ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 146 เรื่องที่ได้ยินอาจไม่จริงเสมอไป
ทุกวันจูเอ๋อร์ต้องพูดแทนอวี่เหวินเจี๋ยสักสองประโยค กู้ชิวเหลิ่งที่จริงจังสามส่วนในทีแรก ยามนี้กลายเป็นเหลือเพียงส่วนเดียวแล้ว ทว่านางก็ยังถามด้วยความอดทน “ลองว่ามาสิ ว่าทำไมเจ้าถึงรู้สึกว่าท่านอ๋องรองดีกว่า”
“ก็เพราะถึงท่านอ๋องรองจะพูดน้อย แต่ทุกครั้งก็เป็นห่วงคุณหนูมาก ถึงคุณหนูจะออกเรือนด้วย ท่านอ๋องก็ต้องปฏิบัติตัวกับคุณหนูด้วยความจริงใจแน่เจ้าค่ะ จะไม่กดขี่ข่มเหงเด็ดขาด แต่เซ่อเจิ้งหวาง…”
“แต่เซ่อเจิ้งหวางร่างสูงใหญ่กำยำ ทั้งยังเป็นเทพสงครามใจหินที่มาจากสมรภูมิรบ หากข้าออกเรือนไปกับเขา บางทีอาจถูกทำร้ายร่างกาย ถูกมองด้วยสายตาเย็นชา อีกอย่างเซ่อเจิ้งหวางก็มีความสัมพันธ์คลุมเครือกับฝู้ซื่อจื่อ หากเขามีรสนิยมชอบบุรุษ ข้าต้องเฝ้าเรือนอยู่ตามลำพัง โดดเดี่ยวเดียวดายตลอดชีวิต?”
จูเอ๋อร์ผงกศีรษะงกๆ ราวกับลูกเจี๊ยบจิกเม็ดข้าว “เอ่ย ที่แท้คุณหนูก็ทราบหมด! เสียที่ที่บ่าวเป็นห่วงจริงๆ!”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้าอย่างระอา “เรื่องที่ได้ยินอาจไม่จริงเสมอไป ที่เห็นจึงจะเป็นเรื่องจริง ต่อไปเจ้าอย่าได้ฟังเรื่องเล่าข่าวลืออะไรอีก แล้วไม่ต้องพูดถึงอวี่เหวินเจี๋ยต่อหน้าข้าด้วย”
จูเอ๋อร์พลันห่อเหี่ยวใจเอ่ย “คุณหนู บ่าวพูดจริงๆ นะเจ้าคะ คนข้างนอกร่ำลือว่าระยะนี้เซ่อเจิ้งหวางอารมณ์แปรปรวน ปฏิเสธฝู้ซื่อจื่ออยู่นอกประตูครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเอาใจเซ่อเจิ้งหวาง ฝู้ซื่อจื่อยังถึงกับปีนกำแพงทุกวี่วัน ตอนนี้คนข้างนอกไปดูกำแพงด้านนอกของเซ่อเจิ้งหวาง นั่นสูงกว่าเดิมตั้งหลายเมตรแน่ะเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งหัวเราะร่า จูเอ๋อร์ถามอย่างไม่ทราบสาเหตุ “คุณหนู? นี่ท่านขันอะไรเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า ตอบ “ไม่มีอะไร ดึกมากแล้ว พวกเราเข้านอนเร็วหน่อยเถอะ”
“คุณหนู มิเช่นนั้นวันนี้บ่าวนอนเป็นเพื่อนท่านเถอะ ช่วงนี้สถานการณ์ในจวนไม่สงบ บ่าวนอนเป็นเพื่อนท่านจะได้ปกป้องท่านได้ตลอดเวลา!”
กู้ชิวเหลิ่งทราบแก่ใจว่าจูเอ๋อร์กลัว แต่กลับไม่ได้แสดงออก เพียงแต่พยักหน้า เอ่ย “เช่นนี้ช่วงนี้เจ้าก็นอนกับข้าเถอะ”
“เจ้าค่ะ!”
มู่หรงอี๋สวมชุดกระโปรงลากพื้นลายดอกโบตั๋นสีแดง สวมกวานหงส์ โฉมหน้าราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า ดวงตาคู่นั้นไม่ทราบว่าชวนให้บุรุษลุ่มหลงเพียงใด ความเย้ายวนรอบตัวไม่อาจบรรยาย นางยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาจับจดอยู่กับนาง
“มู่หรงชิว เวลานี้เจ้าช่างสุขสบายดีจริงนะ?”
“ข้ากำลังจะได้เป็นฮองเฮาของฝ่าบาท จุ๊ๆ ถึงเจ้าจะเป็นสตรีที่ยากจะพบพานของแคว้นฉีแล้วจะอย่างไร? เคยเป็นพระชายาเอกของฝ่าบาทแล้วจะอย่างไร! ตอนนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ยังตกเป็นของข้ามู่หรงอี๋ในที่สุด!”
“มู่หรงชิว! ตายไปพร้อมกับลูกของเจ้าในท้องเถอะ!”
นางราวกับเห็นตัวเองที่มีเลือดท่วมร่าง คุกเข่าอยู่กับพื้นดั่งสุนัขตื่นตระหนก มีโซ่ตรวนพันธนาการรอบตัว พวกนางหักนิ้วของนาง นางที่ถูกมัดไม่อาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย ได้แต่ทนให้ตะกั่วร้อนผะผ่าวเข้าลำคอ แล้วก็ตายไปด้วยความอัดอั้นและความแค้นในท้ายที่สุด
เสียงหัวเราะคลั่งของมู่หรงอี๋วนเวียนอยู่ข้างใบหู นั่นเป็นเสียงหัวเราะที่ได้ทุกสิ่งและไม่เห็นทุกสิ่งอยู่ในสายตา
กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้นพรึบ พบว่าท้องฟ้าสว่างโร่แล้ว ส่วนเนื้อตัวชุ่มโชกนานแล้ว
ใช่ จวินฉีเซิ่งยังอยู่ เขายังอยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่ระยะนี้สมองนางปรากฏเงาของอวี้ฉือจ้าน ความสนใจก็มักไม่อยู่กับร่องกับรอย นางเสียเวลาไปหลายวันเหลือเกินต้องทำให้จวินฉีเซิ่งสูญเสียอะไรไปบ้างให้ได้!
จูเอ๋อร์กำลังตักน้ำมากะละมังหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “เจ้าไปเตรียมหมึก พู่กันกับกระดาษ ข้าจะวาดภาพ”
“หา? บ่าวจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
จูเอ๋อร์เกาศีรษะด้วยความงุนงง นี่เพิ่งจะเช้า จู่ๆ คุณหนูของตนก็อยากวาดภาพ
กู้ชิวเหลิ่งเดินไปถึงหน้าโต๊ะ ปรากฏรูปร่างหน้าตาของฉินโม่เอ๋อร์ในสมอง
จูเอ๋อร์เตรียมสีต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เดินมาตรงหน้า ถาม “คุณหนู ท่านจะวาดใครหรือเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งวาดเค้าโครง นางจงใจวาดรูปร่างให้ไม่ชัด วาดดอกโบตั๋นบานสะพรั่งอยู่รอบๆ ที่แคว้นฉี ดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ของฮองเฮา มู่หรงอี๋เลื่อนตำแหน่งจากสนมเฟยเป็นสนมกุ้ยเฟยแล้ว นางใช้เวลาสามปี แต่กลับไม่ได้ย้ายเข้าตำหนักไท่จื่อสักที ถ้าคราวนี้มู่หรงอี๋เห็นภาพนี้แล้ว นางก็อยากดูสิว่ามู่หรงอี๋ยังจะกลั้นโทสะนี้ได้หรือไม่
ขณะที่วาดภาพนี้เสร็จก็ล่วงเลยไปครึ่งชั่วยามแล้ว กู้ชิวเหลิ่งวาดฉินโม่เอ๋อร์เป็นยอดหญิงงามได้สักที ทั้งยังเสริมเติมแต่งไปอีกมาก ชวนให้คนเห็นแล้วต้องเกิดความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “หลังจากจวินฉีเซิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ ด้วยนิสัยของเขา ต้องไม่ให้ลูกสาวขุนนางฝ่ายบู๊เป็นฮองเฮา อันจะนำมาซึ่งการขยายอิทธิพลขุนนางฝ่ายบู๊ แต่ต้องเลือกลูกสาวของเฉิงเซี่ยงเป็นฮองเฮาแน่นอน”
สำหรับจวินฉีเซิ่งแล้วไม่มีหญิงใดคู่ควรกับการปฏิบัติอย่างจริงใจสักคน ทุกคนล้วนเป็นเพียงของเล่นของเขาเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นแค่บันไดสู่ความสำเร็จ ส่วนฮองเฮาที่ว่าก็แค่หมากที่จวินฉีเซิ่งใช้คุมสถานการณ์ จำได้ว่าหลังจากจวินฉีเซิ่งขึ้นครองราชย์แล้ว เหวินซูอวิ๋นบุตรีในภรรยาเอกของเหวินเฉิงเซี่ยงเป็นสตรีที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถและคุณธรรม แม้ว่าโฉมหน้าจะสู้มู่หรงอี๋ไม่ได้ แต่ก็เป็นสตรีที่สง่างาม ด้วยความเข้าใจที่มีต่อจวินฉีเซิ่ง ต้องเลือกนางผู้นี้เป็นฮองเฮาแน่ ขยายอิทธิพลขุนนางฝ่ายบุ๋น จากนั้นเพื่อให้เกิดความสมดุลในราชสำนักก็ให้บุตรสาวของขุนนางฝ่ายบู๊เป็นสนม
มู่หรงอี๋มีเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ จะไม่รังแกฮองเฮาของขุนนางฝ่ายบุ๋นได้อย่างไร?
คงเพราะมู่หรงอี๋ไม่เคยเห็นเหวินซูหวิ๋นอยู่ในสายตา ที่นางกังวลอยู่ตลอดก็คือหญิงงามที่มากด้วยความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ มีอำนาจและอิทธิพล ส่วนฉินโม่เอ๋อร์กำเนิดในจวนกั๋วกง เป็นชนชั้นสูงของต้าเยียน แล้วยังเป็นองค์หญิงเหอชินอีก ด้วยนิสัยของมู่หรงอี๋ นางต้องเห็นฉินโม่เอ๋อร์เป็นหนามยอกอกแน่
น่ากลัวว่าเวลานี้ ไม่ว่าผู้ที่วิวาห์กับจวินฉีเซิ่งจะเป็นใคร ข่าวนี้ต้องรู้ไปถึงหูมู่หรงอี๋เป็นคนแรกแน่
เช่นนั้นภาพวาดนี้ก็จะได้ใช้ประโยชน์พอดิบพอดี
กู้ชิวเหลิ่งมองภาพวาดสองม้วนในลิ้นชัก ภาพหนึ่งคือภาพของจวินหวาเทียน อีกภาพหนึ่งคือภาพของฉินโม่เอ๋อร์ เมื่อวานนางลืมไป ดังนั้นคราวหน้าต้องนำภาพของฉินโม่เอ๋อร์ไปให้อวี้ฉือจ้านจัดการด้วยเลยทีเดียว
ขอเพียงภาพนี้ส่งไปตรงหน้ามู่หรงอี๋ ก็ไม่ต้องกลัวว่ามู่หรงอี๋จะไม่พลิกฟ้าอาละวาดวังหลวง
กู้ชิวเหลิ่งปิดลิ้นชัก เอ่ย “เตรียมของขวัญแสดงความยินดีวันมะรืนแล้วหรือยัง?”
“คุณหนูโปรดวางใจ อยู่ในรายการของขวัญแล้ว บ่าวเตรียมเสร็จนางแล้วเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า เอ่ย “ส่วนของอวี่เหวินหวายกับองค์หญิงอานไท่จัดของส่งไปตามธรรมเนียมก็พอ สำหรับของฉินโม่เอ๋อร์และจวินฉีเซิ่ง ข้าจะคิดดูก่อน”
“คุณหนูจะเตรียมของขวัญเองหรือเจ้าคะ?”
“ใช่ ข้าจะให้ฉินโม่เอ๋อร์กับจวินฉีเซิ่งได้เห็นของขวัญชิ้นนี้ด้วยกัน”
กู้ชิวเหลิ่งเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ไปเตรียมรถม้า ข้าจะไปหอจูชุ่ยสักหน่อย”
“คุณหนูจะไปพบเซียวโหวเย๋น้อยหรือเจ้าคะ?”
“ข้าจะไปเตรียมของขวัญที่มีเพียงหนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร และมีแต่หอจูชุ่ยเท่านั้นที่มีของขวัญชิ้นนี้”
“บ่าวจะไปเตรียมรถม้าเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าคันฉ่องทองเหลือง แต่งทรงผม มองดวงหน้าอันคุ้นเคยและแปลกหน้าในคันฉ่อง หน้าตามู่หรงชิวในใจแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ในอดีตนางถูกทำร้ายอย่างไร ชาตินี้จะต้องเอาคืนอย่างนั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า!