใดนัก อายุสามสิบต้นๆ เอ่ยด้วยความเคารพ “เซ่อเจิ้งหวาง เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
อวี้ฉือจ้านพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเข้าไปห้องหนึ่งของชั้นสองแล้ว อวี้ฉือจ้านจึงสั่ง “ไปเตรียมชุดกระโปรงยาวสีเขียวไม้ไผ่มาชุดหนึ่ง ยิ่งเรียบสง่าเท่าไรก็ยิ่งดี”
สตรีในชุดผ้าโปร่งสีเขียวมองกู้ชิวเหลิ่งแวบหนึ่ง คล้ายกำลังจดจำขนาดตัวของนาง แต่เพียงหนึ่งครู่ก็เอ่ย “ข้าน้อยรับทราบ”
จีเฟิงสั่งให้คนเอาน้ำมาถังหนึ่ง สาวใช้สี่คนจึงยกถังไม้เข้ามา ใช้เวลาไม่นาน น้ำร้อนก็ถูกเติมจนเต็มแล้ว
อวี้ฉือจ้านปรายตากู้ชิวเหลิ่งแวบหนึ่ง เอ่ย “ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ห้องข้างๆ”
“อืม”
ขณะอวี้ฉือจ้านจะปิดประตู ก็เห็นน้ำร้อนในถังไม้นั้น แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงบ่อน้ำแร่ในวันนั้น เป็นภาพเช่นนี้เหมือนกัน ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นรัวตึกตักๆ เขาไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน
บางทีอาจเป็นเพราะว่าผู้ที่อาบน้ำอยู่ข้างในคือกู้ชิวเหลิ่ง
จีเฟิงเอ่ยด้วยความเคารพต่ออวี้ฉือจ้านตรงทางเดิน “ท่านอ๋อง คนของทางทะเลมาขอรับ”
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้วมุ่นทันที เหลือบมองประตูห้องของกู้ชิวเหลิ่งทีหนึ่งแล้วจึงกดเสียงลงต่ำเอ่ย “เข้าไปพูด”
“ขอรับ”
ในสมองของกู้ชิวเหลิ่งปรากฏวินาทีที่สังหารคนเมื่อครู่ นี่เป็นความรู้สึกที่รู้สึกเมื่อนานมาแล้ว นางไม่แปลกใจขณะที่อวี้ฉือจ้านปรากฏตัว ทั้งยังคิดว่าหากเป็นเขา บางทีอาจตามมา
กลิ่นคาวเลือดจางๆ ส่งมาถึงปลายจมูก มือที่ถือดาบสังหารคนยังคงสั่นระริกด้วยความฮึกเหิม หากมีดสั้นในมือนางฟันจวินฉีเซิ่งกับมู่หรงอี๋จะดีเพียงใด?
แล้วจู่ๆ กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนแช่อยู่ในสระโลหิต ดังนั้นจึงลุกขึ้นพรวด สาวใช้ที่อยู่ตรงปากประตูจึงเอ่ย “แม่นาง ต้องการให้บ่าวรับใช้หรือไม่เจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งสวมชุดแล้ว ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้อง”
กู้ชิวเหลิ่งรวบเส้นผมแล้วใช้ปิ่นปักผมหยกเขียวขมวดมุ่นเป็นทรงเรียบๆ สีหน้าขาวซีด คงสืบเนื่องมาจากที่เมื่อครู่ใช้กำลังมากเกินไป
จังหวะนั้นก็มีเสียงเอะอะดังมา กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วนิดๆ ครั้นเดินออกไปก็เห็นบุรุษในชุดสีครามคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงตำแหน่งทรงเกียรติยิ่ง แย้มรอยยิ้มสง่าเจ็ดส่วน ชั่วร้ายสามส่วน
“รีบไปตามยอดพธูมาให้คุณชายพวกเราเร็ว!”
สตรีในชุดผ้าโปร่งสีเขียวต่างออกไปจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ยกยิ้มพราวเสน่ห์ “ต้องขออภัยจริงๆ ยอดพธูพวกเราที่นี่จะออกมาแต่ตอนกลางคืนเท่านั้น”
บุรุษชุดสีครามใช้มือเช็ดที่มุมปาก น้ำเสียงน่าดึงดูดกว่าปกติ “หากไม่มียอดพธู เช่นนั้นก็นางแล้วกัน”
บทที่ 140 การลอบสังหารที่หลิวเล่าฮูหยินวางแผน