ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 144 เคลื่อนย้ายศพ
ผู้ใต้บังคับบัญชาออกมารวมตัวกันแล้ว เปียนเจียงเอ่ยด้วยความเคารพ “ท่านแม่ทัพ ไม่พบร่างของคุณหนูใหญ่ขอรับ”
กู้ชิวถางพยักหน้า เอ่ย “ตอนนี้ในจวนเกิดเรื่อง เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวข้าก็ไม่ค่อยวางใจนัก ถ้าเจ้าต้องการคน ข้าจะทิ้งไว้ให้เจ้าคนหนึ่ง จะได้คุ้มครองเจ้าด้วย”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า “ข้าชอบความสงบ ที่นี่มีจูเอ๋อร์คนเดียวก็พอแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็เป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้ง ใครจะกล้าทำอะไรข้าอีก?”
กู้ชิวถางเอ่ยอย่างหนักใจ “ก็กลัวแต่เจ้ากำลังเป็นที่จับจ้องในระยะนี้ จะมีคนมาหาเรื่องเจ้านะสิ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว “ท่านพี่โปรดวางใจ ในจวนน่าจะยังมีจุดที่ยังไม่ได้ค้นหา อย่างเช่นหลังเขากับห้องซักผ้า น่าจะไปค้นหาให้ละเอียดนะเจ้าคะ”
กู้ชิวถางเอ่ย “เช่นนั้นช่วงนี้เจ้าก็ระวังหน่อย ข้าจะพยายามหาตัวการให้พบ หวังว่าจะคืนช่วงเวลาแห่งความสงบสุขในจวนได้”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแย้มยิ้ม กระทั่งกู้ชิวถางจากไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งจึงกล่าวช้าๆ “น่ากลัวว่าจะไม่มีช่วงเวลาแห่งความสงบสุขแล้ว”
และช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของนางก็ถึงปลายทางแล้วเช่นกัน
ร่างของกู้ชิวเซียงถูกเปิดเผยต่อหน้าธารกำนัลก่อน จากนั้นก็เกิดเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ ตระกูลกู้ในยามนี้ยังทำศพของกู้ชิวเซียงหายอีก หากว่าก่อนหน้านี้ตระกูลฉินเดือดดาลสิบส่วน เช่นนั้นยามนี้ก็น่าจะเพิ่มเป็นสิบสองส่วน อย่าว่าแต่กู้ชิวเซียงที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ยังไม่ได้ออกเรือน ต่อให้เป็นศพของหญิงชาวบ้านหายไปยังเป็นเรื่องใหญ่เทียมฟ้า
ก็สมควรที่กู้หนานเฉิงจะเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนหน้านี้ตระกูลฉินกับตระกูลกู้แค่แตกหักกัน เวลานี้ดูแล้วก็แทบจะกลายเป็นศัตรูไม่อาจอยู่ร่วมโลก การที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลย่ำแย่มาถึงตอนนี้ เป็นเรื่องที่กู้หนานเฉิงเองก็คาดไม่ถึง
กู้ชิวเหลิ่งเลื่อมใสหมากตานี้ของอวี้ฉือจ้านมาก
จูเอ๋อร์ช่วยถอดชุดนอกของกู้ชิวเหลิ่ง จากนั้นก็มองไปมองมาอย่างฉงนฉงาย “คุณหนู วันนี้ตอนที่ท่านออกไปไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่เจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งถอนสมาธิจากการคิดกลับมา เอ่ย “ตัวนั้นเปื้อนก็เลยทิ้งไปแล้ว”
“จริงสิ วันนี้เจ้าได้ไปเยี่ยมกู้เจินหรือไม่?”
จูเอ๋อร์ส่ายหน้า “ทำไมจู่ๆ คุณหนูก็ถามถึงเขาล่ะเจ้าคะ? ปกติบ่าวจะเว้นสองสามวันถึงจะไปหนหนึ่ง วันนี้ยังไม่ได้ไปเลยเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่ง “อ้อ” เบาๆ วันนี้กู้เจินปรากฏตัวได้ทันเวลามาก หากไม่ใช่เพราะมีดบินของเขารวดเร็ว ด้วยแผลที่ไหล่ซ้ายนางคงทัดทานคนพวกนั้นไม่ได้แน่ แต่…กู้เจินตามนางมาทำไม?
“อุ๊ย! บ่าวเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท”
จูเอ๋อร์ล้วงตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ เอ่ย “วันนี้เซียวโหวเย๋น้อยมาเจ้าค่ะ บอกว่ามาหาคุณหนู แต่เห็นคุณหนูไม่อยู่จึงมอบสิ่งนี้ให้บ่าว”
“เป็นกำไรของโรงน้ำชายีผิ่นในเดือนนี้เจ้าค่ะ”
จูเอ๋อร์หัวเราะแหะๆ เอ่ย “บ่าวไม่เคยเห็นตั๋วเงินมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเจ้าคะ”
กู้ชิวเหลิ่งรับตั๋วเงินมา ยกยิ้มที่มุมปาก “มีตั๋วเงินเหล่านี้ เรื่องโรงบ่อนก็จัดการไปได้แล้วเจ็ดแปดส่วน”
เมื่อนั้นใบหน้าจูเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยความตะลึง “คุณหนู! ท่านจะเปิดโรงบ่อนหรือเจ้าคะ? จะทำได้อย่างไร! ท่านเป็นถึงจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทองค์ปัจจุบันแต่งตั้งนะเจ้าคะ! ถ้าเรื่องนี้แดงออกไป ชื่อเสียงคุณหนูจะทำอย่างไร!”
“ไม่มีใครรู้ว่าจวิ้นจู่เป็นคนเปิดโรงบ่อนหรอก เจ้าวางใจได้”
นางจะเปิดโรงบ่อนแน่ และสถานที่ก็คือตำแหน่งที่ฝู้จื่อโม่เลือก สำหรับหอชุนเฟิงเต๋ออี้ ชื่อนี้นางกลับชอบมาก ดูสิว่าเป่ยไห่เฟิงจะทุ่มเงินถล่มที่นั่นจนราบเป็นหน้ากลองได้หรือไม่
เช่นนี้จะได้เบาแรงนางด้วย
กู้ชิวเหลิ่งมีความคิดอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา โรงบ่อนนี้ยังขาดอีกสองสามส่วน ขึ้นอยู่กับการเลือกคนของโรงบ่อนแล้ว
เมื่อล่วงเลยมาถึงยามดึก รถม้าที่มีศพของกู้ชิวเซียงกำลังแอบเข้าวังหลวงอยู่ ขนย้ายไปถึงตำหนักด้านข้าง
องค์หญิงอานไท่อยู่ในชุดผ้าไหมโปร่งตัวบาง เผยบ่าออกมาครึ่งหนึ่ง นางยังไม่ได้เข้านอน แต่กำลังนอนอยู่บนตั่งนอนด้วยท่วงท่าเกียจคร้าน สวมกำไลหยกเครือบทองอยู่ที่มือ มีไข่มุกสีชมพูอยู่ตรงคอ อานูที่อยู่ข้างกายกำลังบีบนวดไหล่ให้นางอยู่
เมื่อนั้นก็มีบุรุษนายหนึ่งหิ้วถุงกระสอบมา วางอยู่กับพื้นอย่างเบาเท้าเบามือ ดวงหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอ่ย “ทูลองค์หญิง เตรียมศพเรียบร้อยแล้ว เชิญองค์หญิงตรวจสอบได้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงอานไท่เพิ่งลืมตาขึ้นก็เห็นปากกระสอบบนพื้นเปิดออก ปรากฏใบหน้าของกู้ชิวเซียง เนื้อตัวมีรอยช้ำหลังจากเสียชีวิต ไม่งดงามดั่งเหมือนงานเลี้ยงในวังเมื่อก่อนหน้า
องค์หญิงอานไท่ปัดมือ “เปิดให้เห็นตัวนาง”
บุรุษรีบเปิดกระสอบอีก ร่างกายของกู้ชิวเซียงแข็งทื่อแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นเน่า เสื้อผ้าบนตัวเป็นของใหม่ แต่กลับยังสามารถเห็นร่องรอยตรงลำคอและหน้าอกของนางได้รางๆ
องค์หญิงอานไท่ลุกขึ้นนั่งแล้วดูใบหน้าของกู้ชิวเซียง กล่าวด้วยความรังเกียจ “หน้าตาสะสวยแล้วอย่างไร? หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ตายแล้วก็อัปลักษณ์เท่านั้นเอง!”
“องค์หญิง…นี่ท่านจะ?”
องค์หญิงอานไท่เอ่ย “หมดธุระเจ้าแล้ว ไปได้”
บุรุษไม่มากความ ค้อมตัวคำนับแล้วจากไป
ท่ามกลางยามวิกาล บุรุษทะยานตัวออกจากวังหลวงแล้วโผตัวไปทางจวนโหว
เมื่อนั้นความเหี้ยมก็แวบเข้ามาในแววตาขององค์หญิงอานไท่ นางชักดาบคู่กายของอานูออกมา แล้วกรีดใบหน้ากู้ชิวเซียง ปราศจากเลือดและใบหน้ากู้ชิวเซียงเกิดเป็นรอยแผลทันที
“ผู้ชายที่ข้าอานไท่ต้องการ ผู้ใดก็ชิงไปไม่ได้! ถึงจะเป็นคนตายก็ไม่มีสิทธิ์!”
องค์หญิงอานไท่บีบคางของกู้ชิวเซียง กล่าวด้วยน้ำเสียงโหด “ท่านอ๋องหกเคยชินกับความงามดั่งบุปผาของเจ้า ถ้าข้าให้ทุกคนและให้เขาเห็นสภาพเจ้าเยี่ยงนี้ พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหนอ?”
หญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเสียโฉม แม้ตายนางก็จะไม่ให้กู้ชิวเซียงได้ตายสบายๆ
กู้ชิวเหลิ่งและอวี้ฉือจ้านนั่งอยู่ในสวนเฉินเซียง ค่ำคืนดึกดื่นมีเงาร่างค้อมตัวหนึ่งบุกเข้ามา บุรุษกึ่งคุกเข่าอยู่กับพื้น รายงาน “ข้าน้อยทำงานเสร็จแล้ว ส่งศพไปถึงหน้าองค์หญิงอานไท่แล้วขอรับ”
อวี้ฉือจ้านพยักหน้า “ต่อไปเจ้าไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าองค์หญิงอานไท่แล้ว”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งเผยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็คือนายช่างหลี่ในเรือนดอกไม้นี่เอง ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าชื่อว่าหลี่มู่?”
“ขอรับ!”
“ข้าจำเจ้าได้แล้ว เจ้าออกไปได้”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งรินน้ำชาให้อวี้ฉือจ้านจอกหนึ่ง เอ่ย “องค์หญิงอานไท่ช่างโง่งมโดยแท้ วังหลวงต้าเยียนรัดกุมแน่นหนา จะขนย้ายศพเข้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร? ถ้าไม่มีเซ่อเจิ้งหวางแอบช่วยอยู่ลับๆ คงไม่ประสบความสำเร็จเป็นแน่”
อวี้ฉือจ้านยิ้มน้อยๆ “เจ้าพูดถูก นางฉลาดสู้เจ้าไม่ได้จริงๆ และเพราะนางไม่ฉลาด ข้าถึงเลือกนางมาเป็นแพะรับบาป”
กู้ชิวเหลิ่งดื่มน้ำชาอึกหนึ่ง เอ่ย “เซ่อเจิ้งหวางมาเร็วเช่นนี้ หรือว่าจะมีข่าวจากหอชุนเฟิงเต๋ออี้แล้ว?”